เกียวโดนิวส์รายงาน (22 ก.พ.) เจ้าหน้าที่อาวุโสของญี่ปุ่นและจีนเริ่มการเจรจาด้านความมั่นคงครั้งแรกในรอบ 4 ปี เมื่อวันพุธ เพื่อรักษาและเพิ่มความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ท่ามกลางข้อกังวลเรื่องบอลลูนสอดแนมต้องสงสัยที่ดำเนินการโดยปักกิ่ง
แหล่งข่าวจากรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่า ในการประชุมที่กรุงโตเกียว เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ และกลาโหมของทั้ง 2 ประเทศมีแนวโน้มที่จะตกลงที่จะทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สร้างสรรค์และมั่นคง
ผู้แทนในการประชุมจากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศอาวุโส ชิเกโอะ ยามาดะ และอัตสึชิ อันโดะ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายกลาโหม กระทรวงกลาโหมเข้าร่วมการประชุม
ด้านผู้แทนในการประชุมจากประเทศจีน คือ ซุน เว่ยตง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ และจาง เป่าชุน รองผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือทางทหารระหว่างประเทศของคณะกรรมาธิการการทหารกลาง
การประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า วัตถุบินที่ไม่ปรากฏชื่ออย่างน้อย 3 ครั้งที่พบเห็นเหนือน่านฟ้าของประเทศระหว่างปี 2562-2564 นั้น “น่าสงสัยอย่างยิ่ง” ว่าเป็นบอลลูนไร้คนขับของจีนที่ใช้สำหรับจารกรรม
จีนปฏิเสธความเกี่ยวข้องและวิจารณ์ญี่ปุ่นว่า "สร้างเรื่องเพื่อป้ายสีและโจมตีปักกิ่ง" โดยไม่แสดงหลักฐานที่ชัดเจน พร้อมเรียกร้องให้โตเกียวเลิกตามผู้นำของวอชิงตันในการคุกคามจีนเกินจริง
เพื่อขจัดความกังวลเกี่ยวกับบอลลูนสายลับของจีน รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งตัดสินใจผ่อนปรนเงื่อนไขให้กองกำลังป้องกันตนเองใช้อาวุธต่อต้านวัตถุบินไร้คนขับที่รุกล้ำน่านฟ้าของประเทศ
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ สหรัฐฯ ได้ยิงสิ่งที่ดูเหมือนเป็นบอลลูนของจีนตกนอกชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ยังได้ตอกย้ำความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง
การเจรจาด้านความมั่นคงระหว่างญี่ปุ่น-จีนก่อนหน้านี้จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2562
มหาอำนาจแห่งเอเชียทั้ง 2 ชาติยังคงขัดแย้งกันในเรื่องหมู่เกาะเซนกากุในทะเลจีนตะวันออก ที่ควบคุมโดยโตเกียว ซึ่งปักกิ่งอ้างสิทธิเช่นกันและเรียกชื่อเตียวหยู เรือยามชายฝั่งของจีนได้เข้าสู่น่านน้ำญี่ปุ่นรอบๆ เกาะเล็กๆ ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ท่ามกลางหัวข้ออื่นๆ ที่คาดว่าจะมีการหารือระหว่างการประชุมครั้งล่าสุด ได้แก่ เอกสารสำคัญด้านกลาโหมของญี่ปุ่น 3 ฉบับที่ปรับล่าสุดในเดือนธันวาคม รวมถึงแนวทางนโยบายระยะยาวของรัฐบาลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ
ในเอกสารดังกล่าว ญี่ปุ่นให้คำมั่นว่าจะยกระดับการป้องปรามด้วยการสั่งการ "ให้สามารถตอบโต้" เพื่อโจมตีเป้าหมายในดินแดนของศัตรูในกรณีฉุกเฉิน ขณะที่สัญญาว่าจะเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันเป็น 2 เท่า