สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว ผมเคยเล่าถึงคนญี่ปุ่นอีกเจนเนอเรชั่นที่เรียกได้ว่าถูกละทิ้งจากการช่วยเหลือของรัฐบาลมายาวนาน เราเรียกว่าคนรุ่นยุคน้ำแข็ง 氷河期世代 Hyōgaki sedai ขอเรียกสั้นๆ ว่า Hyōgaki นะครับ เป็นประชากรที่มีอายุราวๆ 40-50 ปีหรือมากน้อยกว่านี้นิดหน่อย คนญี่ปุ่นทุกคนรู้ว่าคนรุ่น Hyōgaki เป็นรุ่นที่ไม่ค่อยมีงานดีๆ ทำ แม้จะเรียนจบจากคณะดังๆ ของมหาวิทยาลัยดีๆ แต่ช่วงจังหวะที่พวกเขาเรียนจบแล้วต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานต้องหางานนั้นกลับไม่มีตำแหน่งงานเปิดรับคนใหม่ๆ มากนัก จะมีก็น้อยคนมากที่โชคดีสามารถหางานและผ่านเข้าไปทำงานในบริษัทดีๆ ได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่ต้องทำงานพาร์ทไทม์บ้าง ขับรถตามโกดัง หรือดูแลคนป่วยผู้สูงอายุบ้าง และมีที่ยังว่างงานไร้อนาคตก็ไม่น้อย คนญี่ปุ่นรู้ปัญหาเหล่านี้ดี
ต่อมารัฐบาลมีแผนนโยบายให้งบประมาณบริษัทต่างๆ เพื่อช่วยสร้างงานจ้างแรงงานสำหรับคนรุ่น Hyōgaki นี้ได้เป็นพนักงานประจำ ..แต่เนื่องจากมีความย้อนแย้งเรื่องวัฒนธรรมการทำงานในองค์กรแบบญี่ปุ่นๆ กับ ความเป็นจริงที่ปัจจุบันนี้คนรุ่น Hyōgaki ผู้ที่มีอายุอยู่ในช่วงวัยกลางคน ผู้ที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่กับงานพาร์ทไทม์หรือเป็นฮิกิโกโมริ (คนที่รักความสันโดษส่วนตัว เลือกที่จะแยกตัวเองออกมาจากสังคม แสวงหาความโดดเดี่ยวและกักตัวเองอย่างสุดโต่ง ไม่ได้ทำงานทำการอะไร อาจจะอาศัยพ่อแม่ปู่ย่าตายายเลี้ยงดู) นโยบายสร้างงานจึงยังไม่บรรลุตามเป้าหมายของรัฐบาลได้ แม้รัฐจะขยายแผนดำเนินการออกไปอีกสองปี แต่ก็มีวิพากษ์วิจารณ์กันมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าแก้ปัญหาไม่ตรงจุด และเบื้องหลังของความช่วยเหลือดังกล่าวคืออะไรกันแน่?
ผมเองก็มีอายุอยู่ในช่วงกลางๆ ของคนรุ่น Hyōgaki (หรือรุ่นยุคน้ำแข็ง) ในปีที่ผมสําเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมีคนเกินครึ่งหนึ่งว่างงาน ゞ(`Д´)/ แม้ว่าหลายคนจะสมัครงานกันเป็นร้อยๆ แห่งก็ตาม บทความวันนี้จะนำปฏิกิริยาของคนญี่ปุ่นที่พูดคุยกันถึงประเด็นนี้ในโซเชียลมีเดียมาเล่าให้ฟังครับ ซึ่งในโซเชียลมีเดียต่างก็วิจารณ์ในทิศทางที่ว่า "มันไม่ใช่! ..รัฐแก้ปัญหาไม่ตรงจุด! (#`Д )/ จุดประสงค์ไม่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มแรก และท้ายที่สุดงบประมาณส่วนใหญ่ที่จัดตั้งขึ้นมาดําเนินการและจะถูกใช้จ่ายหมดไปโดยผ่านมือองค์กรธุรกิจให้ช่วยคนรุ่นยุคน้ําแข็ง ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือบุคคลนั้นๆ จริงๆ “
หมายถึงเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่จะให้องค์กรที่จ้างงานและให้เป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมเพิ่มทักษะ skill-up แก่คนรุ่นยุคน้ําแข็ง ดังนั้นเงินจึงอยู่ในมือขององค์กร ใครๆ ก็รู้ว่าคนรุ่นนี้ส่วนใหญ่อยู่ในวัยกลางคนแล้ว เกินช่วงวัยในอุดมคติที่จะมีความกระตือรือร้นเหมือนวัยแรกรุ่นที่เริ่มหางานทำและยอมอดทนทํางานหนักๆ มาจ่ายภาษี หรือสร้างครอบครัวที่มั่นคงเพื่อให้กําเนิดลูกๆ จํานวนมาก .. พวกเขาไม่ใช่วัยใสแล้ว และเวลามันผ่านพ้นไปนานแล้ว ความช่วยเหลือของรัฐบาลมันสายไปแล้ว 15- 20 ปี!! ..
ที่ชาวเน็ตวิจารณ์ว่านโยบายช่วยเหลือการจ้างงานสำหรับคนรุ่นยุคน้ำแข็งในรูปแบบพนักงานประจำนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะอะไรบ้าง?
● ถ้าบริษัทต้องการหาทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะและความสามารถเพื่อมารับตำแหน่งผู้จัดการระดับกลาง หากจะมีบุคคลเช่นนี้ คนนั้นเขาก็ยังคงทํางานเป็นพนักงาน full-time ที่ไต่เต้าทำงานมาตลอดที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งและยังไม่ลาออก ดังนั้นเขาจึงไม่จําเป็นต้องมาสมัครใหม่เพื่อรับเงินเดือนระดับต้น ตามแผนช่วยเหลือของรัฐบาล
●แม้พ่อแม่ของคนรุ่นยุคน้ำแข็งจะเป็นห่วงเรื่องชีวิตการทำงานของลูก และต้องการให้ลูกชายฮิกิโกโมริวัยกลางคนที่ไม่ได้ออกจากห้องมายี่สิบกว่าปีแล้วไปหางานทำตามนโยบายของรัฐบาล ลูกเขาจะมีทักษะใดไปทำงานได้จริงหรือ นึกภาพประชากรที่เหมือนกับซอมบี้และสัตว์ประหลาดอันเดด ที่มักจะตื่นตัวตอนกลางคืนแต่เหี่ยวเฉาในช่วงที่คนปกติทำงานทำการ ถามจริงมีบริษัทที่ต้องการรับสมัคร "ผู้มาใหม่" แบบนี้เพื่อให้ทำงานเต็มเวลาจริงหรือไม่?
ดังนั้นแทนที่รัฐบาลจะนำงบประมาณไปให้องค์กรนำไปจ้างงานคนรุ่นน้ำแข็ง แต่เอามาทำแบบนี้ดีกว่า และนี่คือความคิดเห็นของคนในโซเชียลมีเดียครับ
★ไอเดียที่ 1 ช่วยสร้างสิ่งอํานวยความสะดวกการุณยฆาตที่สามารถใช้ได้ฟรีหรือราคาถูก! ゞ(`Д´)/ ให้คนที่อยากจากโลกนี้ไปใช้ (ประเด็นอ่อนไหวขอไม่ลงรายละเอียดมากครับ)
ทุกคนรู้ว่าแท้จริงแล้วที่รัฐออกนโยบายรีบหาทางช่วยให้คนรุ่นน้ำแข็งทำงานประจำ เพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง คือเพื่อป้องกันปัญหาคนไร้งานมาขอสวัสดิการของรัฐบาลที่จะเกิดจากคนรุ่นนี้ภายใน 10 ปีข้างหน้า การสร้างงานเป็นข้ออ้างในการป้องกันไม่ให้ผู้คนนับล้านคนเข้าสู่สวัสดิการสำหรับผู้ที่พ่อแม่เสียชีวิตและไม่มีงานทํา ( -ω-`) ใครๆ ก็รู้ว่าคนรุ่นยุคน้ำแข็งจะมาเริ่มต้นทำงานเป็นพนักงานประจำในวัยปูนนี้ไม่ได้แล้ว และในอนาคตพวกเขาก็จะกลายเป็นคนที่เป็นภาระสังคมและรัฐต้องช่วยเหลือถ้าพ่อแม่ของพวกเขาตายไป นโยบายที่ว่าจะกระตุ้นให้คนกลุ่มนี้มาทำงานมีรายได้เพื่อที่จะได้มีการสร้างครอบครัวมีลูกๆ แล้วจะได้มีเด็กรุ่นใหม่มาทำงานเพื่อที่จะได้มีเงินหมุนในการสร้างสวัสดิการต่อไปนั้น รัฐเองก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นไปไม่ได้!
★ไอเดียที่ 2 เอาเงินงบประมาณก้อนนั้นมาแจกให้รายบุคคลโดยตรงดีกว่า! (´・ω・`)
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าไอเดียนี่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดและยังช่วยเพิ่มการบริโภคและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่งด้วย และรัฐก็มีงบประมาณแล้วด้วย แต่ประเด็นคือเรื่องแจกเงินให้คนรุ่นยุคน้ำแข็งโดยตรงมันจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน มีความคิดเห็นต่างๆ พูดถึงการให้เงินรายบุคคลเพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูประมาณ 10 ล้านเยนต่อคนนั้นมันเยอะไหม? พวกเขาบอกว่ามันน้อยเกินไป และสายเกินไปด้วย!
★ไอเดียที่ 3 ส่งพวกเขาไปอยู่หมู่เกาะห่างไกล อาจเป็น 防人 sakimori ซากิโมริเวอร์ชันสมัยใหม่ก็ได้นะ คือให้ช่วยเป็นเกราะป้องกันการรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน ( ´Д`)y━・~~อย่างน้อยก็ยังเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้าง
เมื่องบประมาณมหาศาลที่รัฐมีแผนใช้เพื่อการสนับสนุนการจ้างงานของคนรุ่นยุคน้ำแข็ง ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริง และก่อนที่งบประมาณนั้นจะถูกตัดออกไป ใครควรได้ประโยชน์? ในเมื่อมีเสียงสะท้อนจากสังคมดังนั้นนักการเมืองและข้าราชการจึงควรตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้ด้วย แต่ที่แน่ๆ ภายในสิบปีนี้ คนรุ่นนี้อีกเป็นล้านๆ คน และการเข้าสู่สังคมคนสูงวัยจำนวนมาก เศรษฐกิจและสังคมญี่ปุ่นจะเดินไปในทิศทางใด ผมหวังว่าเราจะมีทางออกที่ดีและลงตัวนะครับ วันนี้เล่าสู่กันฟังพบกันใหม่อาทิตย์หน้านะครับ สวัสดีครับ