สถาบันกองทัพเรือสหรัฐฯ เผย (12 ก.ย.) ญี่ปุ่นกำลังสร้างเรือรบที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เป็นเรือพิฆาตขนาด 20,000 ตัน จำนวน 2 ลำ เพื่อปกป้องญี่ปุ่นจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธจีนและเกาหลีเหนือ
รายงานข่าวของสถาบันกองทัพเรือสหรัฐฯ เผยว่า เรือพิฆาตลำใหม่นี้จะเข้าร่วมกับกองเรือญี่ปุ่นที่ได้รับการพัฒนาแสนยานุภาพ รวมถึงเรือดำน้ำที่ดีที่สุดในโลกและเรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่
เรือพิฆาตไร้ชื่อทั้ง 2 ลำจะปกป้องญี่ปุ่นจากขีปนาวุธนำวิถีจากเกาหลีเหนือและจีน พร้อมติดเขี้ยวเล็บขีปนาวุธซึ่งสามารถติดหัวรบเคมี หรือแม้แต่นิวเคลียร์ โดยทั้ง 2 ลำจะสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อติดตั้งเครื่องสกัดกั้นขีปนาวุธเอสเอ็ม-3 และใช้ระบบการต่อสู้ของเอจิส เรดาร์ อันควบคุมระบบอาวุธรวมทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ในเรือ ซึ่งเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
เรือแต่ละลำจะมีระวางขับน้ำ 20,000 ตัน โดยมีความยาว 690 ฟุต และกว้าง 130 ฟุต ซึ่งเมื่อเทียบขนาดกับเรือรบผิวน้ำที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือสหรัฐฯ คือเรือพิฆาตล่องหนคลาส Zumwalt ยังมีขนาดเล็กกว่าเรือพิฆาตลำใหม่ของญี่ปุ่นนี้ เพราะเรือพิฆาตอเมริกัน มีระวางขับน้ำ 16,000 ตัน มีความยาว 610 ฟุต และกว้าง 80 ฟุต
ด้วยขนาดและศักยภาพใหม่นี้ เรือของญี่ปุ่นยังข่มเรือลาดตระเวนชั้น Type 055 Renhai ของจีนด้วย
ในขณะนี้ เรือรบผิวน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือเรือรบลาดตระเวน Pyotr Velikiy ของรัสเซีย ซึ่งประจำการกองเรือ Northern Fleet ของมอสโก มีความยาว 827 ฟุต กว้าง 94 ฟุต
สำหรับเรือพิฆาตทั้ง 2 ลำของญี่ปุ่น มีขนาดใหญ่กว่าปกติด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรก เรือลำนี้มีแนวโน้มที่จะบรรทุกเรดาร์ SPY-6 Air และ Missile Defense Radar (AMDR) ที่ผลิตโดย Raytheon ซึ่งปัจจุบันติดตั้งกับเรือพิฆาตชั้น Arleigh Burke ของกองทัพเรือสหรัฐฯ
ประการที่สอง เรือต้องมีเครื่องสกัดกั้นขีปนาวุธ SM-3 Block IIA จำนวนมากเพื่อให้การป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ประการที่สาม เรือทั้ง 2 ลำจะใช้เวลาอยู่ในทะเลเป็นเวลานาน เพื่อเฝ้ารอตรวจจับภัยคุกคามที่เข้ามา เรือจะต้องมีแหล่งเชื้อเพลิงขนาดใหญ่สำหรับการทำงานขับเคลื่อน ใช้ระบบต่อสู้ และเรดาร์
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นค่อยๆ พัฒนาขีดความสามารถในการป้องกันขีปนาวุธบนเรือ และได้สร้างเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีจำนวน 8 ลำ โดยแต่ละลำมีความสามารถในการป้องกันขีปนาวุธเหมือนกันกับเรือรบชั้น Burke เพื่อรับมือกับขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและจีนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ในช่วงปี 2010 ญี่ปุ่นได้เริ่มขยายกองเรือดำน้ำโจมตี 16 ลำเป็น 22 ลำ ซึ่งรวมถึงเรือดำน้ำชั้น Taigei ที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ลิเธียมใหม่ นอกจากนี้ ยังได้เริ่มแปลง "เรือพิฆาตเฮลิคอปเตอร์" อิซูโมะ และคางะให้เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินเต็มรูปแบบ ที่จะใช้งานเครื่องบินขับไล่ F-35B โดยเรือบรรทุกเครื่องบินทั้ง 2 ลำนี้ จะเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของญี่ปุ่นนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
เรือพิฆาตใหม่ที่มีแผนประจำการนี้ ปฏิบัติภารกิจเรือพิฆาตแบบดั้งเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือ ยังมีภารกิจต่อต้านเรือดำน้ำ ต่อต้านทางอากาศ และเรือรบใหม่ 2 ลำจะเติมเต็มอานุภาพในเรือพิฆาตที่ญี่ปุ่นมีอยู่เพื่อทำภารกิจพิฆาตอีกครั้ง
ความสามารถในการป้องกันขีปนาวุธจากเรือทั้ง 2 ลำนั้น เดิมประจำฐานภาคพื้นดินที่มีเทคโนโลยีสูง ที่รู้จักกันในชื่อเอจิส อะชอร์ (Aegis Ashore) แต่การติดตั้งเรดาร์และขีปนาวุธไว้บนบกยังเป็นที่ถกเถียง เมื่อรัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งเรียกร้องให้รัฐบาลกลางวางระบบทั้งหมดไว้ในทะเล
เรือพิฆาตที่ยังไร้นามทั้ง 2 ลำจะเข้าประจำการกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล และด้วยความใหญ่กว่าและโดดเด่นกว่า จะเปลี่ยนกองกำลังป้องกันตนเอว เป็นกองทัพเรือของญี่ปุ่น ที่เปี่ยมศักยภาพการรบเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตือนเกาหลีเหนือและจีน ญี่ปุ่นต้องขยายศักยภาพกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล เรือพิฆาตใหม่ 2 ลำจะเป็นเกราะป้องกันภัยคุกคาม ทั้งจากใต้ท้องทะเล บนผิวน้ำ ทางอากาศ และอาจรวมถึงในอวกาศ