xs
xsm
sm
md
lg

สัมผัสเสน่ห์สไตล์ญี่ปุ่นกับ 4 ไฮไลท์ในปราสาทคุมาโมโตะ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปราสาทคุมาโมโตะในจังหวัดคุมาโมโตะขึ้นชื่อว่าเป็นป้อมปราการที่มีฟังค์ชั่นมากมายเพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตี และเป็นสถานที่ที่เที่ยวชมได้ทั้งวันโดยที่ไม่รู้เบื่อ ในบทความนี้จะมาแนะนำจุดไฮไลต์เด็ดๆ ในปราสาทคุมาโมโตะให้ได้รู้จักกันค่ะ

ปราสาทคุมาโมโตะ


ปราสาทคุมาโมโตะตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ใจกลางเมืองคุมาโมโตะ สร้างขึ้นโดยคิโยมาสะ คาโตะ (加藤清正 – Katō Kiyomasa) ซึ่งชาวญี่ปุ่นยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ด้านการสร้างปราสาทและเทพแห่งวิศวกรรมโยธา สร้างขึ้นในสมัยอะซุจิ-โมโมยามะถึงสมัยเอโดะตอนต้น (ประมาณค.ศ.1568 – 1651) ปัจจุบันได้รับเลือกให้เป็นโบราณสถานพิเศษของชาติ จุดเด่นของปราสาทคุมาโมโตะคือมีหน้าที่ป้องกันการโจมตีที่หลากหลาย เช่น ชิโนบิกาเอชิ (忍び返し- Shinobigaeshi) ซึ่งเป็นกำแพงหินโค้งสูงชัน ช่วยป้องกันศัตรูไม่ให้เข้ามาภายในได้ ปราสาทคุมาโมโตะยังมีชื่อเรียกว่า “ปราสาทกิงโกะ” หรือปราสาทแปะก๊วย มีที่มาจากคิโยมาสะ คาโตะผู้สร้างปราสาท ได้ปลูกต้นแปะก๊วยเพื่อเป็นที่ระลึกในการก่อสร้างปราสาทนั่นเอง

เรามาดู 4 ไฮไลท์ของปราสาทคุมาโมโตะกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง!

1. หอคอยของปราสาท


ลักษณะเด่นที่สุดของหอคอย (天守閣 – Tenshukaku) ปราสาทคุมาโมโตะคือเป็นมีหอคอยขนาดใหญ่และขนาดเล็ก หอใหญ่ลักษณะภายนอกเป็นหอคอย 3 ชั้น แต่ภายในมี 6 ชั้นและชั้นใต้ดินอีก 1 ชั้น ส่วนหอเล็กภายนอกเป็นหอคอย 2 ชั้น แต่ภายในมี 4 ชั้น และชั้นใต้ดินอีก 1 ชั้น ชั้นบนสุดของหอใหญ่เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมทิวทัศน์ของเมืองคุมาโมโตะได้แบบ 360 องศา วันที่อากาศแจ่มใสท้องฟ้าเปิดจะมองเห็นไปถึงภูเขาอะโสะได้อีกด้วย

2.กำแพงหิน


กำแพงหิน (石垣 – Ishigaki) ของปราสาทคุมาโมโตะมีความหนาและประณีต เนื่องจากถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มช่างหินมากฝีมือและเทคนิคพิเศษ จุดเด่นคือความโค้งของกำแพง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ชิโนบิเกชิ” (忍び返し/武者返しShinobigaeshi) โดยชื่อเรียกมาจากความโค้งของกำแพงที่โค้งชันยิ่งปีนยิ่งชัน ทำให้นินจาหรือนักรบข้ามไปไม่ได้ต้องถอดใจกลับไปนั้นเอง ว่ากันว่ายิ่งเวลาผ่านไปหินก็จะยิ่งละเอียดมากขึ้น

3. ป้อมปราการอุโตะ


ป้อมปราการอุโตะ (宇土櫓 – Uto Yagura Tower) เป็นอาคารที่ทรงคุณค่า เพราะยังคงสภาพดั้งเดิมเอาไว้ และได้รับเลือกให้เป็นทรัพย์สินสำคัญทางวัฒนธรรมอีกด้วย ช่วงสงครามเซนัน (ค.ศ. 1877) ในช่วงต้นยุคเมจิ ปราสาทคุมาโมโตะได้รับความเสียหายหนัก เหลือเพียงป้อมปราการอุโตะเท่านั้นที่รอดพ้นจากไฟสงคราม ทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเข้มแข็งไม่พ่ายแพ้ต่อการโจมตี

4. พระราชวังฮอนมะรุโกะเท็น


พระราชวังฮอนมะรุโกะเท็น (本丸御殿 – Honmaru Palace) ได้รับการบูรณะในปีค.ศ. 2008 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 400 ปีปราสาทคุมาโมโตะ โดยอ้างอิงจากภาพถ่ายและเอกสารเก่า ไฮไลท์หลักภายในพระราชวังคือ “โชกุนโนะมะ” หรือห้องของโชกุน ภายในตกแต่งด้วยสีทองอร่าม ฝาผนังประดับด้วยภาพวาดจากจีน เพดานประดับด้วยภาพวาดกว่า 60 ภาพซึ่งเรียงกันเป็นลายตาราง และประดับพื้นด้วยทองคำเปลว เห็นแล้วก็ทำให้จินตนาการถึงชีวิตแบบเว่อร์ๆ ของขุนนางญี่ปุ่นในยุคศักดินาได้ไม่ยากเลยค่ะ


ไฮไลท์อีกอย่างคือ “คุระการิสึอุโระ” (闇り通路 – Kuragaritsuuro) หรือทางเดินใต้ดิน เนื่องจากพระราชวังฮอนมารุสร้างด้วยกำแพงหิน 2 ชั้น จึงมีทางเดินใต้ดินอยู่ใต้พระราชวังอีกที เป็นโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ได้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาดูอยู่เสมอ ทางเดินใต้ดินมืดมากแม้กระทั่งในเวลากลางวัน จึงถูกเรียกว่าคุระการิสึอุโระหรือทางเดินมืดนั้นเอง

แผ่นดินไหวในปีค.ศ. 2016 สร้างความเสียหายให้กับปราสาทคุมาโมโตะค่อนข้างมาก หลังจากบูรณะก็มาเจอกับโควิด-19อีก ตอนนี้สถานการณ์ก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นแล้ว ถ้ามีเวลาลองไปแวะไปเดินชิลๆ ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมปราสาทสไตล์ญี่ปุ่นกันได้นะคะ ตอนกลางวันมีแดด ตอนกลางคืนก็มีไลท์อัพ สวยกันคนละแบบค่ะ

ยังมีเรื่องราวสนุก ๆ และน่าสนใจเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นอีกมากมาย ติดตามได้ที่ ANNGLE 
กำลังโหลดความคิดเห็น