เกียวโดนิวส์ รายงาน (17 ม.ค.) วันนี้เป็นวันครบรอบ 28 ปี ของแผ่นดินไหวขนาด 7.3 ที่เมืองโกเบทางตะวันตกของญี่ปุ่น คร่าชีวิตผู้คน 6,434 คน
ผู้อยู่อาศัยและครอบครัวของเหยื่อระลึกถึงช่วงเวลาแห่งความเงียบงันในเวลา 05.46 น. อันเป็นเวลาเดียวกับที่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดที่ฮันชิน เมืองท่าในเฮียวโงะ จังหวัดในภูมิภาคคันไซ ติดกับเมืองโกเบ และพื้นที่ใกล้เคียง เมื่อวันที่ 17 มกราคม 1995 (พ.ศ. 2538)
พิธีดังกล่าวมีขึ้นได้อีกครั้งหลังจากถูกลดขนาดหรือยกเลิกใน 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด ผู้เข้าร่วมจุดเทียนหลายพันเล่มก่อตัวเป็น "1.17 ปี 1995" ซึ่งเป็นวันที่เกิดภัยพิบัติ และข้อความในปีนี้ คือ "musubu" ซึ่งหมายถึงการผูกใจด้วยกัน
ภายใต้ข้อจำกัดของการแพร่ระบาด การจัดพิธีก่อนรุ่งสางในปีนี้มีการจุดโคมไม้ไผ่และกระดาษกว่า 10,000 โคม ที่สวนสาธารณะฮิกาชิ ในเขตชูโอ เมืองโกเบ
มาซาชิ อุเอโนะ ผู้สูญเสียชิโนะ ลูกสาววัย 20 ปีไปในเหตุแผ่นดินไหว กล่าวที่สวนสาธารณะในนามของญาติของเหยื่อ เมื่อนึกถึงความเจ็บปวดจากการเสียชีวิตของชิโนะ ในช่วงเริ่มต้นชีวิตวัยผู้ใหญ่ อุเอโนะกล่าวว่า "เราต้องใช้การสูญเสียนี้เป็นบทเรียนของภัยพิบัติ"
คนอื่นๆ เช่น โนริโกะ โมริซากิ วัย 55 ปี เข้าร่วมกิจกรรมในท้องถิ่น เช่น งานรำลึกที่จัดขึ้นโดยผู้อยู่อาศัยในเขตนางาตะของโกเบ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 900 คนในภัยพิบัตินั้น “ฉันเฝ้ารอวันนี้ เพราะด้วยสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด ทำให้ไม่มีกิจกรรมรำลึกใดๆ เลย” เธอกล่าว
ส่วนที่อื่น คิโยโกะ ทาเคอุจิ วัย 50 ปี ซึ่งบ้านของพ่อแม่ในเขตคิตะ เมืองโกเบ ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ กล่าวว่า เธอมาสวดมนต์ "ด้วยความรู้สึกชื่นชมที่คนที่นี่สร้างชีวิตใหม่ได้"
เกือบ 30 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวและการลดขนาดกิจกรรมอนุสรณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมืองและผู้อยู่อาศัยเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในการส่งต่อความทรงจำและบทเรียนที่ได้รับจากภัยพิบัติไปยังคนรุ่นหลัง
นายกเทศมนตรีเมืองโกเบ คิโซ ฮิซาโมโตะกล่าวว่า เมืองจะทำงานเพื่อ "รับรองว่าประสบการณ์และบทเรียนจากแผ่นดินไหวจะไม่จางหายไป" และส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อไป
แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น ที่วัดระดับความรุนแรงแผ่นดินไหวได้สูงสุดที่ระดับ 7
แผ่นดินไหวรุนแรงก่อความเสียหายแก่บ้านเรือนราว 640,000 หลัง รวมถึงบ้านเรือนราว 104,000 หลังที่พังยับเยิน ขอบเขตของความเสียหายจากแผ่นดินไหวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาตรการรับมือภัยพิบัติของประเทศและมาตรการต้านทานแผ่นดินไหวสำหรับการก่อสร้าง
นอกจากผู้เสียชีวิต 6,434 คนแล้ว แผ่นดินไหวครั้งนี้ยังทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกราว 44,000 คน และผู้คนมากถึง 310,000 คนต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิงฉุกเฉิน