เวลาอากาศเย็นๆ เรามักจะนึกถึงการไปเที่ยวบนภูเขาเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และรับลมหนาวกันให้เต็มปอด สำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศและวิวที่มองลงมาจากบนภูเขา (เหมือนผู้เขียน) น่าจะถูกใจบทความนี้
ครั้งนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับท็อปๆ ของญี่ปุ่นในเรื่องของวิวจากภูเขาที่สามารถมองเห็นทะเลเมฆอันกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว จะมีที่ไหนบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยค่ะ
Unkai Terrace (จังหวัดฮอกไกโด)
สำหรับที่แรกคือ Unkai Terrace (雲海テラス) ที่ชื่อแปลตรงตัวคือ “ระเบียงทะเลเมฆ” เป็นจุดชมวิวที่อยู่ในบริเวณ Hoshino Resort Tomamu (星野リゾート トマム) ในจังหวัดฮอกไกโด
ไฮไลท์ของที่นี่คือวิวของทะเลก้อนเมฆ และมีเทือกเขาฮิดากะ (日高山脈) เป็นฉากหลัง โดยจุดชมวิวนี้เพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อเดือนสิงหาคม 2021 ทำให้มีพื้นที่กว้างขวาง มีระเบียงสำหรับชมวิว รวมถึงร้านค้าและคาเฟ่ก้อนเมฆ (雲Cafe) ให้นักท่องเที่ยวสามารถมาใช้เวลานั่งพักผ่อนหย่อนใจได้เต็มที่
Unkai Terrace
พิกัด: Nakatomamu, Shimukappu, Yufutsu District, Hokkaido 079-2204
Takabotchi Highlands (จังหวัดนากาโนะ)
Takabotchi Highlands (高ボッチ高原) เป็นเทือกเขาที่มีความสูงกว่า 1,665 เมตร อยู่ในพื้นที่เมืองชิโอจิริ (塩尻市) จังหวัดนากาโนะ จุดชมวิวนี้เป็นที่นิยมเพราะเป็นจุดที่เราสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิและเทือกเขาเจแปนแอลป์ได้
ช่วงเวลาที่เหมาะสมจะมาชมทะเลเมฆที่สุด คือช่วงประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนธันวาคม นอกจากนี้ในช่วงเวลาที่เมฆน้อย เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองด้านล่างที่สวยงาม โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่แสงสว่างจากด้านล่างตัดกับท้องฟ้ายามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี
Takabotchi Highlands
พิกัด: Kataoka, Shiojiri District, Nakano 394-0001
Mount Oe (จังหวัดเกียวโต)
Mount Oe (大江山) ในเกียวโต เป็น Power Spot หรือก็คือสถานที่ที่มีพลังงานชีวิตสูง คนญี่ปุ่นนิยมไปตามสถานที่เหล่านี้เพื่อรับพลังปราณตามความเชื่อและศาสตร์ทางการแพทย์แผนตะวันออก ขึ้นชื่อเนื่องจากเทือกเขานี้มีตำนานเรื่องเล่าว่ายังคงมียักษ์ผู้พิทักษ์อาศัยอยู่
นอกจากผู้คนจะนิยมไปเยือนเพราะเป็น Power Spot แล้ว วิวพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ก็เรียกได้ว่าสวยงามไม่แพ้ที่ไหน สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาชมทะเลก้อนเมฆจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงต้นฤดูหนาว หรือประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงจนเดือนธันวาคม ว่ากันว่าถ้าเป็นช่วงที่อากาศชื้นและไม่ค่อยมีลม จะมีโอกาสได้เห็นทะเลก้อนเมฆค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
Mount Oe
พิกัด: Oecho Busshoji, Fukushiyama District, Kyoto 620-0321
Takeda Castle (จังหวัดเฮียวโกะ)
Takeda Castle (竹田城) ตั้งอยู่ที่เมืองอาซาโกะ (朝来市) ในจังหวัดเฮียวโกะ ที่นี่อาจจะไม่ใช่เทือกเขาสูง แต่เป็นอาณาเขตที่เคยเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนเขา บนความสูงประมาณ 350 เมตร
แม้ว่าปัจจุบันพื้นที่ตรงนี้จะไม่มีปราสาทเป็นหลังตั้งอยู่แล้ว แต่เรายังสามารถเห็นร่องรอยของสิ่งปลูกสร้างต่างๆ อยู่บ้าง เช่น บันได กำแพงหินที่เก่าแก่ตั้งแต่ยุคก่อนสงครามเซ็นโกคุหรือประมาณมากกว่า 500 ปีมาแล้ว ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้รับการรับรองให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติด้วย
เนื่องจากที่นี่เป็นปราสาทหินที่ตั้งอยู่บนเขา จึงมีคนตั้งชื่อเล่นให้ปราสาทแห่งนี้ไว้หลากหลาย อย่าง “มาชูปิชูแห่งญี่ปุ่น” หรือ “ปราสาทลอยฟ้า” เป็นต้น
ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะกับการมาชมทะเลเมฆ จะเป็นช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน จุดถ่ายรูปที่แนะนำอีกจุดนอกเหนือจากบริเวณปราสาท คือเทือกเขา Ritsuunkyo (立雲峡) ที่อยู่ข้างๆ เพราะจากจุดนี้จะสามารถถ่ายรูป Takeda Castle ที่รายล้อมไปด้วยทะเลก้อนเมฆ ราวกับเป็นปราสาทลอยฟ้าจริงๆ เลย
Takeda Castle
พิกัด: 169, Asago District, Hyogo 669-5252
Mount Fuji (จังหวัดชิสุโอกะและยามานาชิ)
สำหรับที่สุดท้าย ถ้าพูดถึงญี่ปุ่นจะไม่พูดถึงภูเขานี้คงไม่ได้ นั่นคือภูเขาไฟฟูจิ (富士山) ในพื้นที่จังหวัดชิสุโอกะและยามานาชิ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งกับชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ เพราะการที่ได้ชมทะเลก้อนเมฆบนยอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นคงเป็นอะไรที่อิ่มเอมใจไม่น้อย
จุดชมวิวที่แนะนำคือบริเวณจุดแวะพักสถานีชั้นที่ 5 และ 6 โดยช่วงเวลาที่มีโอกาสได้เห็นทะเลก้อนเมฆจะเป็นช่วงต้นเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนกันยายน
แน่นอนว่าวิวที่ผู้มาเยือนที่นี่เฝ้ารอมากที่สุดคือวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในวิวที่สวยที่สุด เพราะเราจะเห็นพระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นจากทะเลก้อนเมฆ แสงยามเช้าตกกระทบเมฆเป็นสีส้มสวยงามเหมือนหลุดมาจากภาพวาดเลยค่ะ
Mount Fuji
พิกัด: Kitayama, Fujinomiya District, Shizuoka 418-0112
ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่น่าสนใจอีกมากมาย ติดตามได้ที่ ANNGLE