xs
xsm
sm
md
lg

บุตรสาวอดีตนายกฯ ญี่ปุ่นเล่าภารกิจ “เดิมพันชีวิต” ฟื้นสัมพันธ์กับจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บุตรสาวของอดีตนายกฯ ทานากะ คาคูเอ เล่าว่าบิดาต้องเผชิญความเสี่ยงถึงชีวิตในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีน พร้อมแสดงความเห็นว่าสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศยากที่จะราบรื่นเหมือนเมื่อ 50 ปีก่อน

วันที่ 29 กันยายน 1972 นายกฯ ทานากะ คาคูเอ แห่งญี่ปุ่นเดินทางไปกรุงปักกิ่งพบกับนายกฯ โจวเอินไหล ของจีน เพื่อฟื้นสัมพันธภาพระหว่าง 2 ประเทศให้หวนคืนสู่ระดับปกติหลังจากความบาดหมางในช่วงสงครามโลก ในปีนี้เป็นโอกาสครอบรอบ 50 ปีของการฟื้นสัมพันธภาพญี่ปุ่น-จีน

ทานากะ มากิโกะ บุตรสาวของอดีตนายกฯ ทานากะ เล่าว่า บิดาของเธอตัดสินใจจะฟื้นความสัมพันธ์กับจีนหลังจากรับตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่นเพียงแค่ 2 เดือน ซึ่งเป็นการวางเดิมพันที่สูงยิ่ง นายกฯ ทานากะบอกกับลูกสาวก่อนออกเดินทางว่า หากภารกิจไม่สำเร็จก็ไม่อาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้

พ่อยังบอกกับเธอว่ากลัวจะถูกลอบวางยาพิษที่ประเทศจีน ปกติแล้วมากิโกะ ซึ่งเป็นผู้ช่วยของพ่อมักจะเดินทางไปต่างประเทศด้วยกัน แต่ด้วยความกลัวอันตรายถึงชีวิตทำให้พ่อไม่ให้เธอเดินทางไปประเทศจีนด้วยกัน


นายกฯ ทานากะตัดสินใจฟื้นฟูความสัมพันธ์กับจีน หลังจากก่อนหน้านี้ในปีเดียวกัน ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐ ได้เดินทางไปประเทศจีน และเปิดความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ ตัดความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวัน

แต่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนมีความยากลำบากมากกว่า เพราะชาวจีนยังมี “รอยแค้น” จากพฤติกรรมเหี้ยมโหดของกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงคราม ขณะที่ในประเทศญี่ปุ่นเอง กระแสต่อต้านคอมมิวนิสต์ก็สูงมาก โดยเฉพาะหลังจากนายกฯ ทานากะ แสดงความเสียใจต่อพฤติกรรมอันโหดร้ายในช่วงสงคราม และตัดสัมพันธ์กับไต้หวัน มีชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยขู่ฆ่าเขา สมาชิกพรรครัฐบาลหลายคนถึงกับมายังบ้านของเธอ เพื่อขวางทางไม่ให้นายกฯ ทานากะเดินทางไปประเทศจีน

มากิโกะเล่าว่า บิดาของเขาคิดว่าจำเป็นต้องฟื้นสัมพันธ์กับจีนที่เป็นเพื่อนบ้าน และจะก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจในวันข้างหน้า หนทางทางการทูตเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้ญี่ปุ่นซึ่งขาดแคลนทรัพยากร ฟื้นขึ้นมาจากการพ่ายแพ้สงคราม และอยู่รอดได้ในการแข่งขันทั่วโลก เธอเล่าว่า นายกฯ ทานากะคิดว่าการทิ้งให้ความสัมพันธ์กับจีนคาราคาซังไม่เป็นผลดีต่ออนาคตของญี่ปุ่น บิดาของเธอพร้อมจะค้อมศีรษะและขออภัยต่อจีน เพื่อสร้างความสัมพันธ์แบบชนะทั้งคู่ที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อญี่ปุ่น


จีนไม่เรียกร้องค่าปฏิกรรมสงคราม ช่วยญี่ปุ่นไม่ให้ล้มละลาย

ความหวาดกลัวของนายกฯ ทานากะหายไปจนหมดสิ้น หลังจากเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นอย่างยิ่งในประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกฯ โจวเอินไหล ประกาศสละสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงครามจากญี่ปุ่น ซึ่งช่วยให้ญี่ปุ่นไม่ต้องล้มละลาย โดยฝ่ายจีนต้องการเพียงแค่ให้ญี่ปุ่นตัดความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวัน

ส่วนเรื่องพื้นที่พิพาทในทะเลจีนตะวันออก ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงฟื้นสัมพันธ์ปี 1972 ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นระบุว่า นายกฯ ทานากะได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา แต่นายกฯ โจวเอินไหลปฏิเสธที่จะหารือ

ญี่ปุ่นยังได้ประกาศขออภัยต่อความโหดร้ายในช่วงสงครามโลกในแถลงการณ์ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศจีน

หลังฟื้นความสัมพันธ์ ญี่ปุ่นและจีนได้สนับสนุนซึ่งกันกันในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือด้านการพัฒนากับจีนมากกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ก้าวขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของญี่ปุ่น


นายกฯ ทานากะถึงแก่อสัญกรรมในปี 1993 ผลงานฟื้นฟูความสัมพันธ์กับจีนเป็นสิ่งที่ตราตรึงในความทรงจำของผู้คนจำนวนมาก ส่วนมากิโกะ บุตสาวได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ และตำแหน่งสำคัญอื่นในรัฐบาลญี่ปุ่นอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1993-2012

จากใกล้ชิดเป็นหมางเมิน สหรัฐบีบให้เลือกข้าง

หลังจากจีนก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจอันดับ 2 ทางเศรษฐกิจ และขยายแสนยานุภาพทางการทหารมากขึ้น รัฐบาลญี่ปุ่นในยุคหลังมองจีนเป็น “ภัยคุกคาม” อย่างชัดเจน และเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเพื่อรับมือจีน ผู้นำระดับสูงของ 2 ประเทศไม่ได้มีการเดินทางเยือนระหว่างกันมานานหลายปีแล้ว

มากิโกะกล่าว่า พันธมิตรระหว่างญี่ปุ่น-สหรัฐเป็นหมุดหมายในนโยบายต่างประเทศของญี่ปุ่น แต่เราใม่อาจจะโดดเดี่ยวจีน เธอยังกังวลว่า การจับขั้วของสหรัฐและชาติพันธมิตรฝ่ายประชาธิปไตย รวมทั้งญี่ปุ่น จะผลักดันให้จีนต้องแนบแน่นกับรัสเซีย นำไปสู่การแบ่งขั้วและเผชิญหน้ากัน เธอยังวิจารณ์การเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่าสุมไฟความขัดแย้งให้มากยิ่งขึ้น

การถูกบีบให้เลือกข้างโดยสหรัฐ ข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะเซ็งกากุ และเรื่องไต้หวัน ทำให้สัมพันธภาพระหว่างญี่ปุ่นกับจีนอยู่ในสถานะที่มากิโกะบอกว่า “สิ้นหวัง” ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ในทางการเมืองขณะนี้


แต่เธอยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างภาคเอกชนและประชาชน เธอเคยได้รับเชิญไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยชิงหัวในประเทศจีน และเธอมีแผนที่จะเชิญผู้แทนจากจีนเดินทางมาเยือนหลุมฝังศพของบิดาที่บ้านเกิด จังหวัดนีงาตะ ในปลายปีนี้

มากิโกะบอกว่า ถ้าการแลกเปลี่ยนด้านธุรกิจ วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมมีมากขึ้น ทั้ง 2 ชาติ ก็จะรู้สึกถึงความใกล้ชิดกัน เหมือนที่บิดาของเธอเคยกล่าวว่า “การทูตเป็นเรื่องของประชาชน ต้องสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนและพูดคุยกันได้เมื่อจำเป็น” แต่เธอบอกว่า นักการเมืองที่ทำได้แบบเดียวกับบิดาของเธอนั้นมีน้อยมาก.


กำลังโหลดความคิดเห็น