สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว ผมคิดว่าเพื่อนๆ หลายคนชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยว ผมเองก็จะตื่นเต้นทุกครั้งที่นึกถึงแผนการท่องเที่ยวไปยังสถานที่แปลกใหม่ที่เราต้องวางแผนว่า เราจะไปไหน ทำอะไร ต้องเตรียมอะไรบ้าง และตอนนี้หลายท่านคงเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวกันแล้วใช่ไหมครับ มองย้อนกลับไปในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 ที่มาเปลี่ยนวิถีชีวิตและทำให้เราแทบจะไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลย หรือถ้าจำเป็นต้องไปก็ไม่สามารถวางแผนอย่างแม่นยำได้เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ผมนึกถึงตอนที่ผมไปญี่ปุ่นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แม้สถานการณ์ของโรคโควิดจะเริ่มคลี่คลายแต่ตอนนั้นญี่ปุ่นยังปิดประเทศอยู่และยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวอย่างอิสระ สถานที่ต่างๆ จึงมีเฉพาะกรุ๊ปทัวร์เด็กนักเรียนและผู้สูงอายุในประเทศค่อนข้างเยอะ สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ในเกียวโตไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่การที่ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเลยทำให้ตารางรถไฟไปกลับสนามบินน้อยลงไปด้วยแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ และรถบางสายก็หยุดวิ่งช่วงกลางวันไปเลยครับ
วันที่ไปถึงญี่ปุ่นผมต้องเดินทางจากสนามบินคันไซไปพักที่เกียวโตถ้าเป็นช่วงเวลาปกติก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลารถไฟเลย แต่วันนั้นชะล่าใจนึกว่ามีรถด่วนวิ่งปกติทั้งวันเหมือนเดิม เกือบพลาดรถด่วนเที่ยวสุดท้ายของช่วงเช้าครับ ถ้าตกรถคงต้องรออีกทีรอบเย็นเลย ผมตกใจมากที่รถไฟด่วนมีแต่ช่วงเช้าและมีอีกทีช่วงเย็นเท่านั้น ระหว่างวันก็จะไม่มีเลย การที่เราต้องเจอกับเรื่องที่นอกเหนือจากที่แพลนไว้ หรือเจอการเปลี่ยนแปลงระหว่างการเดินทางก็ทำให้ได้ประสบการณ์อีกอย่างหนึ่งและได้เห็นความแปลกใหม่ที่ไม่ได้เห็นในกิจวัตรประจำวันตามปกตินะครับ
ทริปนั้นผมทำธุระเสร็จเร็วกว่าที่คิดไว้ทำให้มีเวลาอยู่ที่เกียวโตสองสัปดาห์ ก็คิดว่าจะไปเที่ยวไหนได้บ้างที่คนไม่เยอะ การไปเดินเขาเข้าป่าน่าจะดีครับ ที่จริงคิดไว้คร่าวๆ ตั้งแต่ก่อนมาว่าอยากไปนมัสการภูเขามิวะ三輪山 ที่จังหวัดนารา เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ในเมืองซากุระอิ จังหวัดนารา มีความสูง 467.1 เมตร และเส้นรอบวง 16 กม. และได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อก่อนถือว่าเป็นภูเขาต้องห้าม อนุญาตเฉพาะนักบวชและพระสงฆ์ชินโตเท่านั้นที่เข้าไปได้ แต่ทุกวันนี้ทุกคนสามารถเข้าไปในภูเขาได้หากปฏิบัติตามกฎ
ภูเขามิวะมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 1500 ปีและเชื่อกันว่าเป็นดินแดนของเทพเจ้า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ใครไปนมัสการและขอพรเรื่องการศึกษาร่ำเรียนต่างๆ มักจะสัมฤทธิ์ผลและจะขอพรให้มีแรงบันดาลใจแรงกระตุ้นในใจก็ดี ที่เชิงเขาด้านตะวันตกยังมีศาลเจ้าสำคัญชื่อว่าศาลเจ้าโอมิวะด้วยครับ ที่นี่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในศาลเจ้าเก่าแก่ของญี่ปุ่นด้วย สำหรับภูเขามิวะนี้ถ้าเปรียบเทียบกับเกมอาร์พีจีคือ ถ้าใครได้ไปสถานที่นี้ก็เชื่อว่าจะได้ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของไอเทมที่มีความทรงพลังมาก ผมอยากไปมาก
แต่การเข้าไปในภูเขามีข้อจำกัดและจะต้องได้รับการอนุญาตก่อน ตลอดสองปีที่ผ่านมาก็ขึ้นข้อความหน้าเพจว่าปิดให้บริการมาตลอด แถมไม่มีอีเมลให้สอบถามอีก ผมก็รอมาญี่ปุ่นแล้วจะโทรศัพท์ไปสอบถามว่าสามารถเดินทางเข้าไปได้ไหม หรือต้องจองวันเข้าไปนมัสการ เพราะการเดินเขาที่ญี่ปุ่นเราต้องดูสภาพอากาศด้วยถ้าเป็นวันที่ฝนตกก็ไม่ควรเดินทางขึ้นเขาอย่างยิ่งครับ แต่พอโทรไปก็ได้รับข้อมูลว่ายังปิดอยู่ครับ! และยังไม่มีกำหนดว่าจะเปิดเมื่อไหร่! ล่าสุดวันที่ผมเขียนบทความก็ยังไม่เปิดให้เข้าไปนมัสการในภูเขาเลย ผมจึงเปลี่ยนไปเดินเขาคุรามะ (鞍馬山 - Kurama Mountain) และไปศาลเจ้าคิฟุเนะ (貴船神社) แทน
ภูเขาคุรามะ นั้นเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกียวโต เป็นภูเขาที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และมีตำนานเล่าขานมากมาย บ้างก็เรียกว่าภูเขาเท็งงุ เพราะเชื่อว่าเท็งงุอาศัยอยู่ที่นี่ บนภูเขามีวัดคุรามะตั้งอยู่ด้วย เรานั่งรถไฟสาย Kurama Line ของ Eizen Electric Railway ไปไม่ไกลจากตัวเมืองเกียวโต นั่งไปสุดสายและลงที่สถานี Kurama Station เพื่อขึ้นเขาไปวัดคุรามะนะครับแล้วเดินลงเขาด้านหลังวัดจะเจอศาลเจ้าคิฟุเนะที่สวยงามมาก แต่วันนี้จะไม่พูดถึงรายละเอียดการท่องเที่ยววัดและศาลเจ้าดังกล่าว ผมอยากเล่าถึงผู้คนที่เจอและข้อแนะนำเล็กน้อยสำหรับการเดินเขาครับ
★ตอนที่ไปเข้าป่าเดินเขาคุรามะ ผมเจอคนสูงอายุเยอะกว่าคนหนุ่มสาวเสียอีก มากันเป็นคู่ๆ คุณลุงคุณป้าดูมีสุขภาพดีแท้ในขณะที่ผมยังเดินเมื่อยเลยครับ ระหว่างทางเราจะเจอเพื่อนๆ นักเดินป่า ก็จะมีการส่งเสียงทักทายกัน เช่น こんにちは konnichiwa เราก็ควรทักทายกลับไป
★ก่อนเดินทางอย่าลืมศึกษาเส้นทางสถานที่เดินป่า และกฎระเบียบของสถานที่ครับ แต่ที่ผมไปจะมีทางให้เราเดินไปตามนั้น ไม่ควรออกนอกเส้นทางนะครับ
★ต้องเช็คพยากรณ์อากาศก่อนออกเดินทางเสมอ และไม่แนะนำให้เดินทางในวันฝนตกหรือหิมะตกนะครับ เพราะอาจจะลื่นและเกิดอันตรายได้
★มีความอะลุ่มอล่วยกันกับเพื่อนเดินป่า ให้ทางเมื่อต้องเดินสวนกันช่วงขึ้นลงทางชัน
★เตรียมเสบียงไปได้ บนเขาจะมีจุดพักให้เป็นระยะๆ สามารถนั่งรับประทานขนม ข้าวกล่องและน้ำดื่มได้แต่ควรเก็บขยะของตัวเองลงมาด้วยทุกครั้ง
★ควรใส่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่มิดชิดเหมาะสม ใส่รองเท้าที่เดินสบายไม่ลื่น และมีอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับตัวเอง อากาศบนเขาจะเย็นกว่าอากาศในเมืองนะครับ เผื่อมีเพื่อนๆ ที่กลัวความหนาว
★บนภูเขาจะมีป้ายบอกทาง และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกรณีฉุกเฉินหรือต้องการความช่วยเหลือ เราสามารถโทรศัพท์ไปที่เบอร์นั้นเมื่อมีเหตุจำเป็น
เมื่อเราไปเที่ยวตามเส้นทางธรรมชาติ เช่นเดินป่าขึ้นเขาเราจะต้องศึกษากฎการเดินป่าและข้อควรระวังต่างๆ ให้เข้าใจนะครับ และควรช่วยกันอนุรักษ์ป่าไม้ สัตว์ป่า และดูแลความปลอดภัยของตัวเองด้วย มีเพื่อนคนไทยบอกว่าเวลาเข้าป่ามีอีกสิ่งที่ควรระวังคือ ห้ามพูดจาไม่ดี ห้ามลบหลู่ต่างๆ เพราะเชื่อกันว่าตามเส้นทางธรรมชาติจะมีเจ้าป่าเจ้าเขาคอยปกป้องดูแลและคุ้มครองพื้นที่ป่านั้นๆ ก็คงคล้ายๆ กับความเชื่อเรื่องเทพเจ้าที่สิงสถิตตามภูเขาที่คนญี่ปุ่นเชื่อกันนะครับ นอกจากได้นมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อแล้ว สิ่งที่เราจะได้จากการเดินป่าคือการฝึกสติ เพราะต้องจดจ่อกับทิศทางและการก้าวเดินของตัวเอง บางคนก็บอกว่าช่วยลดความเครียดเพราะได้ออกกำลังกาย , ได้รับโอโซนธรรมชาติเพราะอยู่ในแหล่งป่าไม้ที่มีอากาศบริสุทธิ์ นอกจากนี้ยังสนุกสนานได้ผจญภัยและได้มิตรภาพระหว่างทางด้วย ถือว่าเป็นความทรงจำดีๆ จากการเดินทางท่องเที่ยวครับ เพื่อนๆ พร้อมออกเดินทางหรือยังครับ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า วันนี้สวัสดีครับ