คอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” โดย “ซาระซัง”
สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน มีท่านไหนที่กำลังกังวลกับรูปร่างหรือน้ำหนักตัวกันอยู่บ้างไหมคะ ที่ญี่ปุ่นมีอยู่รายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ที่เล่าเรื่องคนเคยอ้วนมากเพราะกินไม่ยั้ง จนกระทั่งเจอเหตุกระตุ้นให้ปรับพฤติกรรมของตัวเองจนผอมลงหลายสิบกิโล หลายคนดูดีมีเสน่ห์ขึ้นมาก เป็นรายการที่ดูแล้วรู้สึกฮึกเหิมได้กำลังใจอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองขึ้นมาเลยค่ะ
เท่าที่ฉันเคยดูรายการนี้มาพบว่า หลายคนได้พฤติกรรมการกินไม่ยั้งมาจากในครอบครัว ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ก็เป็นญาติผู้ใหญ่ที่เอ็นดูหลานมาก เห็นลูกหลานกินอย่างเอร็ดอร่อยก็ดีใจเลยให้กินเอา ๆ แต่บางคนก็โตมาในครอบครัวที่มีวินัยการกินที่ดี ครั้นโตเป็นผู้ใหญ่อยู่ห่างพ่อแม่ก็ตามใจปาก พอคิดจะลดน้ำหนักก็ดันไปเจอผู้ใหญ่ที่บอกว่ากินเยอะสิดี คนฟังได้ใจจึงตามใจปากไม่อั้นเลยคราวนี้
แต่แล้วพวกเขาก็เจอเรื่องบางอย่างที่เป็นแรงกระตุ้น เลยหันมาเอาจริงเอาจังกับการลดน้ำหนักด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและออกกำลังกาย จนในที่สุดก็มีรูปร่างที่น่าพอใจและดูสุขภาพดีขึ้นมากทีเดียว มาดูเรื่องราวของพวกเขากันดีกว่าว่าเจออะไรกันมาบ้าง และผ่านมาได้อย่างไร
สาวที่ผอมเพื่อตัวละครโปรดจากอนิเมชัน
สาวคนนี้โตมาในครอบครัวที่ทุกคนมีความสุขกับการกินมาก แต่ละมื้อทุกคนจะได้กินอาหารจานใหญ่พิเศษ และกินจนอิ่มแปล้ แต่ก็ยังต่อด้วยขนมหวานอีก สมาชิกในบ้านแต่ละคนยังมีคลังเสบียงขนมของตัวเองอยู่ในลิ้นชักบ้าง ใต้เตียงบ้าง ใต้หมอนบ้างเป็นเรื่องปกติ และตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนสาวคนนี้จะกินขนมปังปิ้งทาถั่วแดงหวานจ๋อยราดวิปครีม ไม่ใช่แค่แผ่นสองแผ่น แต่เป็นขนมปังทั้งแถว! พอเลิกเรียนกลับมาถึงบ้านก็หาของกิน โดยทุกอย่างต้องราดซอสช็อกโกแลตเยอะ ๆ แม้ยังเป็นวัยรุ่นแต่น้ำหนักเธอก็พุ่งไปถึง 95 กก.
อยู่มาวันหนึ่งเธอก็พบสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล นั่นคือเธอหลงรักตัวละครที่ชื่อ “ทีเอเรีย” จากอนิเมชันเรื่องกันดั้มดับเบิลโอ เลยแต่งคอสเพลย์เลียนแบบตัวละครตัวนี้ ปกติแล้วถ้าเป็นแฟนการ์ตูน อนิเมชัน หรือเกม พอเห็นคนแต่งคอสเพลย์ก็จะดูออกว่าแต่งเป็นใครจากเรื่องอะไร แต่ปฏิกิริยาที่เธอผู้นี้ได้รับจากคนแปลกหน้าคือ “นั่นอะไรน่ะ เขาแต่งคอสเพลย์เป็นใครเหรอ” “ดูตลกดี”
เธอตกใจและรู้สึกผิดมากที่ความอ้วนของเธอเองเป็นเหตุให้ตัวละครสุดที่รักโดนเย้ยหยาม เธอเลยมุ่งมั่นว่าจะต้องผอมให้จงได้ จากนั้นเธอก็เอารูปของตัวละครตัวนี้ไปแปะไว้รอบบ้าน เมื่อไหร่ที่มือคิดจะเอื้อมไปหยิบขนมก็จะเห็นว่า ทีเอเรียที่เธอเทิดทูนกำลังมองดูอยู่ ก็จะอดทนไม่ยอมกิน
ภายในสองปีครึ่งเธอลดน้ำหนักไปได้ถึง 53 กก. จากที่เคยหนัก 95 กก. ลงมาอยู่ที่ 42 กก.เท่านั้น! เธอสามารถใส่เสื้อผ้าที่ชอบได้แล้ว และยังแต่งคอสเพลย์เป็นตัวละครอื่น ๆ ได้อีกมากมาย อีกทั้งยังมีหนุ่ม ๆ มาจีบเธออยู่เรื่อยอีกต่างหาก (แต่เธอว่าเธอสนใจแต่อนิเมชันเท่านั้น) ไม่เพียงแต่เธอคนเดียวที่ผอม พ่อแม่ของเธอเห็นลูกเอาจริงเอาจัง ก็เลยพากันปรับการกินอาหารและออกกำลังกายตามบ้าง ผลสุดท้ายเลยลดน้ำหนักไปได้ถึงคนละกว่า 20 กก.
ที่ผ่านมาคงไม่เคยมีใครลดน้ำหนักเป็นผลสำเร็จด้วยวิธีแบบนี้มาก่อน เลยกลายเป็นที่มาของคำว่า “ทีเอเรียไดเอ็ท” ในญี่ปุ่น ฉันเห็นคนเอาไอเดียนี้มาใช้ด้วยการเอารูปนักพากย์หล่อ ๆ มาใส่คำพูดกำกับว่า “กินขนมทำไมจ๊ะ?” “อยากผอมแต่ไม่พยายาม บ้ารึเปล่า” เห็นแล้วฉันทั้งขำทั้งรู้สึกว่าเออ…ไอเดียนี้เข้าท่าแฮะ สงสัยฉันคงต้องไปหารูปหนุ่มหล่อมาแปะเสบียงของฉันบ้างแล้ว
คู่รักที่ผอมได้ หลังโดนเพื่อนบอกว่า “อ้วน”
หนุ่มคนนี้โตมากับบ้านที่ทำเนื้อย่างบ่อย แล้วเนื้อย่างที่ญี่ปุ่นก็นิยมเนื้อติดมันเสียด้วย แถมหนุ่มคนนี้เวลาจะกินยังต้องเอาเนื้อชุบมายองเนสจนทั่วก่อน แล้วกินคู่กับข้าวสวย ข้าวทั้งสามมื้อของเขามักวน ๆ อยู่ที่เนื้อย่าง ของทอด ข้าวสวย มายองเนส และบางทีก็มีของว่างเป็นไอศครีมกล่องใหญ่ เวลาไปโรงเรียนก็เอาข้าวกล่องใหญ่ ๆ ไปสองกล่อง พกมายองเนสขวดเล็ก ๆ หลายขวดไว้พร้อมใช้ตลอด พอขึ้นชั้นมัธยมปีที่สองเขาก็หนัก 100 กก. ไปเรียบร้อย
พอเข้าสู่วัยทำงานแล้ว เขาก็ได้พบเจอคู่ตุนาหงันผ่านการแนะนำของเพื่อน โดยเพื่อนส่งรูปมาให้ดูก่อน เขาเห็นว่าเป็นสาวน้อยร่างอรชรอ้อนแอ้นก็เลยนัดเจอ แต่เมื่อทั้งสองเจอกันและกันต่างก็พบว่าอีกฝ่ายหุ่นเป็นคนละเรื่องจากที่เห็นในรูปมาก แต่ด้วยความที่นิสัยเข้ากันได้ก็เลยคบหากัน
เวลานั้นตัวเขาเองสูง 173 ซม. หนัก 126 กก. ในขณะที่แฟนสาวหนัก 80 กก. วันหนึ่งขณะที่ทั้งสองสวมชุดยูคาตะเดินเที่ยวเล่นกันอยู่นั้น ก็เจอฝรั่งเข้ามาขอถ่ายรูปเพราะเข้าใจผิดว่าพวกเขาเป็นนักซูโม่ ทำให้พวกเขาตกใจมาก ที่ผ่านมาฝ่ายหญิงไม่รู้ตัวว่าตัวเองอ้วนเพราะเล่นกีฬาเคนโด้มาตลอด ส่วนผู้ชายซึ่งเล่นยูโดและเห็นว่าคนเล่นยูโดที่ตัวใหญ่ ๆ ก็มีเยอะ เลยให้กำลังใจแฟนสาวว่าหุ่นขนาดเธอถือว่าปกติ เธอเลยสบายใจ ไม่คิดมากอีก
ต่อมาวันหนึ่งทั้งสองก็นัดเจอเพื่อนที่แนะนำให้พวกเขารู้จักกัน แฟนสาวบอกขอบใจเพื่อน ๆ ที่แนะนำหนุ่มกล้ามโตให้รู้จัก เพราะเธอไม่ชอบคนอ้วน เพื่อนมองหน้ากันงง ๆ ก่อนจะพูดตรง ๆ ว่า “ฟังนะ เธอน่ะอ้วน แล้วแฟนเธอก็อ้วนมากกกก สองคนรวมกันคือแบบอ้วนไม่ไหวแล้ว”
ด้วยความช็อคสุด ๆ บวกกับความเจ็บใจ ฝ่ายหญิงเลยมุ่งมั่นว่าจะต้องลดความอ้วนให้ได้ และบังคับแฟนให้ลดด้วยกัน ทั้งคู่เลยหันมากินผักมาก ๆ ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก ภายในสองปีพวกเขาเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว ผู้ชายลดไปได้ 50 กก. ผู้หญิงลดไปได้ 20 กก. เป็นคู่ที่ดูดีและดูสุขภาพดี ปัจจุบันทั้งสองคนแต่งงานกันแล้ว
นอกจากสองตัวอย่างนี้แล้วยังมีเรื่องราวของอีกหลายคน เช่น คุณแม่ที่เคยรูปร่างดี แต่ต่อมาชอบดื่มเหล้ามากจนดื่มทุกวันไม่ได้ขาด ดื่มไปกินกับแกล้มไป บางทีก็กินราเม็งต่อ จนน้ำหนักพุ่งเอา ๆ และเพื่อนตั้งชื่อเล่นให้ว่า "กอริลล่า" แต่เธอก็ไม่ใส่ใจ วันหนึ่งบังเอิญเจอเพื่อนเก่าที่โรงเรียนอนุบาลลูก ซึ่งหวังดีบอกเธอว่า “ถ้าแม่อ้วน เดี๋ยวลูกจะโดนเพื่อน ๆ ล้อได้นะ” เธอเลยพยายามลดน้ำหนัก จนตอนนี้ผอมแบบคนสุขภาพดี และดูสวยขึ้นมากด้วย
อีกคนเป็นผู้ชายที่เคยอ้วนมากจนหายใจเสียงดัง เพื่อนเลยล้อว่า "หมู" เขายังเหงื่อออกมากเสียจนเวลาเดินเบียดเสียดกับคนอื่นแล้ว คนอื่นก็จะเปียกเหงื่อจากเขาไปด้วย วันหนึ่งเขาเห็นว่ามีการประกวดหนุ่มหล่อประจำมหาวิทยาลัย เลยอยากลงสมัครบ้าง คนพากันมองด้วยสายตาดูถูก และมีผู้หญิงถากถางว่า “อ้วนยังกับหมู อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย” คำพูดนั้นกลายมาเป็นแรงผลักดันให้เขาฮึด ก็เลยพยายามลดหุ่นเต็มที่จนสุดท้ายหล่อเฟี้ยว ได้รองชนะเลิศการประกวดหนุ่มหล่อมหาวิทยาลัยไปเลย
จากตัวอย่างทั้งหมดนี้แม้เรื่องราวจะต่างกัน แต่ต้นเหตุแห่งความอ้วนของทุกคนมาจากพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี ต่อให้บางคนจะออกกำลังกายอยู่ แต่ถ้าไม่ควบคุมตัวเองเรื่องอาหารการกิน อย่างไรก็น้ำหนักขึ้นอยู่ดี
ตัวฉันเองก็น้ำหนักเพิ่มไปตามวัยและอาหารการกินเช่นกันค่ะ ยิ่งมาอยู่อเมริกาปริมาณอาหารต่อจานเท่ากับที่เมืองไทย 2-3 เท่าก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพื่อนฉันคนหนึ่งซึ่งก็มีปัญหาเรื่องรูปร่างเหมือนกันเคยพูดว่า “เราไม่โทษวัยหรอกที่ทำให้เราอ้วน เราโทษตัวเอง” ฉันได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนมีธนูปักอกดังฉึก แต่ก็เห็นด้วยกับเธอ เพราะขืนเอาแต่โทษสิ่งอื่นในสิ่งที่เราเป็นอยู่ เราคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตได้เลย
ช่วงโควิดที่ต้องอยู่ติดบ้านนี้ ฉันกับสามีก็เลยใช้โอกาสออกกำลังกายสม่ำเสมอโดยดูจากยูทูป ส่วนอาหารการกินพยายามเลี่ยงแป้งขัดขาว น้ำตาล ของทอด ไขมันทรานส์ และอาหารแปรรูป หันมารับประทานอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งให้น้อยที่สุด รับประทานผักผลไม้สม่ำเสมอ และพยายามเข้านอนไม่เกิน 4-5 ทุ่ม
พอรู้สึกตัวอีกทีฉันรู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้นมาก นอนหลับง่าย น้ำหนักคงที่ และแขนขาดูมีกล้ามเนื้อ ส่วนสามีมีซิกซ์แพคไปเรียบร้อย เป็นที่อิจฉาตาร้อนของภรรยามากค่ะ โดยสภาพร่างกายและฮอร์โมนแล้วผู้หญิงลดไขมันยากกว่าผู้ชายมาก แต่ฉันก็จะอดทนสู้ต่อไป ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งต้องดูแลตัวเอง ขืนปล่อยตามเวรตามกรรมวันหนึ่งอาจเป็นโรคร้ายแรง คราวนี้อยากกินอะไรก็จะไม่ได้กินยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
การปรับเปลี่ยนความเคยชินไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ แต่ก็คงไม่ยากเกินกำลัง คนที่ทำได้สำเร็จก็มีตัวอย่างมากมาย ฉันเชื่อว่าขอเพียงเอาจริงและต่อเนื่อง เดี๋ยวก็จะหาหนทางทำให้ได้ไปเอง ถ้าเพื่อนผู้อ่านท่านใดกำลังพยายามอยู่เหมือนกัน ฉันก็เอาใจช่วยเต็มที่ค่ะ ล้มลุกคลุกคลานเรื่องธรรมดา แต่ล้มแล้วก็ลุก ตั้งหลักใหม่ไม่ถอย สู้ไปด้วยกันนะคะ
แล้วพบกันอีกในสัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"ซาระซัง" เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Onlineทุกวันอาทิตย์.