ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นอธิบายว่า การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิดทำให้ประสิทธิผลของวัคซีนลดลงเหลือเพียง 1 ใน 4 จึงจำเป็นต้องให้วัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อให้ภูมิต้านทานรับมือการกลายพันธุ์ของเชื้อได้
ประเทศต่าง ๆ กำลังฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับประชาชน จากความกังวลว่าวัคซีนโควิดในปัจจุบันจะมีประสิทธิผลน้อยลงต่อไวรัสกลายพันธุ์ จนทำให้ผู้ติดเชื้อกำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก
ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนมีการกลายพันธุ์ที่โปรตีนหนามหลายจุด โปรตีนหนามมีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในเซลล์ที่ไวรัสเข้าไปฝังตัว การกลายพันธุ์จึงเท่ากับว่าสารภูมิต้านทานต่อไวรัสที่ยึดโปรตีนหนามดังกล่าวและป้องกันการติดเชื้อนั้น อาจทำได้ยากมากขึ้น
คณะผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสโควิดของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า การกลายพันธุ์ในไวรัสทำให้ประสิทธิผลของสารภูมิต้านทานลดลงอยู่ที่ 1 ใน 4 จึงต้องให้วัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเสริมความเข้มแข็งของระบบภูมิคุ้มกันให้แก่เรา
วัคซีนเข็มที่ 3 จะไม่เพียงเพิ่มปริมาณของสารภูมิต้านทานเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างความจำของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วย
เมื่อมีการฉีดวัคซีนเข็มแรก ร่างกายจะรับรู้ว่าไวรัสเป็นศัตรูเป้าหมายเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันที่มีอยู่ในตัวเองเข้าโจมตี จากนั้นเมื่อฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ระบบภูมิคุ้มกันจะสร้างความจำของไวรัสที่เป็นศัตรูเป้าหมาย และวัคซีนเข็มที่ 3 จะเป็นการกระตุ้น ที่มุ่งเสริมความเข้มแข็ง และทำให้ความจำดังกล่าวคงอยู่ได้นานขึ้น
การมีภูมิคุ้มกันที่มากพอจะป้องกันไม่ให้เกิดอาการหนัก และใช้ได้ผลกับไวรัสกลายพันธุ์ใหม่ใด ๆ ก็ตามที่กำลังปรากฏขึ้น
ประสิทธิผลของวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้ออาจลดลงในระดับหนึ่ง แต่ความสามารถในการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อมีอาการหนักจะไม่ลดลงไปมากนัก แม้การกลายพันธุ์อาจทำให้ไวรัสฝ่าสารภูมิต้านทานจนเกิดติดเชื้อได้ทั้ง ๆ ที่ฉีดวัคซีนแล้ว แต่การป้องกันที่ได้จากเซลล์ภูมิคุ้มกันซึ่งสามารถตอบสนองต่อการกลายพันธุ์อันหลากหลายได้นั้น จะยังคงอยู่ในระดับสูงจากการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงที่จะป่วยอาการหนักลดลง
วัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มภูมิคุ้มกัน 25-40 เท่า
ไฟเซอร์-ไบออนเทค ได้เผยแพร่ผลการวิจัยขั้นต้นเกี่ยวกับประสิทธิผลของวัคซีนไฟเซอร์ที่มีต่อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนว่า วัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 3 ได้เพิ่มสารภูมิต้านทานขึ้น 25 เท่าเมื่อเทียบกับวัคซีน 2 เข็ม โดยให้การป้องกันระดับเดียวกันกับไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม
ไฟเซอร์-ไบออนเทคระบุว่า ร้อยละ 80 ของโปรตีนหนามที่เซลล์ภูมิคุ้มกันจดจำได้ว่าเป็นเป้าหมายนั้น ไม่ได้รับผลกระทบจากการกลายพันธุ์ในไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน วัคซีน 2 เข็มอาจจะยังสามารถป้องกันไม่ให้เกิดอาการหนักได้ และวัคซีนเข็มที่ 3 จะเพิ่มระดับของเซลล์ภูมิคุ้มกัน และช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยกลายเป็นผู้ป่วยอาการหนัก
โมเดอร์นา ระบุว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นของตนมีประสิทธิผลสูงต่อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน วัคซีนเข็มกระตุ้นที่มีขนาดยา 50 ไมโครกรัม ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ใช้ใน 2 เข็มแรก และใช้ฉีดทั้งในญี่ปุ่นและสหรัฐ ได้เพิ่มระดับสารภูมิต้านทานที่มีฤทธิ์ลบล้างไวรัสต่อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนขึ้นมาราว 37 เท่าจากระดับก่อนการฉีดกระตุ้น
และถ้าฉีดเข็มกระตุ้นที่มีขนาดยา 100 ไมโครกรัม ที่เท่ากับปริมาณที่ใช้ในวัคซีนโมเดอร์นา 2 เข็มแรก ระดับสารภูมิต้านทานจะได้เพิ่มขึ้นมาราว 83 เท่า
รัฐบาลญี่ปุ่นได้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และผู้สูงอายุแล้ว ส่วนประชาชนทั่วไปจะเริ่มได้รับวัคซีนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และท่ามกลางการระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน รัฐบาลได้ร่นระยะเวลาของวัคซีนเข็มที่ 3 ให้เหลือ 6 เดือนหลังรับวัคซีนเข็มที่ 2 จากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 8 เดือน.