สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว あけましておめでとうございます。本年も何卒宜しくお願い致します(*´ー`) ・*สวัสดีปีใหม่ครับ เริ่มต้นวันใหม่ วันนี้วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565 เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ เริ่มปรับแนวคิดเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ กันใหม่ บางคนอาจจะไปวัดทำบุญ ขอพรให้มีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต สำหรับคนญี่ปุ่นก็เช่นกันครับไปทำบุญที่วัดและฉลองในครอบครัว วันนี้ผมอาจจะไม่ได้พูดเรื่องการไปวัดทำบุญแต่พูดถึงเณรน้อยเจ้าปัญญา อิคคิวซัง 一休さん ครับ โดยวันนี้พูดถึงอิคคิวซังที่เป็นการ์ตูนคลาสสิกที่ทุกคนน่าจะรู้จัก หลายคนถามว่าอิคคิวซังมีตัวตนจริงไหม
ก่อนหน้านี้ผมเคยเล่าเรื่องเพื่อนวัยเด็กของอิคคิวซังไปแล้ว ซึ่งก็มีประวัติที่น่าสนใจมาก เขาก็เป็น บุคคลที่มีตัวตนจริง เป็นนักเขียนนักกวีชื่อว่า 山崎宗鑑 Yamazaki Sōkan มีชีวิตอยู่เมื่อ 500 กว่าปีที่แล้ว ตอนที่เขายังเด็กเขาเป็นเพื่อนต่างวัยกับอิคคิวซังด้วย สมัยนั้นบุคคลเหล่านี้มักเป็นลูกน้องของโชกุน เล่ากันว่าเมื่อโชกุนที่รักเสียชีวิตลง Yamazaki Sōkan รู้สึกเบื่อหน่ายและปลงชีวิตมากจึงหนีออกมาจากค่าย และตัดสินใจออกบวชเป็นพระ และเป็นนักเขียนด้วย เขาบอกว่า “ทุกคนในโลกนี้มักจะคิดถึงเรื่องความเป็นอยู่ปากท้องเงินทอง” เขาเป็นคนประเภทล้ำ แนวหน้า นักคิดนักทำสิ่งใหม่ๆ เขาคิดว่าการประพันธ์บทกวีใช้คำแค่ (5, 7, 5) ก็เพียงพอ จึงเป็นหนึ่งในผู้ที่เริ่มคิดบทกวี Haiku ดั้งเดิมขึ้นมา เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วรรณคดีญี่ปุ่น และเป็นเพื่อนกับอิคคิวซังด้วย ดังนั้นอิคคิวซังก็มีตัวจริงเช่นกันครับ แต่อาจจะไม่ใช่เณรน้อยน่ารักเรียบร้อยแบบที่เรารู้จักกันในการ์ตูนก็ได้ ซึ่งในโอกาสต่อไปผมคิดว่าจะพูดถึงอิคคิว โซจุน 一休宗純 Ikkyū Sōjun หรืออิคคิวซังตัวจริงด้วยครับ
อิคคิวซัง Ikkyusan เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องราวเกี่ยวกับเณรน้อยเจ้าปัญญาที่บวชในพุทธศาสนานิกายเซน อิคคิวซังมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม น่ารักเรียบร้อย อย่างที่เราคุ้นเคยกันดีในสื่อต่างๆ และภาพยนตร์การ์ตูน ด้วยความที่ฉลาดหลักแหลมจึงมักจะถูกประลองปัญญา เชิงกลั่นแกล้งเล่นๆ ด้วยคำถามทดลองเชาว์ หรือมีเหตุสุดวิสัยให้ได้ใช้สมองคิดหาคำตอบอยู่เสมอ ในช่วงที่คิดหาคำตอบอิคคิวมักจะใช้วิธีนั่งสมาธิ และได้คำตอบที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ผ่านไปได้ทุกครั้ง
เมื่อพูดถึงอิคคิวซังที่ทุกคนรู้จักกันดีต้องยอมรับในความเฉลียวฉลาด มีเรื่องเล่าถึงสติปัญญาของอิคคิวซังหลายเรื่อง วันนี้ขอยกมาสองเรื่องที่เป็นที่พูดถึงและรู้จักกันดีครับ
● ห้ามข้ามสะพาน : ในเมืองที่อิคคิวซังอาศัยอยู่นั้น มีเจ้าเมือง โชกุน มีมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยอยู่หลายคนบางคนรู้สึกอิจฉาอิคคิวซัง จึงนิมนต์หลวงพ่อและอิคคิวซังไปฉันอาหารที่บ้าน ซึ่งอิคคิวซังเองก็พอรู้อยู่บ้างว่ามหาเศรษฐีคนนี้ไม่ค่อยชอบอิคคิวซังเท่าไหร่นักแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดจึงเรียกอิคคิวซังเข้าไปฉันอาหารที่บ้านด้วย แต่อิคคิวซังก็รู้สึกตื่นเต้นและอยากไปมากเพราะคิดว่าถ้าได้ไปฉันอาหารที่บ้านมหาเศรษฐีก็คงจะได้ฉันแต่อาหารที่ดีๆ อร่อย ไม่เหมือนอาหารเจที่วัดแน่ๆ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศและรสชาติของอาหารบ้าง ในวันนั้นพระที่ได้รับนิมนต์จะเดินทางไปบ้านเศรษฐีต้องลงจากวัดที่ตั้งอยู่บนภูเขา แล้วการที่จะไปถึงบ้านเศรษฐีที่อยู่ริมแม่น้ำได้ก็จะต้องข้ามสะพานก่อน แต่ที่สะพานดันมีป้ายเขียนไว้ว่า “ห้ามข้ามสะพาน” (kono hashi wataru bekarazu) このはし渡るべからず อิคคิวซังเห็นแค่ตรงนี้ก็รู้ว่าจะต้องโดนแกล้ง(โดนลองภูมิ) แน่ๆ
หลวงตาบอกว่าเอ! หรือว่าสะพานจะมีจุดใดจุดหนึ่งที่ชำรุดจึงมีป้ายห้ามเดินข้าม!? แต่ถ้าหลวงตาและคณะไม่ข้ามสะพานนี้ไปก็ไม่สามารถไปถึงบ้านมหาเศรษฐีได้ หลวงตารู้สึกกังวลว่าจะทำอย่างไรกันดีนะ ทันใดนั้นอิคคิวซังก็บอกว่าไม่มีปัญหาครับหลวงตา เมื่อพูดดังนั้นอิคคิวซังก็เดินนำหน้าคณะและบอกว่าเดี๋ยวกระผมจะข้ามไปก่อนและให้ทุกคนเดินตามมา ในขณะที่ข้ามไปอีกฝั่งก็เดินไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ลังเลใจอะไร แต่ระหว่างทางหลวงตาก็ยังรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อยว่าจะมีจุดที่สะพานชำรุดหรือว่ามีสิ่งที่เป็นอันตรายหรือเปล่า เมื่อทุกคนเดินผ่านไปได้และไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็โล่งใจ
เมื่อมาถึง มหาเศรษฐีก็ถามว่า: พวกท่านไม่เห็นป้ายกันหรือ?
อิคคิวซัง : เห็นแล้ว เห็นแล้วครับกระผม
มหาเศรษฐี: แล้วข้ามมาได้อย่างไรกัน ป้ายเขียนว่าห้ามข้ามสะพาน?
อิคคิวซัง : เพราะว่าป้ายเขียนไว้ว่าห้ามข้ามสะพานนี่ครับ ( ศัพท์คำว่าสะพาน 橋 はし hashi มีคำที่พ้องกันอยู่คือ 端 はしhashi ที่แปลว่า ด้านข้างหรือริมๆ ) ดังนั้นพวกเราไม่ได้เดินที่ริมของทางแต่เราเดินมากลางสะพานครับ (*´꒳`*)
● จับเสือในฉากกั้น : ด้วยความที่อิคคิวซังมีความเฉลียวฉลาดมากเป็นที่เลื่องลือไปทั่วเมือง แม้กระทั่งโชกุนก็อยากประลองปัญญากับอิคคิวซังอยู่บ่อยๆ โชกุนบอกให้ทหารไปนิมนต์หลวงตาและอิคคิวซังมาที่ปราสาทของโชกุน จริงๆ แล้วหลวงตาก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่นักเพราะว่ารู้สึกกลัวโชกุนแต่อิคคิวซังบอกว่าเราจะได้กินข้าวอร่อยๆ ไปกันเถอะจ้าหลวงตา
สำหรับโชกุนนั้นเป็นผู้มีอำนาจวาสนาบารมีมากเป็นผู้ที่สร้างวัด คินคะคุจิ Kinkakuji : 金閣寺(หรือวัดทองที่เรารู้จักกันดี) โชกุนเคยบวชเป็นพระตั้งแต่ตอนที่อิคคิวซังเพิ่งเกิดใหม่ๆ และเมื่ออิคคิวซังอายุห้าปีโชกุนก็จำพรรษาอยู่ที่ปราสาททองในวัดคินคะคุจิ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโชกุนเป็นคนที่มีอำนาจบารมีและมีความมั่งคั่งร่ำรวยมากหลวงตาจึงรู้สึกกลัวและเป็นห่วง กลัวว่าถ้าโชกุนถามอะไรแล้วไม่สามารถตอบได้อาจจะมีปัญหาได้ เมื่อทั้งหลวงตาและอิคคิวซังมาถึงปราสาทของโชกุน โชกุนก็แต่งตัวเป็นพระสงฆ์ออกมาต้อนรับแล้วก็ถามอิคคิวซังว่า
โชกุน: เจ้าคือเณรน้อยอิคคิวซังหรอ เราได้ยินมาว่าเจ้าเป็นคนมีปัญญาเฉลียวฉลาดนัก เราเลยอยากจะขอให้เจ้าช่วยสักเรื่องหนึ่งจะได้ไหม
อิคคิวซัง: ได้ครับอะไรก็ได้ครับ กระผม
โชกุน: เจ้าเห็นฉากกั้นนั้นไหม เห็นเสือในฉากนั้นใช่ไหม รู้ไหมว่าตอนกลางคืนเสือตัวนั้นจะออกมาทำร้ายผู้คน ถ้าเจ้าแน่จริงเราอยากให้เจ้าเอาเชือกมาจับล่ามเสือตัวนั้นไว้ ให้ข้าชมเป็นบุญตาหน่อยเถิด
และโชกุนก็ยิ้มขำยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เสนาอำมาตย์คนรอบข้างที่ฟังอยู่ก็เกาหัวแกรกๆ ว่าทำไมโชกุนสั่งแบบนี้ล่ะ ช่างคิดพิเรนทร์สนุกปากใครจะไปทำได้ !
อิคคิวซังจึงนั่งทำสมาธิสักครู่หนึ่งแล้วก็ปิ๊งความคิดขึ้นมาได้
อิคคิวซัง: ได้ครับกระผมจะจับเสือตัวนั้นล่ามเชือกให้ ก่อนอื่นช่วยไปจัดหาเชือกมาให้หน่อยครับ
โชกุนจึงให้ทหารไปจัดหาเชือกมาให้ เมื่ออิคคิวซังได้เชือกแล้วก็เอาเชือกมาคล้องไว้ที่หัวไหล่และอีกมือหนึ่งก็ถือปลายเชือกไว้เตรียมจะจับเสือแล้วบอกกับทางโชกุนว่า: กระผมจะล่ามเสือตัวนั้นไว้ด้วยเชือกนี้ กระผมพร้อมแล้วขอรับ ขอให้ท่านโชกุนเอาเสือออกมาได้เลยขอรับ เพราะถ้ารอมันออกมาเองในตอนกลางคืนมันก็จะกระโดดหนีไป ขอให้เอาออกมาตอนนี้เลยขอรับ!! ( ゚д゚)クワッ
โชกุนได้ฟังดังนั้นก็อึ้ง ไม่มีคำพูดอะไร ด้วยความที่มียศถาบรรดาศักดิ์เป็นผู้ใหญ่ก็ยิ่งพูดอะไรต่อไม่ได้ ได้แต่บอกว่าเออเจ้านี่เป็นคนมีปัญญาหลักแหลมจริงๆ ทำให้โชกุนพอใจมาก และมีการประลองเชาว์ปัญญาอีกนับครั้งไม่ถ้วนระหว่างทั้งสอง และอิคคิวซังก็ตอบได้ทุกครั้งแสดงให้เห็นว่าอิคคิวซังเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาด และความว่องไวในสติปัญญา สามารถแก้สถานการณ์ไปได้ทุกครั้ง เป็นที่โปรดปรานของโชกุนมาก และอิคคิวซังก็ยังเป็นบุคคลที่ถูกกล่าวถึงอยู่เสมอมาจนถึงทุกวันนี้ครับ
ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงวันหยุดปีใหม่ซึ่งทุกคนก็คงจะได้หยุดพักผ่อนกันยาวๆ ได้ไปเที่ยวได้สังสรรค์กับครอบครัวหรือเพื่อนๆ บ้างก็ได้นอนหลับพักผ่อนยาวๆ ได้อ่านหนังสือ ดื่มกาแฟชิลๆ ได้ทำอะไรที่ต้องการ ด้วยความที่มีวันหยุดติดต่อกันมาหลายวันและเมื่อใกล้ๆ วันเปิดงานก็คงมีหลายคนรู้สึกว่ายังไม่อยากไปทำงานใช่ไหมครับ โดยเฉพาะคนที่ทำงานบริษัทญี่ปุ่น เคยมีเรื่องเล่าว่าผู้บริหารสั่งให้พนักงานฝ่ายทรัพยากรบุคคลไปสรรหาพนักงานคนไทยที่เก่ง โปรไฟล์เลิศ อย่างน้อยต้องเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษได้แบบเจ้าของภาษา พูดอ่านเขียนภาษาญี่ปุ่นและภาษาที่สามที่สี่ได้คล่อง มีความสามารถเรื่องการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เก่งทุกทาง สามารถทำงานเป็น Marketing (พนักงานขาย) ได้ นอกจากนั้นขอคนที่มีความเฉลียวฉลาดและมีบุคลิกดี นิสัยดี ลักษณะโดดเด่น EQ สูง ฯลฯ โดยที่จะให้เงินเดือนถึง 30,000 บาท ขอให้ฝ่ายบุคคลไปหาคนแบบนี้มาให้หน่อย เจ้านายคนนี้สั่งราวกับโชกุนสั่งอิคคิวซังเชียว มันจะเป็นไปได้อย่างไรคุณสมบัติพิเศษขนาดนี้ให้เงินเดือนแค่นั้น ทางฝ่ายบุคคลจีงบอกว่า ถ้างั้นขอให้หัวหน้าไปนำตัวคนๆ นั้นมาให้ผมหน่อยครับ เดี๋ยวผมจะเป็นคนพูดเชิญชวนให้เขามาร่วมงานเอง!! (´・ω・ ` )
วันนี้เล่าเรื่องเบาๆ สบายๆ เริ่มต้นปีใหม่กันด้วยสติและปัญญาที่จะช่วยนำพาความสุขมาสู่ตัวเราเองครับ ขอสวัสดีปีใหม่อีกครั้ง ขอให้ทุกคนมีความสุขและปลอดภัยนะครับ สวัสดีครับ