สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว ผมมาอยู่เมืองไทยได้ 10 ปีแล้ว ซึ่งนานกว่าระยะเวลาที่ผมเคยทำงานที่จังหวัดหนึ่งชานกรุงโตเกียวอีก ถ้าเทียบกับคนญี่ปุ่นทั่วไปที่มักจะทำงานกันยาวๆ 20-30 ปีจนเกษียณก็ถือว่าระยะเวลาที่ผมเคยทำงานองค์กรนั้นสั้นมากนะครับ แต่เวลาที่ครอบครัวของผมหรือเพื่อนที่ญี่ปุ่นบางคนโทรศัพท์มาคุยกับผม ส่วนใหญ่จะชวนคุยแต่เรื่องงานที่เคยทำ คุยเหมือนตอนที่ผมยังทำงานอยู่ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมชอบชวนคุยเรื่องงานเพราะมันผ่านมานานมากเลย
แต่วันนี้คุยเรื่องงานสักหน่อยก็ได้ครับ อย่างที่ทราบกันว่าปกติบริษัทหรือองค์กรญี่ปุ่นมักจะมีนโยบายการโอนย้ายงานหมุนเวียนงานไปแผนกอื่นๆ หรือส่วนงานต่างๆ ที่อาจจะตรงข้ามกับสายงานเดิมอย่างสิ้นเชิง เพื่อให้พนักงานมีโอกาสเรียนรู้งานในจุดงานอื่นๆ ทำให้พนักงานคนนั้นมีทักษะและความรอบรู้มากขึ้น และสามารถทำงานในด้านต่างๆ ได้มากขึ้น แม้แต่งานข้าราชการเองก็มีการโอนย้าย หมุนเวียนไปหน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผมเคยทำมาหลายส่วนผมมักเจอกับงานที่ต้องติดต่อกับลูกค้าเสมอ
ลูกค้าที่มาติดต่อก็มีทุกประเภทเลย เคยติดต่อด้วยเกือบทุกสายงาน ตั้งแต่มหาเศรษฐีไปจนถึงคนยากจน ดารา นักกีฬา บุคคลที่มีชื่อเสียง คนเร่ร่อน และยากูซ่า บางวันก็พอมีเวลาว่างพอที่จะรองรับลูกค้าที่เอาแต่ใจได้ แต่บางวันก็ยุ่งมากๆ ยิ่งยุ่งยิ่งมีเคสน่ากลัวเข้ามา บางคนรู้เลยว่ามีความแตกต่างกับคนธรรมดามาก วันหนึ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่เป็นฤดูกาลเปิดเรียน-การเริ่มงานของพนักงานใหม่บริษัทต่างๆ จะยิ่งมีคนที่ต้องการติดต่อขอเอกสารต่างๆ มากขึ้น บางเคสก็มาขอคำปรึกษาซึ่งก็ต้องใช้เวลา มีลูกค้าคนหนึ่งบอกกับพนักงานว่า เพิ่งย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ (ตามปกติใครย้ายไปอยู่ที่ไหนต้องแจ้งลงทะเบียนที่พักอาศัยที่เขตนั้นๆ ในระยะเวลาที่กำหนด ) แต่เขาไม่อยากย้ายทะเบียนบ้านมาจากที่อยู่เดิมเพราะถ้าย้ายทะเบียนบ้านมาลงทะเบียนที่นี่จะมีกลุ่มคู่อริรู้ที่อยู่และเขาจะโดนยากูซ่าไล่ อาจถูกฆ่าได้ !!! แต่ถ้าไม่ย้ายก็ส่งลูกไป ไปโรงเรียนในเขตนี้ไม่ได้ ขอความเห็นใจ เขาจะทำอย่างไรดี!?? เป็นต้น
หรือมีกลุ่มมิจฉาชีพที่ชอบฉ้อโกงมายื่นเอกสาร และมีตำรวจไล่ตามพวกเขามาโดยขอให้พวกเขาแสดงเอกสารต่างๆ หรือเคสชายชราที่เคยเป็นอดีตชายไร้บ้านพเนจรไปเรื่อยๆ เป็นลูกน้องของกลุ่มกลโกงและแก๊งอาชญากร งานของแก๊งคือที่หาคนพเนจรแบบนี้มาขอลงทะเบียนเอกสารที่อยู่ (เพื่อนำไปใช้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือทำธุรกรรมที่อาจไม่ดีก็ได้) วันที่ชายชราเร่ร่อนมาขอทะเบียนบ้านก็จะมีชายอีกคนน่าจะมาคุมชายชราคนนั้น มาดูให้แน่ใจว่าชายชรามาทำเอกสารจริงไหม แค่ชายชุดสูทคนนั้นนั่งรอชายชราอยู่ในห้องออร่าคลื่นแห่งจิตสังหาร 殺意の波動Satsui no hadou ก็หลั่งไหลออกมา น่ากลัวมากๆ แก๊งพวกนี้จะทำทุกอย่างในอำนาจของตนเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายและมักจะมากันเกือบๆ เลิกงานแบบนาทีสุดท้าย น่ากลัวมากผมอยากจะหนีกลับบ้านเลย!!(´・ω・`*)
นอกนั้นก็มาเรื่อยๆ มีลูกค้าแนวนักเลงหรือยากูซ่าเข้ามาติดต่ออยู่บ่อยๆ แต่ถ้าถามว่าไม่อยากติดต่อกับลูกค้าที่ทำอาชีพอะไรมากที่สุด ก็จะตอบว่าอาจารย์ (เซนเซ) และตำรวจครับ หมายถึงคนที่ทำอาชีพนี้ที่ญี่ปุ่นนะครับและไม่ได้หมายรวมถึงทุกคน เป็นภาพรวมเพราะส่วนใหญ่จะมีคุณลักษณะบางอย่างที่ไม่เหมือนลูกค้าทั่วไป และไม่ค่อยปกติเหมือนคนธรรมดา
●ที่ญี่ปุ่นมีสำนวนเชิงล้อเลียนตำรวจว่า “ตำรวจและผู้ร้ายก็คนเดียวกัน” กล่าวโดยสรุปคนญี่ปุ่นแซวคนที่เป็นตำรวจและผู้ร้ายว่ามีพื้นฐานเป็นคนประเภทเดียวกัน เขายกตัวอย่างว่า เวลาเปิดรับสมัครตำรวจจะมีกลุ่มคนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน มีความสนใจที่จะสอบเข้าเป็นตำรวจ ในบรรดานั้นคนที่สอบไม่ผ่านส่วนใหญ่จะกลายเป็นนักเลงอันธพาลหรือพูดง่ายๆ คือเป็นผู้ร้าย คนที่สอบผ่านก็มีลักษณะนิสัยใกล้เคียงกันกับคนที่สอบไม่ผ่านนั้นแหละแต่ต่อมาได้เป็นตำรวจ
แต่ผมกลับคิดว่า นอกจากมีคุณลักษณะบางอย่างคล้ายคลึงกันแล้ว คนที่สอบผ่านส่วนใหญ่มีบุคลิกตรงข้ามมีคนบอกว่า เขาเลือกถั่วงอกมาเป็นตำรวจหรือเปล่า มีคนเทียบความเฉลียวฉลาด คล่องตัวของฝ่ายที่เป็นผู้ร้ายหรืออันธพาลบางคนเก่งกว่าตำรวจเยอะมาก เก่งแบบอัจฉริยะเลย ตำรวจญี่ปุ่นดูเจี๋ยมเจี้ยมไปเลย(ไม่ใช่ทุกคนนะครับ) และเขาว่านอกจากตำรวจแล้ว คุณลักษณะของอาจารย์ก็แนวนี้เหมือนกัน นี่คือสิ่งที่ผมเห็นเองจากในสังคม แต่มันมีคำพูดแนวนี้มานานแล้วแสดงว่าคนทั่วไปและคนสมัยก่อนเขาก็รู้เห็นแบบนี้มานานแล้ว
●先生と言われるほどのバカでなし sensei to iwareru hodo no baka de nashi สำนวนนี้มีหลายความหมายที่นำไปใช้เปรียบเปรยกัน อาทิเช่น
1. คนบางอาชีพ เช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครู และแพทย์ ชอบให้เรียกว่า "อาจารย์ (เซนเซ) อาจารย์ (เซนเซ) " แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่เรียกนั้นจะให้ความเคารพหรือให้เกียรติอย่างแท้จริง
2. ในสังคมผู้ใหญ่ ผู้คนมักติดอยู่กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ทำให้อยู่เหนือกว่าใคร
*เป็นการประชดประชันเยาะเย้ยคนที่ภาคภูมิใจที่ได้ชื่อว่าเป็นครู (เซนเซ)
ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร ครูโง่งั้นหรอ?! ถ้าครูโง่แล้วจะมาเป็นครูอาจารย์ได้อย่างไร! จะพูดให้เพื่อนๆ เข้าใจง่ายๆ ได้อย่างไรดี ในบริบทสังคมญี่ปุ่นบางเรื่องมันยากเกินจะอธิบาย แต่ผมคิดว่าจากที่ได้ฟังมาเมืองไทยก็น่าจะมีครูแบบนี้เหมือนกัน คือไม่ฉลาดหัวไม่ดีมากแต่สอบเป็นครูได้และต้องมาสอนนักเรียน และมักทำเรื่องไร้สาระ เมื่อครูซึ่งเป็นผู้ใหญ่ไปสอนนักเรียนที่ยังเป็นเด็ก แน่นอนว่าครูอาจารย์ก็จะมีระดับความรู้ที่เหนือกว่านักเรียนแต่พอนักเรียนพูดยอ หรือบอกว่าครูเก่งจังเลย ยอดเยี่ยมไปเลย ครูคนนั้นจะอายเขินแบบเด็กน้อยไร้เดียงสา แบบนี้คือหนึ่งในตัวอย่างที่เด็กๆ งงกับอากัปกิริยาของครู
สมัยที่ผมเรียนมัธยมศึกษา ครูที่สอนวิชาสังคมศึกษาและดนตรีมักจะเป็นคอมมิวนิสต์ ส่วนคุณครูที่สอนพละศึกษามักจะมีบุคลิกชอบเตะต่อยขาโหด พูดได้เลยว่าถ้าไม่ได้เป็นครูสอนพละต้องเป็นอันธพาลหรือขาโจ๋ประจำเมืองแน่ๆ อุปมาเหมือนตำรวจกับผู้ร้ายที่กล่าวไปข้างต้น
แล้วอะไรทำให้คนที่แตกต่างกันสนทนากันได้รู้เรื่อง หรือบางทีก็ไม่รู้เรื่องเลย ไว้โอกาสหน้าผมจะมาเล่าให้ฟังครับ แต่อย่างบอกนะครับว่าครูโหดสมัยก่อนคงมีน้อยแล้วในสมัยนี้ เพราะสังคมมีความเปลี่ยนแปลง คงจะพยายามพัฒนาและปรับปรุงขึ้นมามากแล้ว เพราะถ้ามีเรื่องอะไรก็จะกลายเป็นประเด็นที่ถูกแชร์ต่อในโลกโซเชี่ยลและเป็นข่าวดังทันที และได้ข่าวว่าปัจจุบันนี้การเป็นครูก็ยากลำบากมากเพราะงานเยอะมากขึ้นทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากเป็นครูนัก วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ สวัสดีครับ