เกียวโดนิวส์ รายงาน (21 ต.ค.) นายทหารระดับสูงของญี่ปุ่น สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ตกลงที่จะรักษา "ความร่วมมือและการประสานงานด้านความมั่นคงระดับทวิภาคีและพหุภาคีที่มีประสิทธิภาพ" เพื่อจัดการกับภัยคุกคามด้านขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานเสนาธิการร่วมสหรัฐฯ ยืนยัน "ความมุ่งมั่นอย่างแข็งขัน" ของสหรัฐฯ ที่จะปกป้องพันธมิตรเอเชียตะวันออกทั้งสอง ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่กรุงวอชิงตัน กับ พล.อ.โคจิ ยามาซากิ เสนาธิการร่วมของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น (JSDF) และ พล.อ.คิม ซอง กัม รองผู้บัญชาการ กองบัญชาการกองกำลังผสมเกาหลีใต้
การเจรจามีขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธนำวิถีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าประเทศเกาหลีเหนือยังจะทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 7 ได้ในไม่ช้านี้ หลังการทดสอบครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2017
หลังจากการกระทำที่ยั่วยุหลายครั้งโดยเปียงยาง สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เร่งส่งเสริมความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ ได้ดำเนินการซ้อมรบร่วมต่อต้านเรือดำน้ำครั้งแรกในรอบ 5 ปีในช่วงปลายเดือนกันยายน รวมถึงการฝึกซ้อมร่วมกันเพื่อตรวจจับขีปนาวุธนำวิถีเมื่อต้นเดือนนี้
สามชาติเห็นพ้องกันว่า การเป็นพันธมิตรไตรภาคีมีความสำคัญต่อการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค และเพื่อให้มั่นใจว่าอินโดแปซิฟิก "เสรีและเปิดกว้าง" ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ส่งเสริมเพื่อตอบโต้อิทธิพลทางทหารของจีนในภูมิภาคนี้
นับเป็นการร่วมประชุมครั้งแรกโดยนายพลผู้นำสูงสุดของเหล่าทัพจาก 3 ประเทศ นับตั้งแต่การพบกันที่ฮาวาย เดือนมีนาคมปีนี้
ต่อมาในวันเดียวกัน มิลลีย์ ยืนยันอีกครั้งในการประชุมทวิภาคีกับยามาซากิ ว่า สหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะปกป้องญี่ปุ่น รวมถึงหมู่เกาะเซนกากุ