สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว อาทิตย์ที่แล้วผมเล่าเรื่องทำไมหนุ่มญี่ปุ่นชอบทำยากิโซบะ เพราะว่าทำง่ายนั่นเอง และเวลาที่คนญี่ปุ่นทำอาหารมักจะคำนึงถึงความคุ้มค่าของเวลาและปริมาณในการทำอาหาร จะทำน้อยก็เสียเวลาเท่ากับทำอาหารในปริมาณที่มากขึ้นอีกหน่อย แต่ครั้นจะทำมากๆ แล้วอยู่คนเดียวก็กลัวจะรับประทานไม่หมดอีก เช่นการหุงข้าว บางคนหุงข้าวไว้แล้วนำไปแช่เก็บในตู้เย็นเวลาจะรับประทานก็นำมาเข้าไมโครเวฟ แต่ถ้าหุงมากเกินไปบางทีก็ไม่มีเวลามานั่งทำกับข้าวอีก เช่น พวกพนักงานบริษัทที่ต้องทำงานเลิกดึกๆ บางวันก็ต้องไปสังสรรค์กับที่ทำงาน หรือกว่าจะฝ่าความแออัดของการเดินทางมาถึงบ้านก็หิวพอดีแวะกินราเมนข้างสถานีรถไฟง่ายกว่า ข้าวที่หุงเก็บไว้ก็เหลือค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อคิดแล้วบางคนเลยเลือกที่จะไม่หุงข้าว แต่เลือกที่จะทำอาหารประเภทเส้นแทน เมนูอาหารที่ผู้ชายญี่ปุ่นผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียวมักจะทำกินเองและคิดว่าง่ายที่สุดก็คือยากิโซบะนั่นเองครับ
ซึ่งผมเองก็ชอบกินยากิโซบะมากเวลาทำอาหารเองก็มักจะทำยากิโซบะเช่นกัน แม้แต่ช่วงที่อยู่เมืองไทยแล้วก็ยังชอบทำยากิโซบะกินเองอยู่ถ้ามีโอกาส เพราะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นในเมืองไทยก็พอจะหาเส้นยากิโซบะแบบแพ็กเกจเส้นสดได้ไม่ยาก แต่ผมคิดว่ามีผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่นๆ ที่ญี่ปุ่นที่มีเส้นที่เหนี่ยวนุ่มและเหมาะกับการนำมาผัดกับหมูมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่วางขายที่เมืองไทยนิดหน่อย ส่วนตัวแล้วการที่ซื้อผลิตภัณฑ์นำเข้ามาจากญี่ปุ่น หรือแม้แต่การซื้อเส้นบะหมี่โซบะที่นำเข้ามาจากมาเลเซียซึ่งไม่ว่าจะซื้อของที่ไหน แบบไหนก็รู้สึกจะมีราคาแพงมาก บางทีจึงคิดว่าไม่ค่อยคุ้มค่านัก กลับกันที่เมืองไทยยังมีเส้นบะหมี่ไข่หลากหลายยี่ห้อที่มีความอร่อยเหมือนกัน ดังนั้นผมมักจะเปลี่ยนจากการซื้อเส้นยากิโซบะของญี่ปุ่น มาซื้อผลิตภัณฑ์เส้นราเมนหรือเส้นบะหมี่ไข่และเปลี่ยนมาทำราเมนบะหมี่กินแทน
ซึ่งสูตรสำหรับผมนั้นเป็นสูตรเฉพาะที่ผมเรียกว่า 鶏肋ラーメン “KEIROKU” Ramen โดยผมมักจะใช้ซี่โครงไก่หรือจริงๆ แล้วคือกระดูกไก่ส่วนไหนก็ได้ ซึ่งอาจจะใช้ซี่โครงไก่ที่เหลือจากไก่ทอดหรือไก่ต้มซึ่งเราจะกินเนื้อไก่กับเบียร์ก่อน แล้วมันก็จะเหลือกระดูกไก่ครับเอาอันนั้นนั่นแหละมาทำเป็นน้ำซุป ได้ประโยชน์ไม่ต้องทิ้งของ มีประโยชน์นักแลในสถานการณ์เช่นนี้ ยามที่ออกไปไหนไม่ได้ ยามที่ต้องรัดเข็มขัดหรือแม้แต่ยามสงคราม มีเรื่องมีราวเกี่ยวกับซี่โครงไก่นี่แหละที่ทำให้ผมนึกถึงเรื่องรหัสลับซี่โครงไก่ในสงครามครับ เพราะ KEIROKU ผมนำมาจากเรื่องที่ผมเคยเล่าเรื่องนี้ไปก่อนหน้านี้ เห็นว่าสนุกดีขอนำมาแชร์ที่มาที่ไปของชื่อสูตรสักหน่อยครับ
ก่อนหน้านี้ผมเคยเล่าถึงบุคลิกของตัวละครในวรรณกรรมสามก๊กครั้งที่โจโฉรบกับเล่าปี่ (ทีมขงเบ้ง) ซีนที่ชื่อว่า “รหัสลับ” คือ 鶏肋(Keiroku) อันมีความหมายว่า “ซี่โครงไก่ “ มีเรื่องมีราวย่อๆ ดังนี้
..ก่อนหน้าที่โจโฉกับเล่าปี่ (ทีมขงเบ้ง) เคยรบกันในครั้งก่อนๆ ก็สูสีกันมาตลอดแต่ครั้งนี้ดูเหมือนโจโฉจะเพลี่ยงพล้ำกว่ามากๆ คือทำท่าจะแพ้อยู่รอมร่อ โจโฉเองก็พอรู้ตัวแต่ก็ไม่ยอมง่ายๆ วันหนึ่งที่ค่ายของโจโฉทำซุปไก่ วันนั้นโจโฉเองก็เหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจหลังจากกินซุปไก่แล้วก็เตรียมเข้านอนเอาแรง แฮหัวตุ้นนายทหารอารักขา (หลานของโจโฉด้วย) ก็เข้ามาถามว่ารหัสลับของคืนนี้จะให้ขานว่าอะไร โจโฉเองไม่ได้คิดอะไรนึกแต่ซี่โครงไก่ จึงบอกไปว่า「ซี่โครงไก่」จากนั้นแฮหัวตุ้นนายทหารอารักขาจึงเอาเรื่องรหัสลับไปคุยกับ เอียวสิ้ว*
เอียวสิ้ว* เป็นที่ปรึกษาคนหนึ่งของโจโฉ เป็นผู้ซึ่งมีความฉลาดมาก แต่ชอบใช้ความฉลาดแบบไม่คิดหรือไม่มีสตินักคือคนฉลาดลุ่มลึกจริงๆ นอกจากมองสถานการณ์ออกแล้วต้องรู้ว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ แต่เอียวสิ้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ เขาแสดงออกถึงความฉลาดของตนอย่างออกนอกหน้าเสมอ เขารับราชการกับโจโฉในตำแหน่งผู้ตรวจบัญชีทรัพย์สิน เป็นผู้ที่รู้เท่าทันโจโฉตลอดเวลา อีกอย่างเอียวสิ้วเองถือว่าเป็นครูคนหนึ่งของโจสิด บุตรชายคนที่ 3 ของโจโฉ โจสิดเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนเช่นเดียวกับเอียวสิ้วจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันตอนที่โจโฉจะเลือกหนึ่งในบรรดาลูกๆ ขึ้นมาเป็นผู้นำก็ได้ทดสอบลูกๆ แต่ละคนอยู่ตลอด ก็มีโจสิดนี่เองที่แก้ปริศนาได้ทุกครั้งแต่ทุกครั้งที่ไขปริศนาได้นั้นล้วนมาจากความคิดของเอียวสิ้วทั้งสิ้น จึงเป็นอีกมูลเหตุหนึ่งที่ทำให้โจโฉมีความระแวงใจเอียวสิ้วตลอดมา ...
แฮหัวตุ้นงงกับรหัสลับมากว่าทำไมต้อง 「ซี่โครงไก่」 แต่เอียวสิ้วโชว์ความฉลาดบอกกับแฮหัวตุ้นให้สั่งการแก่ทหารทั้งปวงให้เก็บข้าวของได้เลย เขาอ่านใจโจโฉออก โจโฉตัดสินใจถอนทัพแล้ว เพราะที่โจโฉบอกออกมาว่า 「ซี่โครงไก่」 นั้นก็เพราะว่า "ซี่โครงไก่ไม่มีเนื้อก็จริง ก็ยังนำมาทำเป็นน้ำซุปอร่อยได้ จะทิ้งไปก็เสียเปล่าน่าเสียดาย จะเอามาทานก็มีแค่เนื้อติดกระดูกนิดหน่อย " กล่าวคือหมายความว่า การรบในครั้งนี้ท่านโจโฉคิดที่จะถอนทัพแล้วแต่ก็ยังเสียดาย ทว่าอยู่ไปก็ไม่ชนะ นั่นเอง แฮหัวตุ้นทึ่งในความฉลาดของเอียวสิ้วมาก สามารถอ่านใจโจโฉออกทั้งหมด จึงสั่งการกันทันที
วันรุ่งขึ้นเมื่อโจโฉรู้ว่าทหารทั้งหมดเก็บข้าวของเตรียมถอนทัพโดยที่ตนไม่ได้ออกคำสั่งก็โกรธมาก เมื่อรู้ว่ามาจากเอียวสิ้วก็ยิ่งโมโห จึงสั่งประหารชีวิตเอียวสิ้วทันที โดยอ้างว่าเอียวสิ้วทำให้ทหารเสียขวัญ แถมทำการโดยพละการไม่ได้เป็นคำสั่งที่มาจากตน และโจโฉก็ออกนำทัพด้วยตนเองต่อแต่ปรากฏว่าโจโฉต้องอุบายของขงเบ้งจนกองทัพพ่ายแพ้และโจโฉก็ถูกทหารฝ่ายตรงข้ามยิงธนูเฉียดเข้าที่ปาก ทำให้พลัดตกจากหลังม้าและฟันหัก ปากคอบวมเป่ง เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ยอมพ่ายแพ้ถอยทัพในที่สุด หลังจากนั้นเขาก็ได้นึกถึงเอียวสิ้วและสำนึกว่าเอียวสิ้วคาดการณ์ถูกต้องจริงๆ โจโฉจึงจัดพิธีฝังศพอย่างสมเกียรติเพื่อทดแทนคุณของเอียวสิ้วในกาลต่อมา ..
สูตร 鶏肋ラーメン “KEIROKU” Ramen ของผมง่ายมากๆ ครับ ถ้าใครชอบกินไก่ทอดและราเมน ลองเอาซี่โครงไก่หรือกระดูกไก่นั้นมาทำน้ำซุปดูครับ เพราะส่วนใหญ่ไก่ทอดที่เราซื้อมาเขาปรุงรสมาจัดอยู่แล้ว ถ้าเอากระดูกติดเนื้อมาต้มนี่แทบไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย
◇วัตถุดิบ
1. เส้นบะหมี่
2. ซี่โครงไก่ หรือกระดูกไก่ ( ที่เหลือจากไก่ทอด, ไก่ต้มที่เราซื้อมารับประทาน มีเนื้อติดได้ตามชอบ)
3. น้ำสะอาด
4. เกลือ และเครื่องปรุงรสตามชอบ
5. ผักที่หาได้ในตู้เย็น เช่น ต้นหอม ผักชี
◇วิธีทำ
1. ตั้งไฟต้มน้ำให้เดือด ใส่กระดูกซี่โครงไก่ลงไปต้ม คอยตักฟองออก
2. ใส่เกลือลงไปในน้ำซุปซี่โครงไก่เล็กน้อย
3. ใส่เส้นบะหมี่ลงไปต้ม ประมาณ 2-3 นาที (ใครชอบเส้นนิ่มๆ ต้มนานอีกหน่อย)
4. ใส่ผักลงไป และปรุงรสตามชอบ
5. เสิร์ฟร้อนๆ ได้บะหมี่ “KEIROKU” Ramen ที่ง่ายๆ อร่อย ราคาไม่แพงครับ
เรามีวัตถุดิบหลักๆ อยู่แล้ว เช่น ผักที่มีอยู่แล้วในตู้เย็นไม่จำเป็นต้องซื้ออาจจะเป็นผักชีหรือว่าต้นหอมญี่ปุ่นนะครับใส่ลงไปเพิ่มวิตามินและแร่ธาตุใส่เกลือลงไปนิดหน่อยแค่นี้ก็จะได้น้ำซุปไก่ที่อร่อยไม่เหมือนใคร ผมชอบปรุงรสด้วยน้ำปลาหรือว่าโชยุอีกหน่อย เป็นอะไรที่ง่ายมาก สมัยนี้อย่าไปคิดว่าอาหารที่เราทำมันทำให้เราดูยากจนนะครับ มันมีประโยชน์และเราอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิดแบบนี้เราสามารถที่จะทำอาหารกินเองได้ง่ายๆ โดยใช้ของที่มีไม่ต้องไปหาซื้อมาก ประหยัดด้วยครับ มีคนญี่ปุ่นบอกว่าสถานการณ์เช่นนี้เราควรมองหาสิ่งที่เรามีเพื่อใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น เหมือนกันกับชีวิตช่วงนี้ถ้าใครเหนื่อยหรือท้อใจต้องอดทนและพยายามมองหาจุดเด่นของตัวเองและใช้ความพยายามกันไปก่อนนะครับ วันนี้สวัสดีครับ