xs
xsm
sm
md
lg

ทําไมญี่ปุ่นจึงมีคนผิดปกติทางพัฒนาการจํานวนมาก?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว อาทิตย์ที่แล้วผมเดินทางไปจังหวัดฟุกุโอกะมาครับ ค่ำๆ วันหนึ่งผมไปซื้อของที่ Drugstore ที่มีสินค้าหลากหลายชนิดเช่น เครื่องสำอาง สกินแคร์ต่างๆ อาหารเสริมขนม และยาต่างๆ ผมถามข้อมูลสินค้าจากพนักงานแคชเชียร์หนุ่มคนหนึ่งที่อ่อนน้อมมากๆ หน้าตาใจดีและให้บริการตอบคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี เขามีรูปร่างผอมใส่แว่นหนา แต่ดูท่าทางงกๆ เงิ่นๆ เวลาคิดเงินพี่ก้มโค้งมองหน้าจอหน้าแทบจะแนบกับแป้นพิมพ์และจอมอนิเตอร์เลย เป็นบุคลิกที่แตกต่างจากพนักงานคนอื่นที่เคยเห็นมาใช่ไหมครับ ผมเข้าใจเขามากๆ และรู้สึกดีใจมากที่เขามีงานทำ เพราะลักษณะบุคลิกเช่นนี้ที่ญี่ปุ่นจะรู้ว่าเป็นความผิดปกติทางพัฒนาการ ซึ่งในปัจจุบันคนญี่ปุ่นมีความผิดปกติทางพัฒนาการเพิ่มขึ้นเยอะมากครับ


ความผิดปกติทางพัฒนาการ 発達障害
เช่น โรคออทิสติกสเปกตรัม , โรคสมาธิสั้น (ADHD) , ความผิดปกติของการเรียนรู้ เป็นต้น แต่ลักษณะอาจแตกต่างกันไป ซึ่งความผิดปกติทางพัฒนาการเป็นความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการทํางานของสมอง ส่วนใหญ่มีลักษณะคือไม่ค่อยเก่งในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นและภาวะบกพร่องเรื่องการสื่อสาร เป็นโรคที่ยากจะได้รับความเข้าใจจากคนรอบข้าง แต่บางรายก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ยอดเยี่ยมกว่าใคร


ผมเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ รู้มาว่าเพิ่งมีกฎหมายรองรับเรื่องนี้เมื่อประมาณ 15 ปีที่ผ่านมานี่เอง อย่างไรก็ตามผมเข้าใจว่าจํานวนคนที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางพัฒนาการในญี่ปุ่นและอัตราส่วนของประชากรนั้นมีเยอะที่สุดในโลก และมีจำนวนมากเกินไป คนที่มีลักษณะเกี่ยวกับความผิดปกติทางพัฒนาการในญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างมีเยอะมาก มีการสํารวจโดยกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่ามีเด็กที่มีความผิดปกติทางพัฒนาการ 8.8% ในชั้นเรียนปกติของโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นของรัฐทั่วประเทศ เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 2. 3 คะแนนจากการสํารวจครั้งก่อนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว


เนื่องจากเด็กที่มีความผิดปกติทางพัฒนาการมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาในการเรียนรู้และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ผลกระทบในแง่ของการเรียนรู้ เช่น "เขาไม่เข้าใจกระแสของการสนทนา" "เขาไม่สามารถเขียนตรงๆ ได้" ผลกระทบในแง่ของพฤติกรรม เช่น "เขานั่งในห้องเรียนไม่ได้" หรือ "เขาพูดโดยไม่พิจารณา ทำในสิ่งที่คนรอบข้างสับสน" กระทรวงศึกษาธิการจึงต้องรีบสร้างระบบสนับสนุนที่เหมาะกับแต่ละคน

เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่อาจมีความผิดปกติทางพัฒนาการในแง่ของการเรียนรู้และความบกพร่องทางพฤติกรรมคือ 10.4% สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา 5. 6% สําหรับนักเรียนมัธยมต้น และ 2% สําหรับนักเรียนมัธยมปลาย เมื่อพิจารณาตามเพศ 12.1% สําหรับผู้ชาย และ 5.4% สําหรับผู้หญิง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีสัดส่วนของผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอย่างมาก และกระทรวงศึกษาธิการอธิบายว่า "กระทรวงได้ให้ความสําคัญกับเด็กที่มีปัญหาที่ถูกมองข้ามไปมากขึ้นแล้ว"


เมื่อพูดถึง "ความพิการ" คืออะไร? สิ่งแรกที่มนุษยชาติ "ค้นพบ" คือความพิการทางร่างกาย คือมีความบกพร่องหรือความผิดปกติของร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งและภาพลักษณ์ภายนอกของร่างกายที่เห็นได้อย่างชัดเจน ที่ญี่ปุ่นมีการรับรู้เรื่องการพิการทางร่างกายมาเป็นหมื่นปีแล้วตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ สมัยนั้นมีการรับรู้ทั้งความพิการมาตั้งแต่กำเนิดและพิการเมื่อประสบเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เมื่อคนที่ทำงานร่วมกับช้างก็อาจจะโดนช้างชนจนร่างกายพิการก็เป็นไปได้

ส่วนความผิดปกติของพัฒนาการนั้นอาจจะมีลักษณะทางกายภาพสมบูรณ์เหมือนคนปกติทั่วไป หรืออาจจะมีความแตกต่างจากคนปกติแค่นิดหน่อย เริ่มมีการรับรู้และค้นพบเมื่อยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เพราะพบว่ามีคนที่ไม่สามารถทำงานตามกระบวนการของโรงงานอุตสาหกรรมและทหารได้แบบคนปกติทั่วไป นอกจากนี้ยังสะท้อนการรับรู้เรื่องบุคคลที่มีความผิดปกติทางพัฒนาการผ่านการแสดง 落語 Rakugo ที่มีตัวละครในบทบาทโยทาโร่ 与太郎 Yotaro ซึ่งเป็นตัวบทบาทที่มีลักษณะบุคลิกคล้ายคนที่มีความผิดปกติทางด้านพัฒนาการด้วย

ลักษณะสําคัญของความผิดปกติของพัฒนาการ คืออะไร? วันนี้ขอยกตัวอย่าง 2 หัวข้อ สําหรับความผิดปกติของพัฒนาการที่เกี่ยวข้องกับสมองในส่วนที่มีผลต่อทักษะการสื่อสารและทักษะทางสังคมครับ


◆ออทิสติก
ออทิสติกเป็นโรคที่มีลักษณะ ความล่าช้าในการพัฒนาคํา, ความพิการในการสื่อสาร, ความผิดปกติระหว่างบุคคลและสังคม, ความมุ่งมั่น หรืออาจเรียกว่า โรคออทิสติกสเปกตรัม
[ตัวอย่างของ A-chan]
A-chan ซึ่งเป็นโรคออทิสติก มักจะวิตกกังวลและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เมื่อเธอเปลี่ยนตารางเวลาจากที่แรกอย่างกะทันหัน ในกรณีเช่นนี้ หากคนรอบข้างกระตุ้นเธอ เธออาจมีความกังวลมากขึ้นและพูดเสียงดังขึ้นในทันใด และไม่รู้จะทําอย่างไรดี

◆กลุ่มอาการแอสเพอร์เกอร์
Asperger syndrome เป็นประเภทที่รวมอยู่ใน "ออทิสติก" ในความหมายกว้างๆ และมีความผิดปกติของการสื่อสาร, การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความผิดปกติทางสังคม เช่นเดียวกับออทิสติก พวกเขาไม่มีความล่าช้าในการพัฒนาคําในวัยเด็ก ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะรับรู้ว่าเด็กๆ มีความผิดปกติทางพัฒนาการตั้งแต่วัยเยาว์ แต่จะมีลักษณะความชัดเจนของบุคลิกภาพที่จะเงอะงะเมื่อเขาเติบโตขึ้น
[ตัวอย่างของ B-kun]
B-kun ซึ่งเป็นโรคในกลุ่มอาการ Asperger's syndrome เขาจะพูดถึงตัวเองก็ต่อเมื่อเขาคุยกับเพื่อนๆ และหากอีกฝ่ายบอกเขาอย่างชัดเจนว่า "ได้โปรดจบเถอะ" เขามักจะหยุดทันที คนรอบข้างจะบอกเขาว่าเขาเป็นเด็กที่เห็นแก่ตัวและไม่รู้จักความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่เมื่อพูดถึงความชอบส่วนตัว เช่น เรื่องรถไฟขบวนโปรดของเขา เรื่องที่เขามีความรู้เป็นผู้เชี่ยวชาญ จะสามารถทำได้อย่างดีสร้างความรู้สึกประทับใจให้เพื่อนๆ มาก

ปัจจุบันที่ญี่ปุ่นมีคนที่มีความผิดปกติทางพัฒนาการเยอะขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับประเภทและระดับของความผิดปกติ และรูปลักษณ์ของแต่ละคนจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอายุและบุคลิกภาพด้วย แต่ละคนมีความแตกต่างในสิ่งที่ยากลําบากในชีวิตและสิ่งที่พวกเขาไม่ถนัด ดังนั้นการดูแลรักษาจึงไม่เหมือนกันในแต่ละคน มีผลวิจัยค้นพบว่าเมื่อสังคมเปลี่ยนแปลง ก็ค้นพบความพิการ(ความผิดปกติ) ที่เปลี่ยนไป


ความจริงเมื่อก่อนก็มีคนที่ผิดปกติทางการพัฒนาการจำนวนมากอยู่แล้วแต่ว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพิ่งมามีประเด็นปัญหาและต้องช่วยกันฟื้นฟูดูแลในช่วงช่วงยุคนี้นี่เอง ผู้ที่มีความผิดปกติทางพัฒนาการมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็น "คนเห็นแก่ตัว" "คนแปลก" หรือ "คนเจ้าปัญหา" และมักถูกรังเกียจ แต่ถ้าคนรอบข้างเข้าใจว่าสาเหตุไม่ใช่ปัญหาเรื่องวินัยส่วนตัว หรือเรื่องการศึกษา แต่เนื่องมาจากความผิดปกติของสมอง วิธีที่เราแสดงออกต่อพวกเขาจะเปลี่ยนไป นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องในสังคมญี่ปุ่นทุกวันนี้ครับ เล่าสู่กันฟังแล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น