xs
xsm
sm
md
lg

ดับข่าวลือ! พลิกปฏิทิน “เที่ยวญี่ปุ่น” มาได้เมื่อไหร่ ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัฐบาลญี่ปุ่นส่งสัญญาณ “เปิดประเทศ” สายการบินหลายแห่งเริ่มขายตั๋วมาญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวเฝ้ารอคอย แต่เมื่อประเมินสถานการณ์ตามความเป็นจริงแล้ว ญี่ปุ่นจะยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวในอีกหลายเดือน

บรรดานักท่องเที่ยวต่างตื่นเต้นเมื่อเกิดกระแสว่า ญี่ปุ่นจะ “เปิดประเทศ” จากประกาศของรัฐบาลที่ ยกเลิกการห้ามเข้าประเทศสำหรับชาวต่างชาติจาก 106 ประเทศ ซึ่งรวมถึงไทย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และชาติยุโรป ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 8 เมษายนนี้เป็นต้นไป

แต่เพียงชั่วข้ามคืน กระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ก็ได้ดับฝันบรรดานักท่องเที่ยว โดยชี้แจงว่า ยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวมาญี่ปุ่น การยกเลิกห้ามเข้าประเทศนั้น เป็นการประกาศเพื่อให้สอดคล้องกับที่กระทรวงการต่างประเทศได้ลดคำเตือนการเดินทางของ 106 ประเทศไปเมื่อต้นสัปดาห์

ขณะนี้ ผู้ที่จะเข้าประเทศญี่ปุ่นได้คือ คนที่มีสิทธิ์พำนักในญี่ปุ่นอยู่แล้ว และรัฐบาลญี่ปุ่นยังได้เปิดทางให้กลุ่มวีซ่าใหม่เข้าประเทศได้ด้วย ทั้งคนทำงาน ครอบครัวและผู้ติดตาม นักศึกษาต่างชาติ โดยตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติกลุ่มนี้เข้าญี่ปุ่นได้วันละ 10,000 คน


ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นระบุว่า มีกลุ่มนักศึกษาและคนทำงานที่รอคอยจะเดินทางเข้าญี่ปุ่นมากกว่า 4 แสนคน คาดว่าจะใช้เวลาอีกหลายเดือนเพื่อทยอยให้กลุ่มที่มีความจำเป็นนี้ได้เข้าประเทศญี่ปุ่น ส่วนนักท่องเที่ยวยังต้องรอต่อไป

ชัดเจนว่า ญี่ปุ่นยังไม่เปิดประเทศ แต่เพียงผ่อนคลายมาตรการควบคุม หรือ “แง้มประตู” เท่านั้น สถานทูตญี่ปุ่นในต่างประเทศจะควบคุมจำนวนคนเข้าประเทศโดยจำกัดการออกวีซ่า

รัฐบาลเตรียมเลือกตั้ง ชาวญี่ปุ่นยังหนุนไม่รับชาวต่างชาติ

ถึงแม้ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด-19 ในญี่ปุ่นจะคลี่คลายลงมาก แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่า 54,000 คนต่อวัน รัฐบาลเพิ่งสิ้นสุดการบังคับใช้ภาวะกึ่งฉุกเฉินทั้งประเทศเมื่อ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ยังต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่งจึงจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้

นายโคอิจิ วาดะ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น กล่าวต่อรัฐสภาว่า “ยากมากที่จะประเมินแนวโน้มการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศญี่ปุ่น” โดยระบุว่า ประเทศต่าง ๆ ทำประหนึ่งว่าการระบาดสิ้นสุดลงแล้ว ทั้ง ๆ ที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังเพิ่มขึ้นตลอด

ปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลญี่ปุ่นยังไม่เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยว คือ ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังไม่อยากให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาญี่ปุ่น


ผลสำรวจจากสถานีโทรทัศน์ NHK เมื่อเดือนมีนาคม พบว่า ประชาชน 65% เห็นด้วยกับมาตรการควบคุมการเข้าประเทศ (35% เห็นว่ามาตรการขณะนี้เหมาะสม 30% เห็นว่าไม่ควรผ่อนคลายมาตรการ) มีเพียง 27% ที่เห็นว่าควรผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเข้าประเทศ

ญี่ปุ่นกำลังจะมีการเลือกตั้งวุฒิสภาในเดือนกรกฎาคม รัฐบาลจะไม่ยอมเสี่ยงกับคะแนนสนับสนุนหากเปิดรับนักท่องเที่ยวแล้วเกิดการระบาดอีกระลอก

จับสัญญาณ เปิดประตูรับนักท่องเที่ยว

บรรดาผู้เชี่ยวชาญในญี่ปุ่นประเมินว่า รัฐบาลจะไม่เปิดประเทศอย่างเต็มที่ก่อนการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม แต่จะค่อยๆ “คลายล็อก” อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยให้จับตาสถานการณ์หลัก ได้แก่


สถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้ในญี่ปุ่น การใช้ชีวิตของประชาชนเข้าสู่ปกติอย่างเต็มตัว ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ญี่ปุ่นจะเริ่มจากการท่องเที่ยวภายในประเทศก่อนจึงจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

สัญญาณที่สำคัญคือ โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศของญี่ปุ่น ที่ชื่อ Go to Travel ขณะนี้ได้ขยายจากการท่องเที่ยวภายในจังหวัด เป็นกลุ่มภูมิภาค และจะขยายเป็นทั่วประเทศ หลังจากนั้นจึงจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ช่วงเดือนเมษายนเป็นเดือนเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ของญี่ปุ่น ผู้คนจะเริ่มงาน เปลี่ยนงาน เปิดภาคเรียน มีงานเลี้ยงมากมาย ส่วนต้นเดือนพฤษภาคม มีวันหยุดยาว “โกลเดนวีค” 1 สัปดาห์ ช่วงเวลานี้มีการเดินทางของผู้คนสูง เสี่ยงต่อการแพร่โรคระบาด จึงต้องติดตามสถานการณ์การติดเชื้อหลังเดือนพฤษาคม

สถานการณ์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะการระบาดในจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง โดยญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักก่อน

รัฐบาลญี่ปุ่นยังจะเปรียบเทียบการผ่อนคลายมาตรการของประเทศต่าง ๆ เพราะหากญี่ปุ่นเปิดรับนักท่องเที่ยวช้ากว่าประเทศอื่นๆ ก็จะสูญเสียนักท่องเที่ยว

ญี่ปุ่นปิดประเทศในช่วงโควิดระบาดสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 90,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า ถึงแม้ญี่ปุ่นจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ทุกอย่างก็จะไม่เหมือนเดิม ชาวญี่ปุ่นในเมืองอย่างเกียวโตบอกว่า นักท่องเที่ยวที่หายไปทำให้ความสงบและความสวยงามกลับคืนมา ญี่ปุ่นจะไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่จำกัด และกำลังหาความสมดุล เพื่อหลีกเลี่ยง “การท่องเที่ยวที่ล้นเกิน” ที่ส่งผลต่อวิถีชุมชนและสิ่งแวดล้อม.


กำลังโหลดความคิดเห็น