xs
xsm
sm
md
lg

เตือนภัย!! ไปเที่ยวญี่ปุ่นระวังโดนฉกขนม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว หลังจากที่กลับจากเกียวโตก็คิดถึงช่วงเวลาเดินทางอีกแล้วเพราะจะมีประสบการณ์หลากหลายให้เราได้นึกถึงนะครับ ก็ถือว่าเป็นทริปที่สนุกและราบรื่นปลอดภัยดีแม้ว่าจะโดนหัวขโมยฉกขนมไปต่อหน้าต่อตาก็ตาม ได้เห็นวิถีชีวิตของคนเกียวโตในช่วงที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ดูเหมือนบรรยากาศการค้าขายจะดูเงียบๆ ไปบ้าง ตามสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมีแต่คนท้องถิ่นหรือทัวร์ในประเทศ และเด็กๆ ที่มาทัศนศึกษาจากจังหวัดอื่นๆ ผมชอบไปเดินแถวริมแม่น้ำคาโมะ (Kamo river) หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “Kamogawa” ซึ่งเป็นพื้นที่พักผ่อนสาธารณะ มีคนไปวิ่งออกกำลังกาย ไปนั่งเล่น กินอาหารกันเพื่อความผ่อนคลาย


ช่วงที่ผมไปคือปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว โดยเฉพาะที่เกียวโตเมืองที่ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาอากาศจะร้อนมากในฤดูร้อนและหนาวเย็นมากในฤดูหนาว ช่วงนี้ไม่หนาวแล้วเราจะเห็นร้านค้าย่าน Pontocho ซึ่งเป็นย่านดื่มกินยอดฮิตสองฝั่งถนนเล็กๆ ที่เรียงรายไปด้วยบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์แบบเกียวโต ยาวเลียบแม่น้ำ Kamogawa และเป็นย่านโคมแดงที่มีชื่อเสียง มีโรงฝึกหัดเกอิชา เราอาจได้เห็นไมโกะ (เกอิชาฝึกหัด) เดินผ่านไปผ่านมาที่นี่ก็ได้ครับ ช่วงอากาศดีๆ อย่างนี้ร้านอาหารย่านนี้จึงเปิดให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ระเบียงไม้นอกชานกว้างๆ ที่ยื่นออกมานอกร้าน เพื่อดื่มด่ำบรรยากาศโรแมนติกของริมแม่น้ำคาโมะด้วย ซึ่งจะมีช่วงเวลาให้นั่งชิลที่ระเบียงไม้ริมแม่น้ำก็เฉพาะช่วงฤดูกาลนี้เท่านั้น น่าจะประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายนครับ


แต่เมนูอาหารในแต่ละร้านที่อยู่ริมน้ำอาจจะมีราคาสูงอยู่สักหน่อยครับ มักจะเป็นเซ็ทเมนู (SET MENU) เช่น เซ็ทอาหารกลางวัน มีให้เลือกหลายราคาตั้งแต่เซ็ทละ 1,500 บาทขึ้นไป/ ท่าน ส่วนดินเนอร์ก็ประมาณ 4,000 บาทขึ้นไป หรือถ้าเพิ่มเครื่องดื่มไปด้วยก็อาจจะประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป/ ท่านครับ แต่ร้านก็มีลูกค้าเต็มตลอดคิดว่าคนท้องถิ่นก็ดูจะชอบที่จะไปนั่งรับประทานอาหารที่บริเวณนี้กันมากครับ

อย่างที่บอกว่าถนนเล็กๆ และสวนริมแม่น้ำ ก็จะมีเก้าอี้ให้นั่ง หรือใครจะนั่งสนามหญ้าก็ได้ เป็นที่สาธารณะที่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวสามารถไปนั่งเล่นริมน้ำ ไปเดินเล่นออกกำลังกายได้ เป็นพื้นที่พักผ่อนและมีวิวสวยๆ ให้ชม มีบางคนนำข้าวกล่องไปนั่งกินกัน บางคนก็จะนั่งเล่นนั่งคุยกัน ย่านทางเหนือของจังหวัดมีคนตั้งแคมป์ย่างบาร์บีคิวริมแม่น้ำกันด้วย


เย็นๆ วันหนึ่งผมกลับมาจากเที่ยววัดที่อยู่บนภูเขาทางเหนือของเกียวโต ในใจคิดว่าเดี๋ยวไปหากินข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆ สถานีรถไฟที่เป็นสถานีเปลี่ยนสายรถแล้วกัน แต่ไม่แน่ใจว่าวันนั้นจะเป็นวันหยุดของร้านอาหารหรือเปล่า? หรือเมืองนั้นคนทำอาหารกินกันเองมากกว่าไปซื้อตามร้าน เพราะเจอซูเปอร์มาร์เก็ตสองสามร้านแต่ไม่มีร้านอาหารเลย! หรือจะเย็นค่ำเกินไปแล้วสำหรับเมืองนี้ (ได้ไปร้านขายต้นไม้แถวย่านนั้น ร้านปิด 17:30 น. ) สรุปว่าไม่มีร้านอาหารที่ถูกใจเลย ผมจึงแวะซื้อแซนด์วิชและเครื่องดื่มที่ร้านสะดวกซื้อและไปนั่งกินรองท้องแถวริมแม่น้ำคาโมะ


ขณะที่ผมกินไป ดูวิวไปพลาง ฟิ้ว!!! 🦅ผมก็ต้องสะดุ้งจากอารมณ์ชิล ( ゚д゚)ノ△Σ“เพราะแซนด์วิชในมือถูกเหยี่ยวดำฉกไปต่อหน้าต่อตา! ถึงกับอึ้งมากครับงง คนกำลังหิวๆ ! (´・ω・`)นาทีนั้นทั้งแปลกใจปนตกใจ ถ้าซีนนี้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นวิดีโอสั้นๆ น่าจะมียอดคนชมล้นหลามเลย แต่เยี่ยวดำมันไวมากๆ นะครับ โฉบไปด้วยความแม่นยำชำนาญการ ยังโชคดีนะไม่มีการบาดเจ็บ เราต้องระวังตัวด้วย นึกภาพถ้ามันมาจิกตา หรือโฉบเกี่ยวสายไฟที่กำลังชาร์จมือถือผ่านพาวเวอร์แบงค์แล้วเครื่องตกลงไปในแม่น้ำก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรเลย ที่จริงก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นป้ายเตือนๆ แถวริมแม่น้ำอยู่เหมือนกันว่าให้ระวังเหยี่ยวดำ! แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์โดนฉกอย่างนี้ขึ้น(´∀`;)


ทำให้ผมนึกถึงสำนวนสุภาษิตญี่ปุ่น ที่บอกว่า

●鳶に油揚げさらわれる(Tonbi ni aburaage sarawareru ) ถ้าแปลตามตัวจะแปลว่า ฟองเต้าหู้ทอดถูกเหยี่ยวดำโฉบไป!! แต่ใช้ในการเปรียบเปรยกรณีมีมือที่สามมาฉกสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากสองคนคู่กรณีที่ไป คงจะคล้ายๆ นิทานอีสปเรื่องตาอินกับตานาหาปลาครับ ส่วนที่ญี่ปุ่นจะใช้ในเหตุการณ์ที่เมื่อมีมือที่สามมาชุบมือเปิบเอาไป ส่วนใหญ่พูดถึงกรณีแย่งคนรัก หรือไม่ก็เรื่องของธุรกิจต่างๆ แต่ผมไม่คิดจริงๆ ว่าจะมีเหยี่ยวดำที่มันมาโฉบเอาขนมไปจริงๆ แบบนี้ ตกใจมากครับ

●鳶が鷹を産む(Tonbi ga taka wo umu) ถ้าแปลตรงตัวคือ นกเหยี่ยวที่เกิดมาจากพ่อแม่เหยี่ยวดำ ใช้เป็นสำนวนเปรียบเปรยในกรณีที่บุตรดีหรือผู้ที่เกิดมาจากพ่อแม่หรือครอบครัวที่อาจจะไม่ค่อยดีนัก แต่ลูกมีความแตกต่างสง่างามและสามารถที่จะพัฒนาตัวเองจนเก่งได้ ซึ่งปกติแล้วมันอาจเป็นไปได้ยาก เพราะความฉลาดอาจมีการถ่ายทอดจากดีเอ็นเอและเรื่องการสนับสนุนพัฒนาการของเด็ก แต่เพราะมีสำนวนนี้มาตั้งแต่โบราณก็คงจะมีเคสในลักษณะนี้จริงๆ บ้างกระมัง และว่ากันว่าส่วนใหญ่แล้วเด็กๆ มักมีส่วนที่เหมือนพ่อไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ทำให้ผมนึกถึงคำเปรียบเปรยเกี่ยวกับพ่อและดอกไม้อีกเรื่องหนึ่ง


●茄子の花と親父の小言は千に一つも無駄がない (Nasubi no hana to oyaji no kogoto wa sen ni hitotsu mo muda ga nai ) ตีความหมายประมาณว่า ดอกมะเขือ 1,000 ดอก และ แม้ 1,000 คำตำหนิ คำบ่นสอนของคุณพ่อ ก็ไม่มีข้อไหนเลยที่ไร้ประโยชน์ ! ถ้าพูดถึงดอกไม้ทั่วๆ ไป มักต้องอาศัยแมลงมาช่วยผสมเกษรจึงจะติดลูก แต่มีดอกไม้สมบูรณ์เพศบางอย่าง เช่น ดอกมะเขือเมื่อออกดอกแล้ว สามารถติดผลได้เอง แม้จะออกมา 1,000 ดอกก็สามารถติดผลได้เองทั้งหมด จึงไม่ไร้ประโยชน์

ซึ่งสำนวนสุภาษิตเปรียบเปรยของญี่ปุ่นต่างๆ ที่ยกมาเป็นตัวอย่างเหล่านี้ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เขาเขียนขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้เกิดจากเรื่องจริงอะไร แต่จากประสบการณ์ที่โดนเหยี่ยวดำบินมาฉกแย่งแซนด์วิชไปทำให้ผมอึ้งมากและสุภาษิตต่างๆ ก็น่าจะมาจากสิ่งที่คนเคยมีประสบการณ์และเคยเกิดขึ้นจริง จึงนำมาสั่งสอนแก่คนรุ่นหลังต่อไป นอกจากนั้นเมื่อผมมีประสบการณ์ในการทำงานเกษตรด้วยตัวเองก็ได้เรียนรู้ว่า ดอกมะเขือมันออกผลทุกลูกจริงๆ ก็เป็นเรื่องที่ราวที่เล่าสู่กันฟังครับ วันนี้สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น