xs
xsm
sm
md
lg

คนญี่ปุ่นบอก “ผู้หญิงสวยสามวันเบื่อ ขี้เหร่สามวันชิน “ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว อาทิตย์ที่แล้วผมเล่าเกี่ยวกับสำนวนสุภาษิตของญี่ปุ่นที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีที่มาที่ไปจากเรื่องจริง ตอนแรกผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เขาเขียนขึ้นมาเปรียบเปรยเฉยๆ ไม่ได้มีแหล่งข้อมูลอ้างอิงจากเหตุการณ์จริง อย่างเช่นสำนวนสุภาษิตที่ว่า “ฟองเต้าหู้ทอดถูกเหยี่ยวดำโฉบไป!!” แต่เมื่อผมไปเกียวโตแล้วโดนเหยี่ยวดำบินมาฉกแย่งขนมจากมือไปนี่แหละ ทำให้ผมอึ้งมาก ต้องคิดใหม่ว่าสุภาษิตต่างๆ คงจะถูกถ่ายทอดมาจากประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงใช่ไหม ส่วนสำนวนสุภาษิตเรื่องอื่นๆ ที่ฟังแล้วรู้สึกว่าแปลกดี ก็มีที่มาจากเรื่องจริงใช่ไหม ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมสงสัย เช่น ดอกมะเขือพันดอก หรือเรื่องผู้หญิงสวยตายเร็ว! ไว้ถ้ามีโอกาส ก็อยากนำมาสนทนาด้วยครับ

ผมนึกขึ้นมาได้ว่าเคยอ่านผลงานวิจัยของประเทศตะวันตก บอกว่าสาวสวยมีมูลค่าชีวิตมากและได้เปรียบกว่า จะแตกต่างจากคนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อยู่นิดหน่อย และที่ญี่ปุ่นเองก็มีคำพูดแนวนี้เหมือนกัน เช่น ถ้ามีสาวสองคนที่มีโปรไฟล์ใบสมัครงานที่เหมือนกันหรือเทียบเท่ากันทุกอย่าง แต่คนหนึ่งเป็นสาวสวยบุคลิกดี แต่งหน้าแต่งผม ชุดสวยจัดเต็ม กับอีกคนเป็นสาวหน้าตาธรรมดาที่มาสัมภาษณ์โดยไม่ดูแลบุคลิกตัวเอง เขาบอกว่าส่วนใหญ่แล้วร้อยทั้งร้อยสาวสวยมักได้รับเลือกให้เข้าทำงาน หมายถึงประเด็นที่ว่าสาวสวย บุคลิกดี แต่งตัวดี มักจะได้เปรียบกว่า


ตอนเรียนมหาวิทยาลัยผมเคยได้ยินกลุ่มเพื่อนๆ ผู้ชาย ที่มาจากหลายๆ จังหวัด คุยกันว่าสมัยที่เรียนมัธยม เด็กผู้ชายมักคุยกันว่า ถ้ามีสาวอยู่ 3 คน คือ

คนที่ 1 สาวที่สวยมากๆ ผมสวย เครื่องหน้าสวยจัด หุ่นดี บุคลิกดี (*´-`)

คนที่ 2 สาวที่หน้าตาบ้านๆ ธรรมดาๆ อาจจะไม่สวยมาก เครื่องหน้าอาจจะไม่สมส่วนนักแต่ดูรวมๆ แล้วน่ารักน่าเอ็นดู (เหมือนน้องแมวพันธุ์ที่เหมือนจะขี้เหร่ก็ไม่ขี้เหร่แต่ออกแนวน่ารักแบบแปลกๆ) ( ´・▽ ・)

คนที่ 3 สาวขี้เหร่ แถมไม่น่ารักด้วย อาจจะหุ่นไม่ดีและไม่ดูแลตัวเองด้วย j(`・ω・´;)し


หนุ่มๆ คุยกันว่า สาวคนที่ 1 ได้เปรียบทุกประตู ไอดอลโรงเรียน สาวคนที่ 2 ถ้าเรียนเก่ง ก็เอาตัวรอดได้อยู่ แล้วสาวคนที่ 3 ล่ะ! ยิ่งถ้าเรียนไม่เก่ง และงานก็ไม่เอาไหนด้วยนี่ เธอจะอยู่อย่างไร?! นี่คือเรื่องที่เด็กผู้ชายมัธยมปลายพูดกัน พอบางคนได้ยินก็เงียบไปเลยเพราะคิดไม่ถึงว่าเพื่อนคนอื่นๆ แม้ว่าจะมาจากคนละจังหวัด ก็คิดแบบกันเหมือนกันหรอเนี่ย!!

ถ้าดูจากแค่ประเด็นสาวสวยไม่สวยนี้ จึงดูเหมือนว่าสาวสวยคงจะมีชีวิตที่สุขสบายและมีความเพียบพร้อมมากกว่าสาวขี้เหร่.. แต่ถ้าถามว่า แล้วความสวยของผู้หญิงกำหนดด้วยอะไร ใครคือคนสวย ใครขี้เหร่ เพราะว่าคนมองแต่ละคนมีมุมมองที่ต่างกัน ก็ตอบได้ยากมากถึงมากที่สุดเลย

เพื่อนๆ เคยเห็นรูปปั้น หรือรูปวาดผู้หญิงญี่ปุ่นโบราณใส่กิโมโน สาวที่มีผิวขาวมากๆ ผมยาวๆใบหน้าขาว มีโหนกแก้ม ดวงตาเล็กๆ ไหมครับ สมัยพันกว่าปีก่อนผู้หญิงที่มีใบหน้าแบบนี้แหละคือสาวสวยมากๆ ในอุดมคติที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบมาก แต่เพื่อนผมบอกว่าแต่สมัยนี้ดูที่เขาประกวดนางงามเวทีต่างๆ สิ ผู้หญิงสวยมักจะเป็นผู้หญิงที่มีดวงตาคมโต จมูกโด่ง ปากหนาได้รูปแนวสาวอินเดีย สาวอเมริกาใต้ หรือถ้าถามว่าใครสวยแบบคนธรรมดาก็ไม่ใช่แนวตาเล็กหรี่เหมือนสาวที่เป็นที่นิยมเมื่อพันปีก่อนแน่นอน!


เป็นเรื่องจริงครับที่ว่า ความสวย ความน่ารัก ขึ้นอยู่กับยุคสมัย มุมมอง ทัศนคติ และความชอบ ของแต่ละบุคคล ความสวยน่ารักในมุมมองแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนว่าคนนี้น่ารัก แต่ในขณะเดียวกันอีกคนมองว่ารู้สึกเฉยๆ บางคนดูสวยในสายตาคนอื่น แต่อาจจะธรรมดาในสายตาอีกคนก็เป็นไปได้ ความสวยความงามและการตีคุณค่าของความสวยความงามนั้นไม่สามารถใช้เกณฑ์อะไรเป็นมาตรฐานชี้วัดที่ชัดเจน

◇มีสำนวนสุภาษิตญี่ปุ่นที่บอกว่า ◇
美人は3日で飽きる Bijin wa mikka de akiru
ブスは3日で慣れる Busu wa mikka de nareru

ผู้หญิงสวย 3 วันก็เบื่อ
ผู้หญิงขี้เหร่ 3 วันก็ชิน



สำนวนสุภาษิตนี้มีที่มาจากเรื่องจริงอีกหรือเปล่า ผมก็สงสัย แต่อาจจะอ้างอิงมาจากเรื่องจริงก็ได้ ที่บอกว่า “ผู้หญิงสวยมองสามวันก็เบื่อแล้ว แต่ผู้หญิงขี้เหร่ หรือคนที่ไม่สวยมองสามวันเดี๋ยวก็ชิน” แต่ที่แน่ๆ สุภาษิตนี้มีที่มาที่ไปเพื่อต้องการเป็นกำลังใจให้กับสาวคนที่ 3 สาวขี้เหร่ที่ไม่สวยจากเรื่องเล่าด้านบน เพราะไม่เช่นนั้นอะไรๆ ก็ดูแย่ไปเสียหมด คนเราจะให้แย่ทุกเรื่องก็ดูจะซ้ำเติมกันมากเกินไปแล้ว บางทีแม้จะบอกว่าตัวเองเข้มแข็งแค่ไหน ถ้าสังคมรอบตัวมันโหดร้ายเกินไปก็คงจะอ่อนแอกันบ้าง จึงต้องให้กำลังใจกันบ้างไม่มากก็น้อย สำนวนสุภาษิตนี้ก็เช่นกัน

ดังนั้นที่ว่ากันว่าผู้หญิงสวย มีรูปลักษณ์ภายนอกที่แม้จะดึงดูดความสนใจของผู้ชาย แต่ความสวยของผู้หญิงนั้นมองไม่กี่วันก็เบื่อ เสน่ห์ภายนอกหรือจะสู้เสน่ห์ความงามจากภายใน ซึ่งก็อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้นะครับ ใครเคยมีประสบการณ์มาแชร์ได้นะครับ

คำว่าสวย น่ารัก แค่เทียบกันระหว่างความสวยเมื่อสมัยพันปีที่แล้วกับสมัยนี้ก็มองกันคนละแบบแล้ว ถ้าให้สาวสวยในอุดมคติคนญี่ปุ่นสมัยนั้นมาใช้ชีวิตในสมัยนี้ ก็คือสาวคนที่ 3 ที่หนุ่มน้อยคุยกันนี่เอง แค่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป มุมมองความคิดคนก็มีความแตกต่างกันแล้ว วันนี้สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น