xs
xsm
sm
md
lg

คนสูงอายุไทยตื่นเช้าเหมือนคนสูงอายุญี่ปุ่นไหม!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว เมื่อพูดถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network Service หรือ SNS) หลายๆ คนคงจะนึกถึง Facebook, Twitter, Instagram, Line เป็นต้น เครือข่ายสังคมออนไลน์ยังมีอิทธิพลในสังคมญี่ปุ่นค่อนข้างมากทุกคนสามารถแสดงความเห็นต่อข่าวสารต่างๆ ได้ แต่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ค่อนข้างรักษาความเป็นส่วนตัวและไม่อยากเปิดเผยชื่อนามสกุลจริงหรือแม้แต่สถานที่ที่ตัวเองอยู่ บางคนยังตั้ง Account อยู่ประเทศญี่ปุ่นในขณะที่ตัวจริงกำลังเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เขาจะไม่บอกใครหรือไม่แชร์ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน มีเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มที่คุยกันใน SNS เดินทางมาทำงานที่เมืองไทยระยะสั้นๆ แต่ตั้งสถานะว่ายังอยู่ญี่ปุ่น ผมรู้ก็ไม่ได้ทักไปเพราะเขาคงไม่อยากเปิดเผยความเป็นส่วนตัว ผมเองอยู่ที่เมืองไทยก็ไม่ได้บอกเขาว่าอยู่ที่เดียวกัน เป็นต้น


ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ ผมย้ายกลับมาอยู่ต่างจังหวัดหลายเดือนแล้ว เมืองที่ผมอยู่มีความน่ารักและมีเสน่ห์มากเมืองหนึ่ง มีความท้องถิ่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบใช้ชีวิตได้ง่ายไม่ยากลำบากเกินไป แต่มีสิ่งที่ผมรู้สึกถึงความยากลำบากบ้างบางเรื่องนั่นก็คือ


●ที่นี่เริ่มมีคนสูงอายุจำนวนมากขึ้น มีหลายคนใช้รถสามล้อขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และรถไฟฟ้าจะเงียบมากครับ วิ่งมาด้านหลังจะไม่ได้ยินเสียง กลัวโดนชนหลังมากครับ
●ส่วนอีกเรื่องคือ คนที่นี่เข้านอนไวและตื่นนอนเช้ามากๆ ร้านค้าก็จะปิดแต่หัวค่ำและเปิดร้านเช้ามาก

ผมเองชอบเล่นดนตรีมาตั้งแต่ตอนที่เป็นวัยรุ่น 2 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่โควิด-19 ระบาด ทำให้พวกเราต้องใช้ชีวิตแบบ 'เว้นระยะห่างทางสังคม‘ ผมมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องพักที่กรุงเทพฯ เพราะไปไหนไม่ได้ ช่วงเย็นซ้อมเล่นกีตาร์จะเล่นถึงหนึ่งทุ่มหรือสองทุ่ม เพราะเพื่อนบ้านส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศและทำงานโรงงานซึ่งจะกลับที่พักค่อนข้างดึกและทำเลที่พักก็อยู่ในแหล่งที่คึกคักมีตลาดนัด มีซูเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้มีแสงสว่างตลอด ไม่รู้สึกว่าเงียบเลยครับสองทุ่มเหมือนเพิ่งเริ่มตลาด


และผมอ้างอิงจากความคิดคนญี่ปุ่นที่เชื่อกันว่า ถ้าสองทุ่มสามทุ่มยังพออนุโลมให้ใช้เสียงได้ แต่ถ้าสามทุ่มไปแล้วไม่ควรทำเสียงดังรบกวนคนอื่น ผู้ใหญ่จะบอกเด็กๆ ว่าถ้าเกินสามทุ่มไปแล้วจะเป็นเวลาของโอบะเกะ お化け ( ผี ) ซึ่งจริงๆ เป็นกุศโลบายให้เด็กๆ เข้านอน และเมื่อเด็กเข้านอนเราก็ไม่ควรทำเสียงดังรบกวนนั่นเอง เพราะฉะนั้นหนึ่งทุ่มหรือสองทุ่มในความคิดผมคือยังไม่ดึกมาก


ทว่าพอย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดหนึ่งทุ่มคือดึกมากแล้ว และตีสามตีสี่คือคนที่นี่ตื่นกันแล้วเป็นปกติ ในขณะที่บางทีผมเพิ่งเข้านอนครับ เอาละเป็นความยากลำบากอย่างหนึ่งของผมเลยทีเดียว บ้านผมอยู่ไม่ไกลจากตลาดสด เราจะได้ยินเสียงรถของพ่อค้าแม่ค้ามาตลาดกันตั้งแต่ตีสอง ตีห้าก็มีพระเดินบิณฑบาตแล้ว ดังนั้นร้านขายอาหารจะต้องเตรียมของให้เสร็จภายในตีห้าใช่ไหม แล้วร้านต้องตื่นมาทำกับข้าวกี่โมงครับ ใช่แล้วก่อนตีหนึ่งครับ

ใกล้ๆ กันก็มีร้านอาหารรอบบ้านครับ ตอนแรกผมก็สงสัยว่าเขานอนกี่โมง แต่รู้ว่าตื่นมาประมาณเที่ยงคืนครึ่งเพราะผมยังไม่นอน แต่มาคิดอีกทีแบบนี้แสดงว่าการเตรียมงานและเตรียมทำอาหารเพื่อที่จะขายในช่วงของเช้าขนาดนี้หมายความว่าทุกคนที่ร้านก็จะต้องนอนกันช่วงเย็นเป็นต้นไป ทำให้ผมรู้สึกว่าแล้วผมจะเล่นดนตรีตอนไหนได้บ้างเป็นเรื่องที่ลำบากใจจริงๆ (о´∀`о)…


ตอนที่ผมเข้ามาโตเกียวเพื่อศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ผมก็พักอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่งแถวๆ สถานีทากาดะโนบาบะซึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก วันหนึ่งมีเด็กนักศึกษาอาคารข้างๆ มานั่งกินเหล้ากันส่งเสียงดังมาก ร้องเพลงร็อคกันช่วงประมาณตีหนึ่งตีสองก็ยังไม่เลิกลา ผมออกไปบอกตรงระเบียงว่าช่วยเบาเสียงหน่อยก็ไม่ยอมหยุด ดังนั้นผมก็เลยแจ้งตำรวจทันที ตำรวจที่ญี่ปุ่นจะมาตักเตือนกลุ่มคนที่ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน แต่รู้ไหมมีเหตุผลอย่างหนึ่งที่ถ้าใครอ้างเหตุผลนี้มาใช้ใครๆ ก็จะอภัยให้


โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีจำนวนมากในญี่ปุ่น พวกเขาเป็นช่วงวัยที่รักงานรักบริษัททุ่มเทให้องค์กรมาก ดังนั้นทุกคนจะให้อภัยได้ถ้าเอาเรื่องงานมาบังหน้า! แม้แต่งานศพของเครือญาติตัวเองถ้าบอกว่าติดงาน! ก็จะไม่มีใครว่าอะไร ผมจึงเข้าใจมุมมองของคนญี่ปุ่นเรื่องที่ร้านอาหารลุกขึ้นมาเตรียมอาหารตั้งแต่ช่วงดึกๆ แถมยังเริ่มเปิดเพลงตอนตีสี่ครึ่งว่าเพราะเขาทำงานนะ ผมก็เข้าใจเขาได้จริงๆ เออไม่เป็นไรถึงแม้ว่าจะลำบากพอดู

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่จริงจังกับการทำงานมาก แต่ผมคิดว่าถ้าเอาความสัมฤทธิ์ผลด้านเวลามาเปรียบเทียบกัน คนญี่ปุ่นนี่แพ้ราบคาบเลยครับ เพราะประสิทธิภาพการทำงานกับเวลาของคนไม่ดีเลย แย่กว่าประสิทธิภาพของประเทศอิตาลีหรือประเทศเกาหลีอีก เพราะพนักงานใช้ระยะเวลาทำงานนานมาก และส่งผลให้ระยะเวลาการพักผ่อนนอนหลับน้อยลงไปด้วย


พนักงานได้นอนพักผ่อนน้อยลงเพราะว่าต้องรีบตื่นไปทำงานตั้งแต่เช้าให้ทันหัวหน้า แล้วต้องทำงานเลิกดึกกว่าจะกลับมาบ้าน ส่วนคนสูงอายุก็จะตื่นเช้ามาก บางคนตื่นแล้วก็มาทำงานเลยตั้งแต่เช้าเช่น ตื่นตีสี่ก็แต่งตัวออกจากบ้านเลยทำให้ลูกน้องวัยรุ่นกุมขมับเลยครับ เป็นปัญหามากเพราะว่าหัวหน้ามาแล้วจะมาช้ากว่ามันดูไม่ดี บางบริษัทเขียนว่าเข้างาน 9 โมงเช้า แต่เชื่อเถอะมีคนที่มาก่อน 7 โมงเช้าแล้วมานั่งโต๊ะทำทีว่าทำงาน มีแหล่งข่าวกล่าวว่าระยะเวลานอนของคนญี่ปุ่นสั้นและประสิทธิภาพต่ํา ผู้สูงอายุจะตื่นเช้าขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นคิดว่าเวลานอนสั้นๆ ของคนญี่ปุ่นถูกเฉลี่ยมาจากความจริงที่ว่าคนญี่ปุ่นมีอายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้น

เมื่อจํานวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น แนวโน้มของสังคมญี่ปุ่นที่จะปรับตัวให้ตื่นเช้าตามคนจำนวนมากที่มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเวลาเริ่มงานจะคงเดิม แต่ถ้าผู้สูงอายุมาทํางานตั้งแต่เช้า พนักงานคนอื่นๆ ต้องทำตามๆ กันไปด้วย ไม่แน่โลกของเราอาจจะขับเคลื่อนไปด้วยการเริ่มงานกันตั้งแต่เช้าก็ได้ เด็กรุ่นใหม่ที่ญี่ปุ่นจึงความยากลำบากเรื่องการปรับเวลาชีวิตให้เข้ากับคนสูงวัย จนมีคนพูดกันว่า จริงๆ แล้วการตื่นเช้ามันไม่น่าจะมีประโยชน์ในทุกอาชีพ และยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ยังเคยชินกับการนอนดึกตื่นสายอยู่นะครับเช่นผมเป็นต้น(´-`).。oOวันนี้เล่าสู่กันฟัง สวัสดีครับ




กำลังโหลดความคิดเห็น