เจแปนทูเดย์ รายงาน (25 ก.ค.) นักพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ในญี่ปุ่นกำลังแข่งขันกันทำงานเพื่อชิงเปิดตัวระบบความปลอดภัยในรถยนต์ เพื่อป้องกันเหตุการณ์อุบัติเหตุเด็กถูกทิ้งไว้หลังรถยนต์จอดท่ามกลางอากาศร้อนจัด
Cybernetech ผู้พัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในเมืองโนงาตะ จังหวัดฟุกุโอกะ กำลังอยู่ระหว่างการออกแบบระบบที่สามารถตรวจจับเมื่อเด็กถูกทิ้งไว้หลังรถยนต์ จากกรณีเมื่อฤดูร้อนที่แล้วในเมืองนากามะ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ซึ่งเด็กอายุ 5 ปี เสียชีวิตด้วยโรคลมแดด หลังถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในรถรับส่งโรงเรียนอนุบาล
ต้นแบบอุปกรณ์นี้มีเซ็นเซอร์ในตัวที่สามารถระบุได้ว่ามีใครยังคงอยู่บนรถบัสหรือในที่นั่งคนขับ พร้อมกับตรวจสอบอุณหภูมิในรถและไม่ว่าจะเคลื่อนที่หรือจอด โดยไซเบอร์เนเทค เริ่มสาธิต "ระบบตรวจจับเบาะหลัง" ที่โรงเรียนอนุบาลในโนงาตะ เมื่อปลายปีที่แล้ว
สถานรับเลี้ยงเด็กสามารถเข้าถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อประเมินสถานการณ์ภายในรถโดยส่งข้อมูลแบบไร้สาย หากเด็กทิ้งไว้บนรถบัส ระบบจะเปิด "สวิตช์โทร" เสียงเตือนดังผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อเตือนเจ้าหน้าที่สถานรับเลี้ยงเด็กเกี่ยวกับสถานการณ์
เรียว ซาซาโอกะ วัย 41 ปี ผู้บริหารของบริษัทกล่าวว่า “แม้สถานรับเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียนอนุบาลจะยุ่งขนาดไหน ก็สามารถช่วยงานตรวจสอบดูแลสถานการณ์ในรถบัสได้อย่างทั่วถึงสม่ำเสมอ หากมีเหตุการณ์ดังกล่าวจะช่วยชีวิตเด็กที่ถูกลืมไว้ในรถได้ทันที”
ปัจจุบันสถานรับเลี้ยงเด็กและโรงเรียนอนุบาล มีพนักงานไม่เพียงพอ ดังนั้นการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้เชื่อว่าจะช่วยหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมได้
ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว คิอิโต (Kiitos) สถานรับเลี้ยงเด็กในจังหวัดชิบะ บริษัท Highflyers ได้ทำการทดสอบอุปกรณ์ประเภทนาฬิกาข้อมือที่พัฒนาขึ้นเพื่อบริหารพนักงานคนงานในโรงงาน ไม่เพียงแต่สามารถใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อติดตามตำแหน่งของเด็ก แต่ยังติดตามไบโอเมตริกซ์ เช่น ชีพจรและความดันโลหิตของผู้สวมใส่ ตลอดจนตัวชี้วัดสุขภาพร่างกายอื่นๆ
“สิ่งที่ดีที่สุดคือถ้าเจ้าหน้าที่สถานรับเลี้ยงเด็กทราบ (การเปลี่ยนแปลง) เราได้สร้างระบบที่ไม่เพียงขึ้นอยู่กับผู้คนเท่านั้น และหวังว่าเราจะสามารถลดอุบัติเหตุได้” อาริโฮะ ฮามาโนะ กล่าว 28 ตัวแทน บริษัท Highflyers กล่าว
เช่นเดียวกับ ซันโย เทรดดิ้ง (Sanyo Trading Co) ซึ่งตั้งอยู่ในโตเกียว กำลังเตรียมที่จะเปิดตัวอุปกรณ์ตรวจจับที่สามารถติดตั้งบนรถโดยสารได้นี้สู่ตลาดญี่ปุ่น ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทในยุโรป
ศาสตราจารย์มาซาโกะ มาเอดะ จากมหาวิทยาลัยโคนันแห่งโกเบ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเฝ้าสังเกตโรงเรียนอนุบาล เสนอว่า การตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เธอกล่าวว่า "จำเป็นต้องเข้าใจว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้างที่เกี่ยวกับงาน"
เธอเสริมว่าเจ้าหน้าที่สถานรับเลี้ยงเด็กต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุและต้องการเวลามากขึ้นในการดูแลเด็กๆ จึง "ควรใช้เทคโนโยบีไอที เพื่อช่วยการจัดการเอกสารและงานเบ็ดเตล็ดอื่นๆ แทน เพื่อแบ่งเบาภาระของพนักงานดูแลเด็ก"