xs
xsm
sm
md
lg

เลือกเข้าร้านตัดผมที่ญี่ปุ่นให้ถูกประเภท มิเช่นนั้นอาจช็อก!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว วันก่อนผมคุยกับเพื่อนที่ญี่ปุ่นเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ที่ญี่ปุ่นซึ่งคลี่คลายลงมาก ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา จากที่เคยติดเชื้อหลักหมื่นคนต่อวันและความเป็นห่วงต่างๆ หลังการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพ แต่ปัจจุบันเหลือคนติดเชื้อต่อวันน้อยลงมาก อย่างเช่นที่กรุงโตเกียวจากที่เคยติดเชื้อวันละหลายพันคน ปัจจุบันเหลือเพียงหลักสิบ และบางวันเป็นเลขตัวเดียวอีกด้วย พวกเราก็แปลกใจที่อยู่ๆ สถานการณ์ดีขึ้น แม้ตัวเลขจะน้อยลงแต่ก็ยังไม่เปิดประเทศและมีแนวโน้มที่คนต่างชาติจะเข้าประเทศยากขึ้นด้วย


วันนั้นเพื่อนผมบอกว่าจะออกไปตัดผม ผมก็เห็นด้วยบอกให้เพื่อนรีบออกไปตัดเลยครับเพราะไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้จริงๆ ผมเองก็เพิ่งไปตัดผมมาเมื่อวานก่อนเหมือนกัน แต่อีกเดือนกว่าเดี๋ยวก็ยาวอีกไม่รู้ตอนนั้นจะออกไปตัดได้หรือเปล่า เขาบอกว่าเดี๋ยวนี้หนุ่มๆ นิยมไว้ผมยาวกัน ข่าวที่ญี่ปุ่นก็บอกว่าผู้ชายที่นิวยอร์ สหรัฐอเมริกานิยมไว้ผมยาวกันมากขึ้น ไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่ บ้างก็ว่าเป็นแฟชั่น บ้างก็ว่ายังไม่กล้าออกไปตัดผมตามร้าน แต่ถ้าพูดถึงร้านตัดผมที่ญี่ปุ่นแล้ว แค่เรื่องจะไปตัดผมมันก็ต้องเลือกร้านที่เหมาะกับตัวเอง ซึ่งยากเหมือนกัน


เพราะถ้าจะต้องออกไปตัดผมที่ร้าน มีตัวเลือกสำหรับร้านที่เรียกว่าร้านตัดผมและร้านเสริมความงาม มีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่นิดหน่อย คือเรื่อง "ใบอนุญาตที่จำเป็นในการทำงาน" ทั้งร้านตัดผม และร้านเสริมความงามต้องมีใบอนุญาตในการทำธุรกิจของแต่ละธุรกิจ ชื่อทางการของร้านตัดผมคือ 理容室 Riyō-shitsu ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติช่างตัดผม และมีวัตถุประสงค์เพื่อตัดผมและโกนหนวดบนใบหน้า ส่วนของร้านเสริมความงาม 美容院 Biyōin เป็นไปตามพระราชบัญญัติ Cosmetologists (วิชาชีพในด้านการดูแลความงามด้วยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมความสวยความงาม) และมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้รูปลักษณ์สวยงามขึ้น ด้วยการดัด ยืดผม ทำสี และแต่งหน้า ใบอนุญาตที่จำเป็นคือใบอนุญาตช่างเสริมความงาม


วันนี้ผมขอแบ่งออกประเภทของร้านตัดผมเป็น 3 ประเภท ดังนี้ครับ

●美容院 Biyōin สถานเสริมความงามที่ดำเนินการด้านความงาม เช่น ตัดผม ดัด ทำสีผม เป็นต้น เนื่องจากจุดประสงค์ของร้านเสริมความงามคือการทำให้ลูกค้าสวย/หล่อ จึงกล่าวได้ว่าการทำสีและการดัดเป็นหน้าที่เฉพาะของร้านประเภทนี้ ทุกวันนี้การดัดและทำสีมีหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นสไตล์ลิสต์จะแนะนำสไตล์ที่เหมาะกับลูกค้า ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับทำทรงผมที่ทันสมัยนั่นเอง

ข้อดี :
1. ถ้าเข้าไปในร้านเสริมความงามก็รับรองว่าคุณจะเดินออกมาโดยได้ทรงผมที่มีสไตล์ลิสต์ออกแบบและตัดแต่งให้อย่างมืออาชีพทำให้เราสวยงามเท่เก๋ไก๋

2. บรรยากาศในร้านก็มีความทันสมัย มักจะออกแบบตกแต่งอย่างมีสไตล์ หรือแม้แต่นิตยสารที่วางไว้ในห้องรับรองเพื่อให้ทางลูกค้าได้เลือกอ่านและรอระหว่างทำผมก็เป็นนิตยสารที่ได้รับความนิยม แนวแฟชั่นเก๋ไก๋ ช่างทำผมหรือพนักงานในร้านก็จะคอยบริการรองรับลูกค้า มีเสิร์ฟน้ำ มีชวนพูดคุยดูแลเทคแคร์อย่างดี พนักงานในร้านมีแต่สวยหล่อแต่งตัวแนวทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร้าน พนักงานเก็บเงินหรือช่างตัดผม เพราะว่าถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีสไตล์ ไม่เก๋ไก๋ไม่มีความเป็นแฟชั่นนิสต้ามาทำงานในร้านสไตล์นี้ ลูกค้าที่เข้ามาในร้านก็จะรู้สึกไม่เชื่อมั่น ภาพลักษณ์ไม่เหมาะสม แล้วไม่อยากตัดผมหรือเข้ามาใช้บริการ


ข้อเสียและความเสี่ยง:
1. แต่ถ้าเปรียบเทียบกับร้านตัดผมประเภทอื่นแล้ว ร้านเสริมความงามประเภทนี้ค่อนข้างจะมีคอร์สเสริมความงามที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง ถ้าเราพูดถึงแค่ตัดผมอย่างเดียว ส่วนใหญ่ราคาจะไม่ต่ำกว่า 3,000 เยน คนที่จะเข้าไปใช้บริการร้านประเภทนี้ส่วนใหญ่จะหาคูปองส่วนลดที่มีอยู่ในนิตรสารแจกฟรีที่วางอยู่ตามสถานีรถไฟต่างๆ เพื่อนำไปเป็นส่วนลดในการเข้าร้าน

2. ข้อที่บอกว่าพนักงานในร้านหรือช่างตัดผมค่อนข้างจะมีความแฟชั่นนิสต้า เก๋ไก๋และช่างชวนลูกค้าคุยนู้นนี่นั่น ซึ่งเขาถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานบริการ แต่มีลูกค้าบางคนที่ไม่ชอบการถูกชวนคุยลักษณะนี้เลย เวลาไปตัดผมอยากขอแค่ตัดผมได้ไหมไม่ต้องมาชวนคุยตลอดเวลา ไม่ต้องคอยมาบริการมาก ซึ่งทำให้ลูกค้าบางคนรู้สึกรำคาญเพราะชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า

●床屋 Tokoya
เป็นร้านตัดผม ในนิยามของช่างตัดผม คือการปรับรูปลักษณ์ด้วยการตัดผม โกนหนวด ฯลฯ จุดประสงค์ของช่างตัดผมคือเพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ และโกนหนวดเคราบนใบหน้า ที่อาจดูเหมือนใหม่สำหรับผู้ที่ไม่เคยเข้าร้าน แต่เป็นบริการที่ช่างจะใช้มีดโกนที่มีประสิทธิภาพเพื่อโกนหนวดบนใบหน้า และจอน ทำให้คิ้ว จอน ขน และเครา ถูกตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบด้วยฝีมือของมืออาชีพ


ข้อดี:
1. ถ้าพูดถึงเรื่องราคาของการตัดผม แน่นอนว่าราคาถูกกว่าร้านเสริมความงามแน่นอน

2. ร้านประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นร้านที่เป็นธุรกิจของตัวเอง ไม่ใช่เป็นรูปแบบบริษัทเหมือนร้านเสริมความงาม ดังนั้นคนที่เป็นช่างตัดผมส่วนใหญ่ก็จะเป็นเจ้าของร้านและจะดูปฏิกิริยาของลูกค้าก่อนว่าจะสามารถคุยได้ไหม หรือว่าเป็นคนที่ไม่ชอบคุย อยากจะนั่งเฉยๆ ทำให้ลูกค้าประเภทที่ไม่ชอบพูดมากสะดวกใจไปใช้บริการมากกว่าเข้าร้านเสริมความงาม


3. มีบริการโกนหนวด โกนเครา กันจอนให้ด้วย ซึ่งหนุ่มๆ จะชอบมาก

ข้อเสียและความเสี่ยง
1. ที่จริงร้านประเภทนี้สาวๆ ก็เข้าไปใช้บริการตัดผมได้นะครับ แต่จะพูดไปคือบรรยากาศร้านออกแนวเข้าไปแล้วจะเจอแต่ลูกค้าผู้ชาย หรือพวกลุง ทำให้สาวๆ ไม่ค่อยกล้าเข้าไปใช้บริการสักเท่าไหร่ เคยมีรายการโทรทัศน์ออกแบบสำรวจว่าร้านตัดผมประเภทนี้มีหนังสือแมกกาซีนประเภทไหนวางให้ลูกค้าอ่านมากที่สุด และลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการชอบอ่านแนวไหน ผลการสำรวจพบว่าหนังสือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเรื่อง ゴルゴ13 Golgo 13 นะครับก็แสดงให้เห็นแล้วว่าส่วนใหญ่ลูกค้าผู้ชายที่เข้าไปอ่าน และใช้บริการที่ร้านตัดผมประเภทนี้


2. อย่างที่บอกว่าส่วนใหญ่เจ้าของร้านเปิดร้านของตัวเอง เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่ก็จะค่อนข้างเป็นรุ่นป้ารุ่นลุงแล้ว ซึ่งการที่จะเข้าไปใช้บริการในร้านประเภทนี้ก็อาจมีเรื่องช่องว่างระหว่างวัยเกิดขึ้นเยอะหน่อย จากผลสำรวจก็พบว่าช่างตัดผมที่ทำงานที่ร้านประเภทนี้มีอายุเฉลี่ยสูงวัยมากที่สุดในบรรดาร้านตัดผมทั้งสามประเภท มีเรื่องเล่าว่ามีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งปกติเคยตัดผมที่ร้านแถวบ้าน แต่พอขึ้นโรงเรียนมัธยมศึกษาต้องไปเรียนต่างอำเภอ ก็ไปเจอร้านตัดผมแถวโรงเรียนราคาถูกกว่าร้านที่เคยตัด คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ชอบร้านตัดผมราคาถูกอยู่แล้ว น้องก็เลยเข้าไปตัดผม เจอช่างเป็นลุง คุยกันก็เข้าใจคนละแบบ เวลาลุงแนะนำทรงผมให้ก็ไม่ค่อยตรงกับที่คิด ลุงช่างแนะนำทรง Navy cut เด็กหนุ่มก็ไม่เข้าใจความหมายที่ช่างรุ่นลุงบอก ซึ่งมันคือทรง Golgo 13 นั่นเอง (•ω•`)゛γ\(´∀`*)
เด็กหนุ่มไปบอกลุงช่างว่าช่วยตัดทรงช็อตคัทแฟชั่นอย่าง JIRO ของ GLAY ให้หน่อยครับ ลุงเข้าใจว่าจิโร่คนรุ่นลุง เลยได้ทรง Sakagami Jiro มาแทน!!


●1000円カット 1000 yen cut
ที่เรียกว่าร้าน 1,000 เยนคัท ก็เรียกตามราคาตัดผมคนละ 1,000 เยน ใช้เวลาตัดให้เสร็จภายใน 10 นาที ทักษะของช่างที่สามารถทำเวลา 10 นาทีต่อคนได้นั้น น่าทึ่งมาก เวลาไปร้านแนวเสริมความงามส่วนใหญ่ต้องทำการจองคิวสำหรับการบริการ ซึ่งถ้าร้านถูกจองเต็มตามวันและเวลาที่ต้องการก็อาจถูกปฏิเสธได้ ในทางกลับกันร้านตัดผมแบบ 1,000 เยน ไม่จำเป็นต้องจองใดๆ เนื่องจากเวลาในการตัดต่อคนนั้นสั้น และเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะสามารถตัดเมื่อไรก็ได้โดยไม่ต้องจอง

ข้อดี: ราคาถูกเพราะว่าจ่ายแค่ 1,000 เยนเท่านั้น แล้วก็ใช้เวลาไม่มากประมาณ 10 นาทีเท่านั้น

ข้อเสียและความเสี่ยง: มีลูกค้าเยอะ และจะไปขอให้ช่างออกแบบทรงผมตามใจเรามากก็ไม่ได้ หรือตัดเสร็จแล้วบอกไม่พอใจขอให้แก้ทรงก็ไม่ได้ เพราะว่าช่างมีเวลาต่อหัวประมาณ 10 นาที

เป็นอย่างไรครับ เลือกได้หรือยัง เวลาที่เราจะเลือกเข้าร้านตัดผม ร้านเสริมความงามที่ตรงใจเราก็ต้องดูว่าเราชอบสไตล์ไหนและมีเงินในกระเป๋าที่พร้อมจ่ายเท่าไหร่ เพื่อนๆ ละครับชอบเข้าร้านตัดผมแนวไหน วันนี้สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น