ญี่ปุ่นวัดดวงการเลือกตั้งกับปัญหาเงินเฟ้อ และไฟฟ้านิวเคลียร์

เจแปนทูเดย์ รายงาน (8 ก.ค.) ญี่ปุ่นจะลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งสภาสูงในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งมีผลกระทบต่อการบริหารและความสามารถของนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ในการผลักดันกฎหมาย

ประเด็นนโยบายหลักบางประการ เช่น ปัญหาเงินเฟ้อและไฟฟ้านิวเคลียร์มีความสำคัญ หาก LDP ชนะตามที่โพลสำรวจ คิชิดะ จะสามารถรวมการควบคุมพรรคไปอีก 3 ปี ในการขับเคลื่อนผ่านการออกกฎหมายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอีกครั้งหน้า

ขณะที่ความพ่ายแพ้ของรัฐบาลอาจทำให้คิชิดะเผชิญกับความท้าทายจากคู่แข่งของ LDP ที่เป็นข้อเท็จจริง

เกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ?
ราคาที่สูงขึ้นเป็นประเด็นสำคัญ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นและเงินเยนที่อ่อนค่าลงส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และอาหารเพิ่มขึ้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีความอ่อนไหวต่อการขึ้นราคาแม้เพียงเล็กน้อยเนื่องจากภาวะเงินฝืดหลายปีและค่าแรงคงที่

รัฐบาลได้ออกงบประมาณพิเศษจำนวน 2.7 ล้านล้านเยน (7.2 แสนล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือ ซึ่งรวมถึงแผนการที่จะชะลอแรงกดดันจากราคาน้ำมันผ่านการอุดหนุนผู้ค้าส่งน้ำมันเบนซินและมาตรการอื่นๆ

งบประมาณเพิ่มเติมจะได้รับการสนับสนุนจากพันธบัตร ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อหนี้สาธารณะมากกว่า 2 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งคิชิดะส่งสัญญาณความพร้อมดำเนินการต่อไปแต่ไม่ได้ให้รายละเอียด

ค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ
คิชิดะสัญญาว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ "อย่างมาก" เพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่เขามองว่าเป็นความมั่นคงที่เปราะบางในภูมิภาค ญี่ปุ่นเป็นกังวลเป็นส่วนใหญ่เกี่ยวกับกำลังที่เพิ่มขึ้นของจีน ซึ่งเป็นความกังวลที่มีนัยสำคัญเร่งด่วนจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

คิชิดะไม่ได้กล่าวว่างบประมาณด้านการป้องกันประเทศจะเพิ่มขึ้นเท่าใดในปีงบประมาณหน้า หรือจะเพิ่มเงินทุนจำนวนมากเพียงใด งบประมาณกลาโหมในปีงบประมาณนี้อยู่ที่ 5.4 ล้านล้านเยน ซึ่งน้อยกว่าหนึ่งในสี่ของที่จีนใช้ไป

ในแถลงการณ์การเลือกตั้ง LDP ได้เรียกร้องให้มีการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเป็น 2% ของ GDP ซึ่งเทียบเท่ากับระดับขั้นต่ำที่สมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ให้คำมั่นรับรอง

ซึ่งโพลสำรวจความคิดเห็นระบุว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกือบสองในสามสนับสนุนงบการทหารนี้

รีสตาร์ทนิวเคลียร์
ราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นและวิกฤตขาดแคลนพลังงานในช่วงคลื่นความร้อนเมื่อเร็วๆ นี้ได้เพิ่มความคาดหวังที่รัฐบาลจะเริ่มต้นเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลายสิบเครื่องที่ไม่ได้ใช้งานหลังจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะในปี 2554

ญี่ปุ่นใช้พลังงานหลักส่วนใหญ่จากน้ำมันดิบ ในขณะที่ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าหนึ่งในสามของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด อุปทาน LNG มีความซับซ้อนมากขึ้นจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

ปัจจุบันมีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของญี่ปุ่นเพียง 10 เครื่องเท่านั้นที่เปิดใช้งาน เมื่อเทียบกับ 54 เครื่องก่อนปี 2554 คิชิดะกล่าวว่าญี่ปุ่นต้อง "ใช้พลังงานนิวเคลียร์" ให้ดีกว่านี้ เมื่อเดือนที่แล้ว เขากล่าวว่าญี่ปุ่นจะทำให้การใช้พลังงานนิวเคลียร์ "เป็นไปได้มากที่สุด" ตราบเท่าที่มีความปลอดภัย

การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 9 ที่ ละสงคราม เป็นเป้าหมายของพวกอนุรักษนิยมที่มองว่าเอกสารที่ร่างโดยสหรัฐฯ นั้นไม่สอดคล้องกับความต้องการของทุกวันนี้

การแสดงที่แข็งแกร่งโดย LDP พันธมิตรร่วมโคเมอิโตะ และพรรคฝ่ายค้านฝ่ายขวาที่มีขนาดเล็กกว่า เช่น พรรคนวัตกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมองว่าได้รับความสนใจ สามารถสร้างแรงผลักดันให้เปลี่ยนรัฐธรรมนูญได้

ตามธรรมเนียมแล้ว ประชาชนมักไม่ใส่ใจในการแก้ไข แม้ว่าวิกฤตในยูเครนได้สนับสนุนการสนับสนุนให้มีการป้องกันประเทศมากขึ้น

คิชิดะ ซึ่งมาจากฮิโรชิมา เมืองแรกที่เคยประสบกับระเบิดปรมาณู กล่าวว่ารัฐธรรมนูญบางส่วนอาจมีองค์ประกอบที่ "ล้าสมัยและไม่สมบูรณ์" และหวังว่าการอภิปรายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้จะดำเนินต่อไป

นโยบายธนาคารกลาง
การค้นหาผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คนต่อไปมีแนวโน้มที่จะเข้มข้นขึ้นหลังการเลือกตั้ง ฮารุฮิโกะ คูโรดะ ผู้ดำรงตำแหน่งจะสิ้นสุดวาระ 5 ปีที่ 2 ของเขาในเดือนเมษายน

ทางเลือกของ คิชิดะมีแนวโน้มที่จะเป็นตัวกำหนดว่าธนาคารจะยังคงอยู่ในแนวทาง หรือเปลี่ยนแนวทางหลังจากหลายปีของนโยบายกระตุ้นที่เป็นอยู่ทั้งเงินเยนและพลังงานไฟฟ้า

คนสองคนที่ถูกมองว่าเป็นผู้สมัครอันดับต้นๆ คือ มาซาโยชิ อามามิยะ รองผู้ว่าการรัฐ ซึ่งควบคุมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายอย่างของธนาคารกลาง และอดีตรองผู้ว่าการ ฮิโรชิ นากาโซ ซึ่งบอกเป็นนัยว่าการมุ่งเน้นระยะสั้นของธนาคาร ควรยุติมาตรการกระตุ้นของคุโรดะ ผู้ดำรงตำแหน่งคนปัจจุบัน