ไฟแนนเชียลไทม์ส สื่อในเครือนิคเคอิ ของญี่ปุ่น รายงาน (30 พ.ย.) ว่า แจ็ค หม่า มหาเศรษฐีพันล้านได้ซ่อนตัวอยู่ในโตเกียวกับครอบครัวของเขา ในช่วงที่ปักกิ่งปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศและนักธุรกิจที่มีอำนาจและร่ำรวยที่สุด
หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบายักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ ผู้ซึ่งเคยครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของจีน แทบไม่ปรากฏต่อสาธารณะเลยนับตั้งแต่วิจารณ์ทัศนคติของหน่วยงานกำกับดูแลของจีนที่มีต่อบริษัทเทคโนโลยีในการประชุมสุดยอดที่เซี่ยงไฮ้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
นอกเหนือจากการปรากฏตัวทางออนไลน์ 48 วินาทีเมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์รายหนึ่งอธิบายว่า คล้ายกับ “วิดีโอจับตัวประกัน” ก็มีข่าวการเดินทางทริปสั้นๆ ไปยังเนเธอร์แลนด์และซูเปอร์ยอชต์ขนาด 88 เมตร ของหม่าเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วเทียบท่านอกเกาะมายอร์กาของสเปน ปรากฏ หม่า วัย 58 ปี ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายนอกประเทศจีนบ้านเกิดของเขา
ไฟแนนเชียลไทม์ส ซึ่งเป็นสื่อในเครือนิคเคอิ ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า หม่า เพิ่งเดินทางมาอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้
เอกสารดังกล่าวอ้างแหล่งข่าวนิรนามว่าเป็นเวลาเกือบ 6 เดือนแล้วที่อดีตครูสอนภาษาอังกฤษที่ผันตัวเป็นซูเปอร์สตาร์ด้านเทคโนโลยี ได้อาศัยอยู่ในโตเกียวกับครอบครัวของเขา เขาใช้เวลากับธุรกิจและมีความสุขไปกับออนเซ็น (น้ำพุร้อน) และสกีรีสอร์ตในชนบทของญี่ปุ่น รวมถึงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา และอิสราเอลเป็นประจำ
หม่าซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งจากเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์เป็น 2.17 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลได้กำหนดเป้าหมายดำเนินการกับอาณาจักรเทคโนโลยีอันยิ่งใหญ่ของจีน กล่าวกันว่า ได้ลดกิจกรรมสาธารณะของเขาให้เหลือน้อยที่สุด
อาลีบาบา กลายเป็นสายล่อฟ้าในการปราบปรามเทคโนโลยีรายใหญ่ หลังจากหม่าซึ่งมีชื่อเสียงในด้านท่าทีการพูดตรงไปตรงมาของเขา กล่าวหาหน่วยงานกำกับดูแลว่าขัดขวางนวัตกรรม
มีรายงานว่า ความคิดเห็นของเขาสร้างความไม่พอใจให้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งขณะนี้กำลังเผชิญกับการประท้วงเกี่ยวกับนโยบายปลอดโควิดของจีน และต่อมา หม่าก็หายตัวไปจากสายตาของสาธารณชนเป็นเวลา 3 เดือน
หน่วยงานกำกับดูแลของจีน ยังได้ขยับมาตรการขัดขวางการเปิดตัวในตลาดหุ้นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ของแอนท์กรุ๊ป (Ant Group) บริษัทลูกด้านการชำระเงินออนไลน์ของอาลีบาบา ซึ่งน่าจะเป็นการเสนอขายหุ้นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
นอกจากนี้ ปักกิ่งยังสั่งให้อาลีบาบาขายสินทรัพย์สื่อบางส่วน ซึ่งรวมถึงเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ของฮ่องกง เนื่องจากรัฐบาลปราบปรามอิทธิพลสาธารณะที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่แผ่กิ่งก้านสาขาของประเทศ เช่น อาลีบาบา และเทนเซนต์
จากนั้นหลายเดือนต่อมา อาลีบาบาถูกปรับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์จากพฤติกรรมผูกขาดการแข่งขันทางการค้า