แม้จะมีแค่ 6 จังหวัด แต่ด้วยความที่โทโฮคุเป็นภูมิภาคหนึ่งที่กว้างมากๆ ทำให้การจัดทริปเที่ยวในโทโฮคุต้องมีการนั่งรถไฟและการเวียนพักตามที่พักต่างๆ ในภูมิภาคอยู่ด้วยเสมอ แน่นอนว่าไฮไลท์ของการเที่ยวก็คือตัวสถานที่ท่องเที่ยว แต่ถ้ารถไฟที่นั่งและโรงแรมที่พักก็ทำให้เราสนุกได้เช่นกันล่ะ? ทริปต้องสนุกขึ้นและเพลิดเพลินได้ไม่มีสะดุดแน่นอน!
แล้วต้องขึ้นรถไฟอะไรและต้องพักที่ไหนล่ะ? งานนี้เรามาตามคุณรุจไปขึ้นรถไฟและเช็คอินที่พักสุดพิเศษที่นำเสนอความเป็นโทโฮคุได้อย่างมีเสน่ห์และชวนให้กลับมาซ้ำได้เรื่อยๆ จะเป็นอะไรนั้น มาดูกันได้เลย
บทความนี้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ Collaboration กับคุณรุจ (ศุภรุจ เตชะตานนท์) หรือรุจ เดอะสตาร์ซึ่งปัจจุบันรับอีกบทบาทเป็นแอดมินสุดเฟรนด์ลี่ที่คอยแบ่งปันมุมสวยๆ ของญี่ปุ่นในเพจ Outside The Room โดยซีรี่ส์นี้เป็นซีรี่ส์ที่เราจะขอชวนทุกคนก้าว Outside The Room ของตัวเองและเข้ามาเที่ยว Inside โทโฮคุพร้อมข้อมูลแน่นปั้กและเรื่องเล่าแบบ Insight จากคุณรุจ สำหรับตอนสุดท้ายนี้เป็นคิวของ TOHOKU EMOTION รถไฟภัตตาคาร และ Wanoi KAKUNODATE บ้านพักที่รีโนเวทจากยุ้งฉางอายุร้อยปีกลางย่านคฤหาสน์ซามูไร แถมท้ายด้วย GALA Yuzawa สกีรีสอร์ทที่จะมาทำให้ทริปเที่ยวโทโฮคุคอมพลีทยิ่งขึ้น! จากตรงนี้ เราขอส่งปากกาต่อให้คุณรุจเลยค่ะ
TOHOKU EMOTION รถไฟภัตตาคารหรูเลียบมหาสมุทรแปซิฟิก
พูดถึงรถไฟในโทโฮคุก็ต้อง JR EAST และในบรรดารถไฟของ JR EAST ก็มีรถไฟขบวนพิเศษอยู่ชุดหนึ่งก็คือ Joyful Train รถไฟท่องเที่ยวที่มีธีมพิเศษต่างกันออกไปตามแต่ละขบวน ถามว่าขบวนไหนคนแย่งกันขึ้นเยอะสุด? คงต้องยกให้ TOHOKU EMOTION เลย เพราะขบวนนี้เป็นรถไฟธีมภัตตาคารหรูระดับ Fine Dining และของกินอร่อยๆ ก็ไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้วด้วยเนอะ?
TOHOKU EMOTION เป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างสถานี JR Hachinohe ในจังหวัดอาโอโมริและสถานี JR Kuji ในจังหวัดอิวาเตะโดยไม่แวะจอดที่สถานีใดเลย และของกินที่เสิร์ฟในขาออกจะเป็นอาหารกลางวันแบบ Full Course ที่นำวัตถุดิบท้องถิ่นของโทโฮคุมาเนรมิตเป็นอาหารชั้นเยี่ยม ในขณะที่ขากลับเป็นบุฟเฟ่ต์ของหวานสั่งได้ไม่อั้น ไม่ว่าจะนั่งขาไหนก็มีของอร่อยเข้าปากตลอด แต่ไหนๆ มาถึงทั้งทีก็ต้องจัดเต็มทั้งคาวและหวานถึงจะคุ้ม!
เราเริ่มกันที่สถานี JR Hachinohe เพื่อนั่งรถขาออกซึ่งเสิร์ฟอาหารกลางวัน พอลงมาถึงชานชาลาก็มีรถไฟมาจอดรอแล้วเรียบร้อย
เห็นตัวรถไฟขาวมินิมอลแบบนี้ แต่พอก้าวเข้าไปข้างในก็เหมือนเข้าไปในภัตตาคารหรูเลย บางครั้งก็ยังลืมไปด้วยซ้ำว่าเรากำลังอยู่บนรถไฟ
ขาไปเราได้ที่นั่งในห้อง Compartment ที่ส่วนตั๊วส่วนตัว เหมาะกับใครที่มากับแก๊งเพื่อน แฟน หรือครอบครัวและอยากนั่งอร่อยกับอาหารแบบส่วนตัว
ตรงที่นั่งจะมีเซ็ตอุปกรณ์ช้อนส้อมครบพร้อมเมนู มีทั้งแบบภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ ในนั้นจะเขียนให้เรารู้เลยว่าในคอร์สอาหารนี้เราจะได้อะไรบ้าง ไล่ตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อยไปจนถึงจานของหวาน ต่อให้ดูเมนูแล้วไม่รู้ว่าแต่ละเมนูคืออะไรบ้าง แต่ขึ้นชื่อว่าเป็น TOHOKU EMOTION แล้วก็ต้องอร่อยทุกอย่างแน่นอน
ตอนรถไฟออกก็จะมีโมเม้นต์น่ารักๆ ที่ทั้งพนักงานบนรถไฟและผู้คนบนชานชาลาโบกมือให้กัน บรรยากาศแบบนี้เราจะเห็นได้ทุกครั้งที่รถไฟขบวนพิเศษอย่าง TOHOKU EMOTION เริ่มต้นการเดินทางของมัน พอรถออกจากสถานีไม่นานพนักงานที่น่ารักก็เข้ามารับออเดอร์เครื่องดื่ม ดื่มได้ไม่อั้นนะเออ! พอลองถามๆ ดูว่ามีอันไหนแนะนำไหม เขาบอกที่เป็นตัวเอกเลยก็มีน้ำแอปเปิ้ลอาโอโมริ และแอปเปิ้ลไซเดอร์ (มีแอลกอฮอล์) ที่ทำจากแอปเปิ้ลอาโอโมริซึ่งขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในญี่ปุ่น ส่วนตัวเราเป็นคนไม่ดื่ม เลยเลือกน้ำแอปเปิ้ลอาโอโมริไป และถือเป็นน้ำแอปเปิ้ลที่เข้มข้นและอร่อยสุดเท่าที่เคยดื่มมาเลย แค่จิบแรกก็ได้กลิ่นหอมแอปเปิ้ลพร้อมรสเปรี้ยวหวานกำลังดีลงคอแบบเต็มๆ สดชื่นชนิดที่รู้สึกว่าโลกสดใสขึ้นมาอีกช็อตนึงเลย
แต่เราไม่ได้มาอร่อยกันแค่นี้ พนักงานกลับเข้ามาอีกรอบแล้วพร้อมกับอาหารจานแรก เริ่มเลย!
สตาร์ทกันด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย ในจำนวนนี้มีเช่นมูสดอกกะหล่ำเนื้อเนียนหอมมัน Pàté เนื้อกวาง และแซลมอนย่างพร้อมซอสทาร์ทาร์หัวผักกาดเป็นต้น
วอร์มอัพกระเพาะกันเรียบร้อยแล้ว จนถึงตอนนี้รถไฟก็เริ่มเข้าสู่ช่วงที่เราเห็นวิวมหาสมุทรแปซิฟิกกันแล้ว จริงๆ ตอนแรกหวังว่าจะได้เห็นวิวมหาสมุทรสีน้ำเงินตัดกับฟ้าโปร่งสักหน่อย แต่เสียดายว่าฟ้าเน่าเลยอดไป ถึงอย่างนั้นเราก็ได้วิวหิมะขาวโพลนมาแทน ซึ่งสวยไปอีกแบบเหมือนฉากหนังขาวดำคลาสสิกเลย และยิ่งพอคู่กับอาหารอร่อยๆ ล่ะก็ยิ่งเพอร์เฟ็กต์เลย โดยเฉพาะจานถัดไปของเราซึ่งเป็นเมนู Meunière ปลาค็อดเนื้อแน่นในครีมหอมมันรสกลมกล่อม เห็นเนื้อปลาชิ้นโตและซอสครีมชุ่มขนาดนี้ก็ยังรู้สึกว่าไม่พอเลย เพราะอร่อยมากจนให้กินเป็นสิบๆ จานยังได้ แต่ถ้าแบบนั้นเราจะไม่เหลือพุงไว้สำหรับ Main Dish ของเรา
เอาล่ะ อาหารเรามาแล้ว Main Dish จานนี้เป็น Confit เนื้อวัวสีเข้มที่ตกแต่งด้วยผักและซอสสีสันสดใสทำให้แค่เห็นก็มีความสุขแล้ว แต่เรายังแฮปปี้ได้อีกตอนตักเข้าปาก เนื้อนุ่มมากและเสิร์ฟแบบชิ้นโตเต็มปากเต็มคำ ตอนเคี้ยวงี้ซอสและรสชาติฉ่ำเต็มปากมาก ยิ่งกินพร้อมผักจะมีรสหวานจากผักมาแจมด้วย และถ้ากลัวไม่อิ่มก็มีขนมปังกลมดิ๊กหอมนุ่มมาช่วยเสริมด้วย
ปิดท้ายคอร์สกันด้วยของหวาน ซึ่งที่ท็อปฟอร์มยกให้แอปเปิ้ลย่างและครีมคัสตาร์ดเลย แอปเปิ้ลหวานชิ้นโตย่างจนหอมคาราเมล แค่กินเพียวๆ ก็เริ่ดแล้ว ยิ่งบวกกับครีมคัสตาร์ดหวานกำลังดีแล้วก็ยิ่งเริ่ดไปใหญ่
ระหว่างกำลังอร่อยกับอาหาร รถไฟก็เข้าใกล้สถานี JR Kuji ที่เป็นสถานีปลายทางเข้าไปทุกขณะ ช่วงนั้นเองที่ตาเราเหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนโบกมือพร้อมธงให้กลางหิมะโปรยปรายตอนที่รถไฟกำลังวิ่งผ่าน คนกลุ่มนี้คืออาสาสมัครที่เป็นคนในท้องที่นั่นเอง เท้าความนิดนึงว่ารถไฟ TOHOKU EMOTION เป็นรถไฟที่สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและช่วยฟื้นฟูจังหวัดอิวาเตะซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิและแผ่นดินไหวเมื่อปี 2011 ดังนั้นการที่เรามานั่งรถไฟเที่ยวแบบนี้ถือเป็นการช่วยฟื้นฟูจังหวัดอิวาเตะไปในตัวด้วย จึงมีอาสาสมัครออกมาโบกมือต้อนรับเพื่อขอบคุณทุกคนที่มาเที่ยวและช่วยสนับสนุนเป็นกำลังใจให้กับบ้านเกิดของพวกเขานั่นเอง ซึ่งพวกเขามาต้อนรับกันแบบนี้ทุกเที่ยว ไม่เว้นวันที่หิมะตกหนักอย่างวันที่เราไปด้วย
กินจนพุงกางแล้วก็มาถึงสถานี JR Kuji ที่เป็นสถานีปลายทางในจังหวัดอิวาเตะ ตรงนี้เรามีเวลาเดินเล่นรอบๆ เพื่อย่อยอาหารประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนจะขึ้นรถไฟขากลับ
ผลาญมื้อกลางวันในพุงกันไปแล้ว ได้เวลากลับขึ้น TOHOKU EMOTION เพื่ออร่อยยกสองกัน สำหรับขากลับจากอิวาเตะไปอาโอโมรินี้จะเป็นบุฟเฟ่ต์ขนมหวานที่สั่งได้ไม่อั้นเลย แต่ก่อนอื่น ในตอนแรกทุกคนจะได้จาน Assorted Dessert Plate ที่มีขนม 3 อย่าง โดยตรงกลางมีไวท์ช็อคโกแลตโลโก้ TOHOKU EMOTION ด้วย
ถ่ายรูปกันพอแล้วก็เริ่มกินเลย อันที่รู้สึกว่าชอบที่สุดในจานแรกนี้คือไอศกรีมเชอร์เบ็ตแบล็กเคอร์แรนท์ที่เปรี้ยวหวานสดชื่นมาก ช่วยกระตุ้นความอยากของหวานได้เป็นอย่างดีเลย
หลังเสร็จจากจานแรกปุ๊บก็เริ่มมาสั่งของหวานกัน โดยเราจะได้แผ่นเมนูมา (เป็นภาษาอังกฤษด้วย!) ให้เราจิ้มภาพสั่งกับพนักงานได้เลย ของหวานในบุฟเฟ่ต์มีเช่น Gateau Chocolate, Berry Tart, N.Y. cheese cake & Apple caramelization รวมถึงของคาวสำหรับใครที่อยากได้อะไรเค็มๆ มาตัดเลี่ยน เช่นถั่ว แฮม และซีฟู้ดหมักซอสมาริเนะ
ในบรรดาของคาวเราขอยกให้ซีฟู้ดเป็นตัวตึงเลย โดยเฉพาะกุ้งเนื้อหวานเคี้ยวกรุบๆ ที่พอได้กินทีแทบจะอยากสั่งแต่จานนี้จนลืมของหวาน แต่ไม่ได้! เราขึ้นรถไฟขานี้เพื่อของหวาน! เพราะงั้นเราจะสั่งของหวานวนไป และแน่นอนว่าถ้าคอแห้งขึ้นมา ขานี้ก็มีน้ำแอปเปิ้ลอาโอโมริให้สั่งมาจิบด้วยเช่นกัน
กว่ารถไฟจะพาเรากลับมาถึงสถานี JR Hachinohe อีกทีก็เป็นตอนเย็นๆ แล้ว จนถึงตอนนั้นทุกคนบนรถต่างกินเต็มที่จนพุงกาง ตัวเราเองก็แทบจะเดินต้วมเตี้ยมลงจากรถไฟเพราะกินไปไม่หยุดเหมือนกัน ถ้ากลับถึงไทยคงต้องตั้งใจวิ่งออกกำลังกายแล้ว แต่ก็ไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด เพราะของบนรถไฟอร่อยขนาดนี้จะให้หยุดได้ไง!
ไว้วันหลังจะกลับมาขึ้น TOHOKU EMOTION อีกครั้งในวันฟ้าใสเพื่อเก็บไฮไลท์บนรถไฟให้ครบ แถมเมนูบนรถจะเปลี่ยนไปทุกๆ 3-6 เดือนด้วย จนถึงตอนนั้นต้องมีเมนูใหม่อร่อยๆ ให้เรากินได้ไม่ซ้ำแน่นอน สมกับที่หลายคนบอกว่ามาขึ้นกี่ครั้งก็ไม่เคยพอ
แถมเพิ่มนิดนึงว่าแนะนำให้มาขึ้นรถไฟกับแฟน ครอบครัว หรือคนที่เราปลาบปลื้มดีกว่า เพราะบรรยากาศดีมากๆ ของกินก็อร่อย อย่ามากับเพื่อนเลย เพราะจะแย่งกันกิน ฮ่าๆๆ โน้ตไว้นิดนึงว่าถ้าจะขึ้น TOHOKU EMOTION จะต้องซื้อ Meal Package เท่านั้นนะ เพราะรถไฟขบวนนี้ใช้ตั๋ว JR EAST PASS ขึ้นไม่ได้ แต่แค่ใช้ตั๋ว JR EAST PASS นั่งชินกันเซ็นขึ้นมาถึงอาโอโมริก็ช่วยประหยัดไปได้เยอะแล้ว และ Meal Package ของ TOHOKU EMOTION เป็นอะไรที่คุ้มค่าแก่การมาลองสักครั้งแน่นอน!
TOHOKU EMOTION
รถไฟ Joyful Train ธีมภัตตาคารระดับ Fine Dining ของ JR East ที่ให้ผู้โดยสารอร่อยกับอาหารกลางวัน Full Course และบุฟเฟ่ต์ของหวานได้พร้อมกับชมวิวทะเลแห่งชายฝั่งซันริคุ
สถานีที่ให้บริการ: สถานี JR Hachinohe ในจังหวัดอาโอโมริ-สถานี JR Kuji ในจังหวัดอิวาเตะ (ไม่แวะจอดระหว่างทาง)
Website จองที่นั่ง: jre-joyful.com
ราคา Meal Package: *TOHOKU EMOTION เป็นรถไฟจำกัดเฉพาะผู้ซื้อ Meal Package เท่านั้น ไม่สามารถใช้ JR EAST PASS (Tohoku area) ขึ้นได้
-ขาออกจาก JR Hachinohe ไป JR Kuji เมนู Full Course Lunch ราคา 8,600 เยน
-ขาเข้าจาก JR Kuji ไป JR Hachinohe บุฟเฟ่ต์ขนมและของหวาน 5,100 เยน
-Round Trip ทั้งขาไป-กลับ (Hachinohe → Kuji → Hachinohe) ราคา 13,700 เยน
Wanoi KAKUNODATE บ้านพักหอมกลิ่นอายวิถีชีวิตซามูไร
ตั้งแต่ที่เริ่มรู้จักญี่ปุ่น หลายคนรวมถึงตัวเราเองก็รู้จักซามูไรในอิมเมจที่เท่และสื่อถึงความเป็นญี่ปุ่น จนแค่ได้ยินคีย์เวิร์ดว่าซามูไรก็ตื่นเต้นแล้ว และถ้าเราบอกว่าเราสามารถค้างคืนในที่พักใจกลางย่านคฤหาสน์ซามูไรล่ะ? ฮั่นแน่ เริ่มสนใจกันแล้วใช่ไหม? ลากกระเป๋าเดินทางตามเรามาที่ Wanoi KAKUNODATE กันเลย
Wanoi KAKUNODATE เป็นที่พักในคาคุโนะดาเตะ (角館) ย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยคฤหาสน์ซามูไรของจังหวัดอาคิตะ และเป็นที่พักในย่านนี้ทั้งทีก็ต้องพิเศษให้สมกับที่ตั้งอยู่ใน Little Kyoto แห่งโทโฮคุ (ชื่อเล่นของคาคุโนะดาเตะ) กันหน่อย!
ความ Exclusive ของ Wanoi KAKUNODATE เริ่มตั้งแต่บ้านพักที่มีแค่ 3 หลังเท่านั้น! ที่น้อยแบบนี้ก็เพราะบ้านพักนั้นล้วนเป็นบ้านพักที่นำยุ้งฉางเก่าแก่อายุร้อยปีในพื้นที่มารีโนเวทใหม่ให้อยู่สบายทันสมัยแต่ยังคงบรรยากาศแบบเดิม แต่ละหลังจะมีธีมของตัวเอง ได้แก่ Tanmonogura ที่มีธีมคือผ้าทอซึ่งสะท้อนถึงอดีตของยุ้งฉางแห่งนี้ที่เคยเป็นร้านค้าผ้าทอในช่วงปลายยุคเอโดะมาก่อน, Gakkogura ที่มีธีมคือของดอง (Gakko ในภาษาญี่ปุ่น) โดยในบ้านพักจะมีของตกแต่งเช่นถังและอุปกรณ์สำหรับดองอาหารต่างๆ และหลังสุดท้ายคือ Bushigura บ้านพักธีมซามูไรที่ข้างในจะมีข้าวของที่ซามูไรตัวจริงเคยใช้งานมาก่อนด้วย และเป็นบ้านพักที่ผู้คนแย่งกันพักมากที่สุดในบรรดาทั้ง 3 หลังด้วย
โชคดีที่เราได้ไปพักในช่วงฤดูหนาวซึ่งถือเป็นช่วง Low Season ของที่นี่ทำให้ไม่ต้องแย่งชิงที่พักกับใครมาก และได้พักใน Bushigura ด้วยนะเออ! (ขอขิงหน่อย ฮ่าๆ )
Bushigura นี้เข้าพักได้มากสุด 6 คนเลยทีเดียว โดยเราจะได้พื้นที่บ้านทั้งหลังเป็นของตัวเอง ส่วนตัวมากๆ แต่ถ้ามากันแค่คนสองคนก็อาจจะเหงาๆ นิดหน่อยนะ เพราะงั้นแนะนำว่ามากันเป็นแก๊งจะสนุกที่สุด
แค่มาถึงหน้าประตูก็ได้ฟีลเหมือนย้อนเวลากลับมาอยู่ในอดีตแล้ว แต่บ้านพักนี้ซ่อนความทันสมัยไว้เพียบ เช่นที่ประตูจะเป็นระบบล็อคให้กดรหัสเข้าไป เพราะงั้นเรื่องความปลอดภัยนี่หายห่วงได้แล้วหนึ่ง
ผ่านประตูเข้าไปปุ๊บ ถอดรองเท้าก้าวเข้าบ้านปั๊บก็เจอห้องนั่งเล่นที่น่าสนใจไม่น้อยเลย เพราะแทนที่จะเป็นโต๊ะและเก้าอี้รับรองแบบทั่วไป ที่นี่มีเตาอิโรริ (囲炉裏) เตาก่อไฟแบบเก่าแก่ของญี่ปุ่นตั้งอยู่โดยมีเคาน์เตอร์ไม้ล้อมรอบเป็นสี่เหลี่ยมให้นั่งได้แบบหย่อนขาลงไปที่พื้นที่ด้านล่าง เป็นการรวมความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมและความสมัยใหม่ไว้ด้วยกันได้แบบมินิมอลและลงตัวมากทีเดียว
ในห้องนั่งเล่นยังมีมุมครัวซึ่งมีอุปกรณ์ครบ พร้อมเซ็ทถ้วยงานปั้นดินเผาสีน้ำตาล-น้ำเงินสวยน่าหยิบมาชงกาแฟหรือชาสักถ้วย และพอมองไปรอบๆ จะเห็นตู้ลิ้นชักและของเก่าแก่อื่นๆ วางอยู่ ซึ่งเป็นของที่เคยถูกใช้งานจริงมาทั้งนั้น รวมถึงชุดเกราะซามูไรที่ตั้งอยู่ในมุมห้องด้วย ไม่ต้องห่วง หลังจากค้างมาคืนหนึ่งชุดเกราะนี่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาเดินไปรอบๆ แต่อย่างใด
ในชั้นหนึ่งยังมีห้องนอนอีกห้องเตรียมไว้ และห้องน้ำ ซึ่งมีแยกระหว่างสุขาและห้องอาบน้ำ ตัวสุขาเป็นแบบทันสมัยเลยเพราะงั้นไม่ต้องห่วง ส่วนห้องอาบน้ำเป็นแบบโอฟุโระที่มีฝักบัวและอ่างน้ำหินให้ลงไปแช่น้ำแก้หนาวได้
ถัดขึ้นไปชั้นสองกันต่อ (อ้อ คนตัวสูงระวังหัวนิดนึงนะเพราะอาจจะชนกับขื่อได้) ชั้นสองจะมีโซนพื้นที่ส่วนกลาง มีเซ็ทโต๊ะและเก้าอี้สองเซ็ทให้นั่งเล่นกันได้ เมื่อเดินเข้าไปด้านในและเปิดประตูบานเลื่อนเข้าไปก็จะเจอห้องนอนกวางสบายที่มีดาบซามูไรประดับอยู่ (มีโชว์เท่านั้น อย่าเอามาเล่นน้า) พร้อมกับฟูกฟุตงขนาดใหญ่ปูไว้รอต้อนรับแขกที่เหนื่อยอย่างเราเป็นต้น
และฟูกนั้นนุ่มมาก นุ่มสุดในสามโลก นุ่มดูดวิญญาณชนิดทิ้งตัวลงไปนอนก็ภาพตัด รู้สึกตัวอีกทีตอนนกร้องจิ๊บๆ ในเช้าวันถัดไปแล้ว หยอกๆ แต่นอนสบายจริงไม่โกหก
เห็นเป็นบ้านพักแบบนี้ หลายคนจะสงสัยว่าแล้วข้าวเช้าจะมายังไง? คำตอบคือเขาจะมาเสิร์ฟให้ถึงที่บ้านเลย แค่เลือกว่าจะรับอะไรและนัดเวลาเสิร์ฟ
อาหารเช้าที่เราเลือกเป็นอาหารเช้าญี่ปุ่นที่มาในกล่องเซรามิกสีขาวสะอาด ข้างในมีถ้วยกับข้าวหลายชนิดมาก อารมณ์เหมือนไคเซกิเลย ไม่ชัวร์อีกเหมือนกันว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง แต่อร่อยทุกอย่าง ยิ่งจับคู่กับข้าวสวยหุงใหม่หอมๆ ร้อนๆ และซุปมิโซะถ้วยโตๆ แล้วล่ะก็ แค่นี้ก็มีพร้อมลุยเที่ยวต่อแล้ว
สำหรับการพักแค่คืนเดียวที่ Wanoi KAKUNODATE ถือว่าเป็นเวลาสั้นๆ ที่แฮปปี้มากและบรรยากาศดีสุดๆ สำหรับอีกสองหลังที่เป็นคนละธีมนั้นเราไม่ได้มีโอกาสแว๊บไปดูว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ไว้รอบหน้าจะกลับมาพักอีกแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นช่วงซากุระหรือฤดูใบไม้ร่วงล่ะก็ ที่นี่จะเต็มเร็วมากๆ เพราะพักสบาย บรรยากาศดี แถมใกล้คาคุโนะดาเตะและตัวสถานีรถไฟ JR Kakunodate ในระยะเดิน 5-10 นาทีถึง แนะนำเลยสำหรับใครที่อยากมาเที่ยวค้างคืนที่จังหวัดอาคิตะ
wanoi KAKUNODATE (和のゐ 角館)
ที่พักในย่านคาคุโนะดาเตะที่รีโนเวทมาจากยุ้งฉางเก่าแก่ มีบ้านพักทั้งหมด 3 หลังซึ่งต่างมีธีมที่ต่างกันออกไปแต่ให้บรรยากาศย้อนยุค และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนในย่านคฤหาสน์ซามูไรแห่งนี้
ที่อยู่: Nakasugazawa−14, Kakunodatemachi, Semboku, Akita, 014-0368
Tel: +81187532774
การเดินทาง: เดิน 1 นาทีจากสถานี JR Kakunodate จะถึง Familio Folkloro ที่เป็นจุดเช็คอิน
Website: familio-folkloro.com
แถมอีกนิด! กลิ้งหิมะให้สะใจที่ GALA Yuzawa
คนชอบเที่ยวญี่ปุ่นรู้ ว่า GALA Yuzawa อยู่จังหวัดนีงาตะ แต่ยังไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเราจัดทริปเที่ยวโทโฮคุและ GALA Yuzawa ในทริปเดียวได้ โดยใช้แค่ JR EAST PASS (Tohoku area) เพียงใบเดียวเท่านั้น
GALA Yuzawa เป็นสกีรีสอร์ทชื่อดังไม่ไกลจากโตเกียว ด้วยระยะทางและการเดินทางที่สะดวกเพียงนั่งชินกันเซ็นต่อเดียวถึง ทำให้ GALA Yuzawa เป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตในหน้าหนาว ทั้งสำหรับคนกรุงที่อยากแว๊บไปเที่ยวใกล้ๆ และสำหรับคนไทยอย่างเราที่มาเที่ยวแถวคันโต/โทโฮคุและอยากเล่นสกีกับเขาบ้าง
ถามว่าถ้าเป็นคนที่เล่นสกีเล่นอะไรไม่เป็นเลย (อย่างเราเป็นต้น) จะมีอะไรให้ทำที่ GALA Yuzawa ไหม? บอกเลยว่ามี กิจกรรมที่ว่านี้มีเช่นนั่งกระเช้าขึ้นลงเขา
จากบนนั้นเราจะได้เห็นวิวทิวเขาแบบพาโนรามา ยิ่งถ้าเป็นในวันฟ้าแจ่มใสล่ะก็ บอกเลยว่าสวยเหมือนอยู่สวิสจนไม่อยากลงจากกระเช้าทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีสโลปเตี้ยๆ ให้นั่งเลื่อนสไลด์ลงมาได้ เล่นง่ายมาก แค่ขึ้นทางเลื่อนไปจนถึงด้านบนพร้อมถาด นั่งลง แล้วก็ฟิ้วววว ลงไปตามสโลป จะเด็กจะผู้ใหญ่ก็สนุกได้
และถ้าเหนื่อยแล้ว ที่นี่ก็มีไอศกรีม Blue Seal แบรนด์ไอศกรีมชื่อดังจากโอกินาว่าขายให้ชิมด้วย หรือพอเล่นๆ ไปแล้วเริ่มอยากลองท้าทายตัวเองดู ที่นี่ก็มีคุณจักรและคุณเอ็มมี่จาก Japanmase ประจำอยู่เพื่อสอนคนไทยด้วย ซึ่งครูสอนสกีคนไทยในญี่ปุ่นนั้นหายากมาก และเป็นอะไรที่จะช่วยให้การหัดเล่นสกีง่ายขึ้นเป็นกองเลย
รู้จักและติดตามคุณจักรและคุณเอ็มมี่ Japanmase ได้ที่นี่
Facebook: Japanmase เจแปนมาเสะ
YouTube: Japanmase
Instagram: @japanmase
จุดที่คนเล่นสกีน่าจะอยากรู้คำตอบก็คือ ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรไปไหม? คำตอบก็คือไม่ เพราะ GALA Yuzawa มีอุปกรณ์ครบทุกอย่างเตรียมไว้ให้เช่าแล้ว ดังนั้นมาเที่ยวตัวเปล่าก็ยังได้เลย ซึ่งอุปกรณ์ที่มีให้เช่าก็จะถูกเปลี่ยนใหม่ทุกปี เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะได้ใช้อุปกรณ์ดีๆ สนุกกับการเล่นได้เต็มที่แบบไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น นอกจากนี้ คุณจักรยังเล่าให้เราฟังว่าเคยมีปีหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวมาเล่นสกีที่นี่ประมาณ 8,000 คนในวันเดียว แต่ก็ยังมีอุปกรณ์ให้เช่าเหลืออยู่ เพราะงั้นไม่ต้องห่วงเลยว่าอุปกรณ์จะขาดสต็อคในตอนที่เรามาเที่ยว มีพอสำหรับทุกคนแน่นอน!
ใครจัดทริปเที่ยวโทโฮคุในหน้าหนาวแล้วมีเวลาเหลือ ลองมาแวะเล่นหิมะที่ GALA Yuzawa กันก่อนกลับได้เลย
GALA Yuzawa Snow Resort (GALA湯沢スキー場)
จุดเล่นสกียอดนิยมในจังหวัดนีงาตะ เดินจากโตเกียวได้ง่ายๆ เพียง 1 ชั่วโมง นอกจากทำเลที่เห็นวิวภูเขาสวยแล้ว ที่นี่ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ และมีครูสอนสกีคนไทยประจำอยู่ เหมาะสำหรับคนเล่นสกีทุกระดับทุกวัย
ที่อยู่: 1039-2 Yuzawa, Minamiuonuma, Niigata
การเดินทาง: นั่ง Joetsu Shinkansen ประมาณ 1 ชั่วโมงมาลงที่สถานี JR GALA Yuzawa
ค่าตั๋วกอนโดลา/ลิฟท์ 1-Day Ticket: (ราคาช่วง 17 ธ.ค. 22 – 9 เม.ย. 23)
ผู้ใหญ่ 6,000 เยน / เด็ก 3,000 เยน
ใช้ตั๋ว JR EAST PASS ลดราคาเหลือ
ผู้ใหญ่ 4,800 เยน / เด็ก 2,400 เยน เท่านั้น
เว็บไซต์: gala.co.jp
ยิ่งถ้ามีตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) ด้วยแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปจังหวัดอาโอโมริเพื่อขึ้นรถไฟ TOHOKU EMOTION หรือไปแวะพักที่ Wanoi KAKUNODATE หรือแว๊บไปลุยหิมะที่ GALA Yuzawa ก็คุมงบเดินทางอยู่และสบายแน่นอน เพราะตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) ใบนี้ใบเดียวก็ครอบคลุมทุกการเดินทางด้วยรถไฟในเครือ JR EAST แล้ว ซึ่งคนไทยเราซื้อง่ายมาก ขอแค่ใช้พาสปอร์ตที่ยืนยันว่าเราเป็นชาวต่างชาติ ระบุวันที่จะเริ่มใช้ตั๋ว ชำระเงิน แล้วก็นั่งรถไฟเที่ยวตัวปลิว 5 วันได้เลย จะรถไฟทั่วไปหรือชินกันเซ็นก็ขึ้นได้หมด แถมจองที่นั่งบนชินกันเซ็นล่วงหน้าได้ฟรี 1 เดือนด้วย ราคาอยู่ที่ 20,000 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 10,000 เยน ถือว่าคุ้มมากสำหรับการนั่งรถไฟไม่อั้น 5 วัน เพราะลำพังค่ารถไฟชินกันเซ็นขาเดียวจากโตเกียวไปสถานี Hachinohe เพื่อขึ้น TOHOKU EMOTION ก็ 16,590 เยนแล้ว ที่พิเศษคือเรายังใช้ตั๋วนี้ขึ้นรถไฟ Joyful Train เพื่อยกระดับความสนุกให้กับทริปเที่ยวญี่ปุ่น หรือจะใช้เป็นส่วนลดค่าตั๋วกอนโดลา/ลิฟท์ที่ GALA Yuzawa ก็ได้ด้วยเช่นกัน ใครกำลังมองหาตัวช่วยชั้นดีสำหรับการเดินทางอยู่ก็ขอแนะนำเลย
ซื้อตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) ได้ที่: JR EAST Official Website
Special Thanks
คุณรุจ (ศุภรุจ เตชะตานนท์) หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อ รุจ เดอะสตาร์ เป็นศิลปินผู้มีผลงานอัลบั้มและเพลงมากมาย นอกจากความสามารถด้านการร้องเพลงแล้ว คุณรุจยังถ่ายทอดความหลงใหลในประเทศญี่ปุ่นผ่านผลงานภาพถ่ายที่มีสไตล์เฉพาะตัวพร้อมข้อมูลละเอียดชนิดที่อ่านแล้วไปตามได้เลยในเพจ Outside The Room ด้วยประสบการณ์เดินทางถ่ายภาพในญี่ปุ่นร่วม 7 ปี คุณรุจปล่อยผลงานพ็อกเก็ตบุ๊คและหนังสือรวมภาพหลายเล่ม เช่น JAPAN BEST DESTINATIONS สุดยอดจุดหมายที่คนรักญี่ปุ่นต้องไป, ไม่มีการเดินทางครั้งใดที่สูญเปล่า ฯลฯ
ติดตามคุณรุจ ศุภรุจได้ทาง
Facebook : Outside The Room
Instagram : @suparuj
ยังมีเรื่องราวสนุก ๆ และน่าสนใจเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นอีกมากมาย ติดตามได้ที่ ANNGLE