เจแปน ทูเดย์ (10 ส.ค.) - อิซเซ มิยาเกะ (ISSEY MIYAKE, 22 เมษายน 1938 - 5 สิงหาคม 2022) ดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น ซึ่งโด่งดังจากสไตล์เสื้อผ้าจับจีบที่ไม่มีวันย่น และเป็นผู้ผลิตเสื้อคอเต่าสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ของสตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้ง Apple Inc เสียชีวิตในวัย 84 ปี ด้วยโรคมะเร็งตับ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา
ชื่อ "มิยาเกะ" นี้กลายเป็นคำที่คุ้นเคยสำหรับความรุ่งเรืองศิลปะวิทยาการ เศรษฐกิจและแฟชั่นของญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1980
"มิยาเกะ" เป็นที่รู้จักในด้านการออกแบบที่สร้างสรรค์ นอกกรอบ และใช้งานได้จริง เคยอยากเป็นนักเต้นหรือนักกีฬา ก่อนที่จะอ่านนิตยสารแฟชั่นของพี่สาวเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเปลี่ยนทิศทาง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความสนใจดั้งเดิมในความเป็นนักเต้นและกีฬาเหล่านั้นก็ยังคงอยู่เบื้องหลังงานออกแบบที่เต็มไปด้วยอิสรภาพ และความเคลื่อนไหวผ่านเสื้อผ้าของเขาเช่นกัน
มิยาเกะ เกิดที่ฮิโรชิมา มีอายุได้ 7 ขวบ ในวันที่ระเบิดปรมาณูลงในเมือง เขาอยู่ในห้องเรียน เขาลังเลที่จะพูดถึงเหตุการณ์ในชีวิตครั้งนั้น ทั้งยังกล่าวว่า เขาไม่ต้องการที่จะถูกเรียกว่าเป็น “ดีไซเนอร์ผู้รอดชีวิต”
“ทุกครั้งที่หลับตา ผมยังคงเห็นสิ่งที่ไม่มีใครควรพบเจอมัน” เขาเล่าว่า "แม่ของเขาเสียชีวิตจากการได้รับรังสี ภายใน 3 ปีหลังจากเหตุการณ์นั้น"
“ผมพยายาม (ลืม) แต่ไม่เคยสำเร็จ ผมเลยเลือกที่จะคิดถึงสิ่งที่ผมสร้างได้ ไม่ใช่ทำลาย และขอนำมาซึ่งความสวยงามและความสุข ผมสนใจในการออกแบบเสื้อผ้า ส่วนหนึ่งเพราะเป็นรูปแบบที่สร้างสรรค์ที่ทันสมัยและมองโลกในแง่ดี"
หลังจากศึกษาการออกแบบกราฟิกที่มหาวิทยาลัยศิลปะโตเกียว เขาได้เรียนรู้การออกแบบเสื้อผ้าในปารีส ทำงานร่วมกับนักออกแบบแฟชั่นชื่อดัง กี ราโรช Guy Laroche และอูแบร์ เดอ จีวองชี Hubert de Givenchy ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังนิวยอร์ก จนกระทั่งในปี 1970 เขากลับมาที่โตเกียวและก่อตั้งมิยาเกะ ดีไซน์ สตูดิโอ (Miyake Design Studio)
ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 เขาได้พัฒนาวิธีการใหม่ในการจีบ พับผ้าระหว่างชั้นของกระดาษแบบ แล้วใช้เครื่องรีดความร้อน ทำให้เสื้อผ้าจะมีรูปทรงเป็นจีบ ไร้รอยตะเข็บ อันสะท้อนเสรีภาพในการเคลื่อนไหวของนักเต้น ซึ่งนำไปสู่การพัฒนารอยพับจับจีบ "Pleats, Please" อันเป็นซิกเนเจอร์ของเขา
มิยาเกะ พัฒนาสายการผลิตแฟชั่นจากแนวคิดนี้ ภายใต้แบรนด์ Issey Miyake มีตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา และน้ำหอม ก่อนจะเกษียณงานออกแบบในปี 1997 เพื่ออุทิศตนกับการวิจัยเพียงอย่างเดียว
ถ้าพูดถึงแฟชั่นระดับโลก คำว่า "โอต์ กูตูร์" คือผลงานมาสเตอร์พีซในแต่ละซีซัน ชุดแต่ละแบบของโอต์ กูตูร์จะมีเพียง "แบบละไม่เกิน 10 ชุด" ผ่านขั้นตอนที่มีรายละเอียด ชุดฟินาเล่ในแฟชั่นวีกนั้น ใช้เวลาราว 6,000 ชั่วโมง ในการตัดเย็บ
เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นความท้าทายที่นักออกแบบในอนาคตต้องเผชิญ มิยาเกะ ได้ให้ความเห็นว่า “ในปารีส เราเรียกคนออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าว่า "กูตูร์" พวกเขาพัฒนาเสื้อผ้าใหม่ แต่จริงๆ แล้วงานออกแบบคือการสร้างสิ่งที่ใช้ได้ในชีวิตจริง”