สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว อาทิตย์ที่แล้วผมพูดเรื่องความสวยที่ขึ้นอยู่กับยุคสมัย มุมมอง ทัศนคติ และความชอบของแต่ละบุคคล และได้ยกสุภาษิตที่ว่า “ผู้หญิงสวย 3 วันก็เบื่อ
ผู้หญิงขี้เหร่ 3 วันก็ชิน”
美人は3日で飽きる Bijin wa mikka de akiru
ブスは3日で慣れる Busu wa mikka de nareru
สุภาษิตนี้เกิดขึ้นเพราะต้องการเป็นกำลังใจให้สาวขี้เหร่ เพราะไม่เช่นนั้นอะไรๆ ชีวิตเธออาจดูเหมือนแย่ไปเสียหมด คนเราจะให้แย่ทุกเรื่องก็ดูจะซ้ำเติมกันมากเกินไปใช่ไหมครับ
เรื่องการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นของผู้หญิงสวยกับผู้หญิงขี้เหร่ ก็อย่างที่เคยเล่าไปครับว่า สาวสวยดูเหมือนจะได้รับสิทธิพิเศษมากกว่า มักจะได้เปรียบกว่าคู่แข่ง เช่น เรื่องการสมัครงาน การหาคู่ครอง เป็นต้น แต่ไม่ว่าผู้หญิงสวยหรือผู้หญิงขี้เหร่ก็มีความเครียดส่วนบุคคลที่ไม่เหมือนกัน ตอนผมเป็นเด็กผมมีเพื่อนเป็นเด็กผู้หญิงรุ่นเดียวกันและคุณแม่ของเราเป็นเพื่อนกันก็เลยได้รู้ข่าวคราวกันอยู่ตลอด ผมรู้จักและเรียนโรงเรียนเดียวกับเธอตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมต้น แต่ก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันตลอด มีเรียนคนละห้องบ้าง เจอกันก็ทักทายทั่วไป เธอเป็นคนเรียนดีและชอบอ่านหนังสือ ผมก็ชอบอ่านหนังสือ เคยไปเจอกันที่ห้องสมุดก็พูดคุยกันตามประสาเด็กๆ ถ้าถามว่าในความคิดของผมเธอเป็นผู้หญิงที่สวยไหม ผมเองไม่ได้มองว่าเพื่อนของผมจะสวยหรือว่าหน้าตาขี้เหร่อะไรอยู่แล้ว ผมว่าเธอก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร แต่ตัวเธอเองมักจะคิดว่าตัวเองเป็นคนหน้าตาขี้เหร่และน่าเกลียดมากมีปมด้อยเรื่องนี้อยู่ตลอด
วันหนึ่งผมได้ยินจากแม่ผมมาเล่าให้ฟังว่า เธอไปต่อว่าแม่ตัวเองว่าทำไมต้องให้เธอเกิดมาหน้าตาขี้เหร่อัปลักษณ์แบบนี้ด้วย!! ก็น่าสงสารเหมือนกัน จากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันไปเรียนคนละโรงเรียนและห่างหายการอัพเดทข่าวสารกันไปพักหนึ่ง พอได้เรียนมหาวิทยาลัยผมก็ได้ข่าวจากแม่ผมเล่าให้ฟังว่า เธอสอบติดมหาวิทยาลัยท็อปแห่งหนึ่งที่โตเกียว แต่ด้วยความที่มีปมด้อยบางอย่างเรื่องรูปร่างหน้าตา เธอบ่นว่าอยากจะลดความอ้วนและอยากทำให้ตัวเองดูสวยขึ้น เธอจึงไปสมัครทำงานพาร์ทไทม์เป็นคนส่งหนังสือพิมพ์เพื่อที่จะได้ตื่นเช้าๆ ทำงานหนักๆ ปั่นจักรยานเหมือนได้ออกกำลังกายไปในตัวเพื่อไปส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้าน งานนี้เป็นงานที่ได้ทุนการศึกษาด้วยแต่ถ้าถามว่าบ้านเธอมีปัญหาการเงินหรือเปล่าก็ต้องบอกว่าไม่มีปัญหาแน่นอนเพราะว่าพ่อแม่ของเธอก็ทำงานดีสามารถส่งเธอเรียนได้ด้วยทุนของที่บ้านเอง แต่ด้วยทัศนคติหรือความคิดบางอย่างของเธอที่ทำให้เธออยากจะทำงานนี้ เมื่องานหนักและจัดเวลาการเรียนไม่ดี เหนื่อยจนเรียนไม่ไหว สุดท้ายได้ข่าวว่าเธอเรียนไม่จบ ต้องออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน และสุดท้ายก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง
แม้มุมมองของคนส่วนใหญ่สมัยนี้จะมองว่าเธอไม่ใช่สาวสวย แต่เธอก็ควรจะคิดในแง่ที่ดีกว่านี้ เพื่อไม่ให้ชีวิตตัวเองล้มเหลว ความเครียดและทัศนคติของเธอส่งผลให้ชะตาชีวิตเธอแย่ลง คือถ้าเธอมีความพอใจในรูปแบบชีวิตของตัวเองไม่ว่าจะมีหน้าตาเป็นแบบไหนเธอก็สามารถเปลี่ยนแนวทางและเปลี่ยนความคิดตัวเองให้ดีและพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบหรือว่าด้อยค่าตัวเองใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะความสวยในมุมมองแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนว่าคนนี้สวย แต่ในขณะเดียวกันอีกคนมองว่ารู้สึกเฉยๆ บางคนดูสวยในสายตาคนอื่น แต่อาจจะธรรมดาในสายตาอีกคนก็เป็นไปได้ ความสวยความงามและการตีคุณค่าของความสวยความงามของคนนั้นไม่สามารถใช้เกณฑ์อะไรเป็นมาตรฐานชี้วัดที่ชัดเจนนัก
ที่ญี่ปุ่นมีนักเขียนคอลัมน์ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิต และแนะแนวจิตวิทยาต่างๆ โดยจะมีนักอ่านส่งเรื่องราวเข้ามาถามปัญหาในชีวิตของตัวเองมากมาย เขาเล่าว่าถ้าเป็นคำถามจากผู้หญิง ค่อนข้างจะให้คำตอบได้ยาก เช่น บางคนถามว่าอยากเป็นแอร์โฮสเตส เธอพอจะมีความสวยความน่ารักหรือไม่? จะตอบอย่างไร ถ้าส่งรูปมาด้วยก็จะดีมากเพราะถามว่าสวยไหม คนตอบไม่สามารถจินตนาการได้เลย แต่ถ้าเป็นผู้ชายถามก็จะตอบได้ง่ายหน่อยแค่รู้ช่วงอายุหรือความชอบก็สามารถคาดการณ์ได้ว่ามีปัญหาอะไรและให้คำแนะนำได้ง่ายมากกว่า
◇ส่วนวันนี้มีอีกสำนวนสุภาษิตที่เกี่ยวกับความสวยของผู้หญิง เป็นสำนวนสุภาษิตเก่าแก่กว่า 1000 ปี มีที่มาจากประเทศจีน ที่ผมก็ยังสงสัยในเนื้อหาว่ามันจริงไหม?
美人薄命 bijin hakumei
佳人薄命 kajin hakumei
ผู้หญิงสวยอายุสั้น !
ผู้หญิงสวยอายุสั้น หรือเราจะพูดอีกแบบว่า คนสวยตายไว!! ตามสำนวนสุภาษิตนี้ อาจเกิดจากความเจ็บป่วย มีความเครียดหรือมีชะตากรรมที่แปลกประหลาดใช่ไหม ? ที่จริงแล้วใครๆ ก็พูดว่าคนที่เกิดมาสวยดูจะมีความสุขและมีสิทธิพิเศษมากกว่าคนขี้เหร่ แต่อย่างไรก็ตามนี่เป็นสุภาษิตที่มีมาตั้งแต่พันปีก่อน สมัยนั้นอายุขัยคนเราแค่ 35-40 ปี ก็เสียชีวิตกันเยอะแล้ว
ซึ่งสุภาษิต ผู้หญิงสวยอายุสั้น หรือคนสวยตายไวนั้น คงเพราะสมัยก่อนนั้นคนสวยมักจมอยู่กับความทุกข์ใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่เล่าต่อๆ กันมาบอกไว้ว่า เวลาผู้ชายจะจีบสาว หรือชวนผู้หญิงไปกินข้าว ก็จะชวนคนสวย ทำให้พวกเธอต้องเจอคนเยอะและสมัยนั้นก็ปฏิเสธยาก สมมติว่าเจอคน 10 คน ในบรรดานั้นก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะมีคนเลวหรือคนที่นิสัยไม่ดีอยู่บ้าง ทำให้พวกเธอเจอกับอันตราย และมีความเครียดมากขึ้น หรือสาวสวยบางคนอาจจะเจอปัญหาต่างๆ ระหว่างการใช้ชีวิตที่ต้องพบปะกับคนต่างเพศ หรือเกิดดราม่าต่างๆ เกิดคดีฆาตกรรม หรืออุบัติเหตุต่างๆ รวมถึงความอิจฉาริษยาด้วย ทั้งหมดทั้งปวงล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงสวยตายไวกว่าสาวขี้เหร่นั่นเอง
แต่ไม่ว่าผู้หญิงสวยหรือผู้หญิงขี้เหร่ ต่างก็มีความทุกข์ความเครียดในแบบของตน ต้องอยู่ที่การจัดการความเครียดด้วยนะครับ ยิ่งสมัยนี้ไม่ว่าสวยหรือขี้เหร่ก็ต้องดูแลรักษาความคิดตัวเองให้เป็นปกติสุขเพราะโลกภายนอกมันวุ่นวาย วันนี้สวัสดีครับ