มือปืนวางแผนสังหารผู้นำโบสถ์ที่เกาหลีใต้ เปลี่ยนใจมายิงอาเบะ

เจแปนทูเดย์ รายงาน (14 ก.ค.) ว่าผู้ต้องสงสัยในการยิงสังหารอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ เดิมทีวางแผนจะสังหารผู้นำโบสถ์แห่งความสามัคคี ซึ่งอยู่ต่างประเทศ แต่เปลี่ยนเป้าหมายหลังจากผู้นำโบสถ์ ระงับการเดินทางมาญี่ปุ่นเนื่องจากการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส

เท็ตสึยะ ยามากามิ ผู้ต้องหาบอกเจ้าหน้าที่สืบสวนว่า เขาเชื่อว่าอาเบะมีความเชื่อมโยงกับองค์กร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อโบสถ์แห่งความสามัคคี ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเกาหลีใต้ในปี 2497 โดย ยามากามิ กล่าวว่าเขาไม่พอใจกลุ่มศาสนานี้ เนื่องจากทำให้ครอบครัวเขาล้มละลาย หลังจากที่แม่ของเขาบริจาคเงินจำนวนมหาศาลให้องค์กร

แหล่งข่าวอ้างว่า ผู้ต้องหาเปลี่ยนเป้าหมายจาก ฮักจาฮันมูน ภรรยาหม้ายของ ซุน เมียง มูน ชาวเกาหลีใต้ผู้ก่อตั้งและผู้นำสหพันธ์ครอบครัวเพื่อสันติภาพโลกและความสามัคคี มาเป็นสังหารชินโซ อาเบะ เพราะ ฮักจาฮันมูน ปัจจุบันอายุ 79 ปี อาศัยอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ ไม่สามารถเดินทางมาญี่ปุ่นตั้งแต่เกิดการระบาดของโคโรนาไวรัส ขณะที่ ยามากามิ คิดว่า "ไม่สามารถเดินทางออกจากประเทศได้" เพราะติดมาตรการป้องกันโรคระบาดโควิด-19

แหล่งข่าวอ้างว่า ยามากามิ ได้เคยถือมีดและเดินเตร่ไปทั่วสถานที่ต่างๆ รวมถึงบริเวณที่โบสถ์แห่งความสามัคคีขณะชุมนุมทางศาสนา

ยามากามิ อดีตสมาชิกของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล กล่าวด้วยว่า เขาเคยพกระเบิดขวด ไปยังสถานที่จัดการชุมนุมทางศาสนาในปี 2019 ที่มูนเข้าร่วมในจังหวัดไอจิทางตอนกลางของญี่ปุ่น แต่ครั้งนั้นเขาไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่จัดงานได้

แผนสังหารอาจเริ่มต้นนานกว่าหนึ่งปีแล้ว หากเป็นตามที่ยามากามิ บอกกับเจ้าหน้าที่สืบสวนว่าเขาเริ่มประกอบปืนในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2564 โดยเริ่มแรกตั้งเป้าไปที่ผู้นำโบสถ์แห่งความสามัคคี

ยามากามิ บอกกับตำรวจว่า การโจมตีไม่ได้เกี่ยวการเมืองของอาเบะ แต่เพราะเขาเชื่อว่าปู่ของอาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีโนบุสุเกะ คิชิ เป็นคนเชิญคริสตจักรนี้ดำเนินการในญี่ปุ่น

โทมิฮิโร ทานากะ ประธานของโบสถ์สาขาญี่ปุ่น ได้ยืนยันเมื่อเร็วๆ นี้ว่า แม่ของยามากามิกลายเป็นสมาชิกโบสถ์ในปี 2541 และครอบครัวประสบภาวะล้มละลายทางการเงินในช่วงประมาณปี 2545 ทานากะยังกล่าวด้วยว่า ทั้งอาเบะ และยามากามิ ไม่ได้เป็นสมาชิกของโบสถ์

รายละเอียดด้านความปลอดภัยของอาเบะยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ อิตารุ นากามูระ หัวหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า การโจมตีเผยให้เห็นข้อบกพร่องในการคุ้มครองบุคคลสำคัญ และตำรวจล้มเหลวในการปกป้องอดีตนายกรัฐมนตรี

ยามากามิ เข้าหาอาเบะจากด้านหลังเพื่อยิง 2 ครั้ง ครั้งแรกจากระยะ 7 เมตร ก่อนที่จะยิงในอีก 3 วินาทีต่อมาจากระยะประมาณ 5 เมตร

อาวุธปืนที่คนร้ายทำเองนั้น ได้รับการยืนยันว่ามีลักษณะคล้ายกับปืนลูกซอง ประกอบด้วยท่อโลหะ 2 ท่อที่ยึดด้วยเทปพันสายไฟและออกแบบมาเพื่อยิงกระสุน 6 นัดในแต่ละครั้ง โดยกระสุนที่ใช้นั้นเป็นเม็ดพลาสติกขนาดเล็กจำนวนมากบรรจุปลอก สอดคล้องกับแหล่งข่าวที่ระบุเพิ่มเติมว่า บ้านของยามากามิ พบปลอกพลาสติกจำนวนมากสำหรับใช้ในอาวุธดังกล่าว

บันทึกเกี่ยวกับการสื่อสารทางวิทยุระหว่างสมาชิกของหน่วยบริการฉุกเฉินของเมืองนารา ที่ทำงานเพื่อช่วยชีวิตอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ระบุว่า ชินโซ อาเบะ "ไม่แสดงสัญญาณชีพ" ประมาณ 3 นาทีหลังจากการยิงเมื่อเวลา 11.35 น. ในวันศุกร์

อาเบะถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาลไปยังจุดนัดพบด้วยเฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์ ซึ่งพาเขาไปยังโรงพยาบาล ภายในเวลา 12.13 น. และมาถึงโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์นารา ในเมืองคาชิฮาระ เวลา 12.20 น. และ 4 ชั่วโมงจากนั้น โรงพยาบาลได้ประกาศการเสียชีวิตของเขา เมื่อเวลา 17.03 น.