สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว ผมมาทำธุระที่เกียวโตประเทศญี่ปุ่น เมื่อพูดถึงเกียวโตคิดว่าหลายท่านต้องนึกถึงเมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่นที่มีสถานสำคัญทางศาสนาทั้งวัดทางพุทธศาสนาและศาลเจ้าต่างๆ ทางลัทธิชินโตรวมๆ แล้วมากกว่า 2,000 แห่ง มีพระราชวังสำคัญและสวนแบบญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังได้ชื่นชมอาคารสิ่งก่อสร้างแบบดั้งเดิมมากมาย นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกียวโตมักจะเดินทางไปเยี่ยมเยือนย่านที่เป็นที่รู้จักกันดี เช่น อาราชิยามะ ย่านกิออน พนโตโจ เดินเล่นที่ถนนสายนักปราชญ์ และถนนริมแม่น้ำลำคลองต่างๆ
เกียวโตมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์โบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกมากมาย เช่น ศาลเจ้าคาโมะ, วัดโทจิ, วัดคิโยมิซุ, วัดนินนะ, วัดเท็นริวจิ, วัดคิงกากุจิ, วัดกิงกากุจิ, ปราสาทนิโจ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีวัดและศาลเจ้าอีกหลายแห่งที่อยู่นอกเมืองออกไปที่เราอาจยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวชม
ผมคิดว่าคนญี่ปุ่นเกือบทุกคนเคยมาเที่ยวเกียวโตอย่างน้อยก็สักครั้งในชีวิต สำหรับผมเองสมัยเด็กๆ ที่โรงเรียนมักจะพามาทัศนศึกษาที่นี่ ครั้งนี้ผมก็ยังเห็นทัวร์เด็กนักเรียนเยอะมาก และตอนที่ทำงานก็มักจะมีอีเว้นท์ท่องเที่ยวของบริษัทมาเที่ยวที่เกียวโตอยู่บ่อยๆ ดังนั้นมากกว่า 10 ครั้งที่ผมเคยมาเกียวโตก็มักจะไปวัดและศาลเจ้าเดิมๆ ที่ทุกคนรู้จักกันดี ครั้งนี้เมื่อผมทำธุระเสร็จแล้วจึงถือโอกาสไปเที่ยวชมวัดต่างๆ ที่ยังไม่เคยไปเพราะผมได้สอบถามข้อมูลมาจากคนท้องถิ่นเกียวโตในโซเชียลมีเดียต่างๆ คนท้องถิ่นเกียวโตก็ใจดีให้คำแนะนำวัดและศาลเจ้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่ที่สถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมไปกันครับ
ที่จริงแล้วผมคิดว่าวัดและศาลเจ้าที่คนท้องถิ่นแนะนำนี้น่าจะเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคนท้องถิ่นในแถบคันไซและหลายคนเคยไปมากันแล้ว แต่คนแถบคันโตหรือภูมิภาคอื่นๆ อาจจะยังไม่เคยไป และบางคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนด้วยโอกาสนี้ผมจึงอยากแนะนำเกียวโตสเปเชี่ยลไปวัดและศาลเจ้าที่คนภูมิภาคอื่นยังไม่ค่อยรู้จักแต่มีความน่าสนใจครับ โดยวันนี้พาไปเที่ยวศาลเจ้า Fujinomori 藤森神社(ふじのもりじんじゃ) ที่มีสวนดอกอาจิไซ (ไฮเดรนเยีย) ด้วย ที่นี่ตั้งอยู่ใน Fukakusa, Fushimi-ku, Kyoto เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ประจำจังหวัดครับ
ศาลเจ้า Fujinomori นี้มีตำนานเล่าขานมายาวนานยุคก่อตั้งและเทพเจ้าในศาลเจ้ามีความศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันถึงยุคที่จักรพรรดินี Jingu ผู้ซึ่งกลับมาอย่างมีชัยจากการปราบปราม Sankan ในปีที่ 3 ของผู้สำเร็จราชการแผ่นดินของจักรพรรดินี Jingu มีการตั้งธง ใน Fujinomori หมู่บ้านใน Fukakusa เป็นตำนานที่มาของที่นี่ แต่บางตำนานก็กล่าวว่ามีศาลเจ้ามาก่อนหน้านี้เกือบสองพันปี ซึ่งมีการประกอบพิธีกรรมสักการะเทพเจ้าดั้งเดิมคือเสาเจ็ดต้นที่ประดิษฐานอยู่ตรงกลางศาลเจ้าหลัก และทางด้านตะวันออกของศาลเจ้าหลักที่เป็นเนินธง ที่นี่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับพิธีกรรมเทศกาลฟูจิโนะโมริ จะจัดขึ้นในวันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี กล่าวกันว่าเป็นแหล่งกำเนิดของเทศกาลดอกไอริส และประดับตกแต่งตุ๊กตาซามูไรอย่างสวยงาม เพื่อให้เด็กเติบโตอย่างแข็งแรงและสุขภาพดี เทศกาลนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานจัดขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 14 เมื่อสิ้นสุดยุคคามาคุระและขบวนนักรบก็มีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่ครั้งนั้น
ปัจจุบันการชมดอกไม้ในเทศกาลดอกไอริส ดอกไฮเดรนเยียที่สวนดอกไม้ในศาลเจ้าจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม และสามารถชมดอกไฮเดรนเยียที่มีมากกว่า 3,500 ต้น มีค่าผ่านประตูเข้าไปชมดอกไฮเดรนเยีย คนละ 300 เยนครับ ที่จริงเรายืนดูดอกไม้ที่นอกรั้วไม่ไผ่รอบนอกก็มองเห็นดอกไม้ได้ แต่เพื่อความอิ่มเอม สามารถซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไปเดินชมสวนตามทางที่เขาจัดซึ่งจะผ่านกลางสวนดอกไม้ทำให้เห็นดอกไม้ด้านในได้ชัดเจนขึ้น วันที่เปิดให้เข้าชมดอกไม้เริ่มตั้งแต่มิถุนายน ตอนที่ผมไปปลายพฤษภาคมยังไม่เปิดให้เข้าไปในสวนครับ ส่วนบริเวณอื่นๆ ของศาลเจ้า เช่น พิพิธภัณฑ์ในศาลเจ้า และรอบๆ ศาลสามารถเดินชมได้ไม่เสียค่าเข้าครับ
ศาลเจ้ามีพื้นที่กว้างขวาง มีสวนสาธารณะด้านหน้าให้เด็กๆ วิ่งเล่น ลานจอดรถกว้างขวาง ภายในเต็มไปด้วยต้นไม้มากมาย ศาลเจ้านี้มีความเกี่ยวข้องกับม้า เชื่อกันว่า ม้าเป็นสัตว์พาหนะศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าในลัทธิชินโตมาตั้งแต่โบราณกาล ดังนั้นโดยปกติพิธีกรรมจะจัดโดยใช้ม้าเป็นพาหนะ นอกจากนี้ยังมีการยิงธนูบนหลังม้า (ยาบุซาเมะ) อีกด้วย
ผู้นับถือศาสนาชินโตนิยมใช้แผ่นไม้ที่มีรูปวาดม้า หรือที่เราเรียกกันว่า ป้ายขอพร “เอมะ” (絵馬) เป็นแผ่นไม้ขนาดเท่าฝ่ามือ สำหรับเขียนคำอธิษฐานให้สมหวังเป็นเครื่องสักการะเทพเจ้าด้วย และขนบธรรมเนียมการสักการะเทพเจ้าด้วยป้ายขอพรเอมะก็เริ่มแพร่หลายสู่ประชาชนทั่วไปมากขึ้นตั้งแต่ยุคเอโดะ คนที่มากราบนมัสการที่ศาลเจ้ามักเขียนคำอธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว เช่น ขอให้ครอบครัวปลอดภัย, ขอให้ค้าขายรุ่งเรือง สำหรับที่ศาลนี้มีบางคนมาขอพรเรื่องการงานเรื่องความรัก แต่มีนักพนันม้าแข่งที่มักจะมาขอพรเพื่อให้ชนะการแข่งขันด้วย
เดินเข้าไปด้านในเราจะเห็นแท่นที่เหมือนมีน้ำตกลงมา ผมเห็นคุณลุงคุณป้ารินน้ำใส่ขวดที่เตรียมมาแล้วดื่มทันที น้ำนี้เรียกว่า ฟูจิโนะมิสึ เป็นน้ำที่พุ่งขึ้นจากใต้ดินที่มีความลึกประมาณ 100 เมตร เป็นสิ่งมหัศจรรย์ในยุคนั้น เชื่อกันว่าถ้าใครเจ็บป่วยให้มาดื่มน้ำที่นี่ แต่ถ้าใครกลัวว่าไม่สะอาดปลอดภัยก็อาจจะนำน้ำมาลูบบริเวณที่เจ็บปวด ปวดหัว ปวดขา เป็นต้น เพื่อให้บรรเทาอาการเจ็บปวดเหล่านั้น ผมก็รินน้ำมาหนึ่งขวดแต่เอากลับมาต้มก่อนกิน ไม่รู้ว่ายังศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่านะครับ
■การเดินทาง(กรณีนั่งรถไฟ) :
เดินประมาณ 5 นาทีจากสถานี JR Fujinomori (รถไฟสาย JR Nara) หรือสถานี Sumizome (รถไฟสาย Keihan) ครับ
■เวลาเปิด-ปิด: 9:00 - 16:00 น.
■บริเวณศาลเจ้าและพิพิธภัณฑ์ไม่เสียค่าผ่านประตู แต่เสียค่าเข้าชมดอกไม้ 300 เยน (เข้าหรือไม่เข้าชมก็ได้)
แม้ว่าช่วงเวลาไฮซีซั่นที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวเกียวโตคือช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือช่วงที่ดอกซากุระบานและช่วงใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสี เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่คนจะคึกคักมาก ผมมาเจอช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวคนเยอะมากจริงๆ ครับแทบจะเข้าไม่ถึงสถานที่สำคัญ แต่ตอนนี้ที่เกียวโตกำลังจะเข้าสู่ฤดูร้อนอาจจะมีฝนตกชุกหน่อยและอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงบ่อย เพื่อนๆ ที่เป็นคนท้องถิ่นเกียวโตก็พยามอวยพรว่าขอให้เที่ยวให้สนุก ไม่ร้อนจนเกินไปและไม่เจอฝนจนเที่ยวไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคครับ ถ้าญี่ปุ่นเปิดประเทศแล้วอยากให้ลองมาเที่ยวกัน นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมมาในช่วงใกล้ฤดูร้อนและมีฝนตก แต่เราก็จะเห็นต้นไม้เขียวสดใส และดอกไม้นานาพันธุ์สวยมากครับ วันนี้สวัสดีครับ