คอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” โดย “ซาระซัง”
สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เป็นวันพ่อของไทยพอดีเลย หลายท่านคงมีแผนสำหรับคุณพ่อกันแล้ว คนญี่ปุ่นเองก็ฉลองวันพ่อคล้าย ๆ ของไทยอยู่บ้าง แต่ของที่นิยมให้พ่อบางอย่างก็อาจจะน่าตกใจสำหรับคนไทย มาดูกันว่าคุณพ่อญี่ปุ่นประทับใจหรือไม่ประทับใจของขวัญวันพ่ออย่างไรบ้าง ตอนท้ายมีเรื่องประทับใจของพ่อลูกชาวไทยมาฝากด้วยค่ะ
วันพ่อของญี่ปุ่นตรงกับวันอาทิตย์สัปดาห์ที่สามของเดือนมิถุนายน คาดกันว่าวันพ่อของญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลมาจากอเมริกา และเพิ่งจะมีการเฉลิมฉลองอย่างแพร่หลายเมื่อทศวรรษ 80 นี้เอง หากจะให้ดอกไม้พ่อก็นิยมให้เป็นดอกกุหลาบสีเหลือง แต่ดอกทานตะวันก็ได้รับความนิยมเหมือนกัน
เมื่อต้นปีนี้เว็บไซต์วันพ่อของญี่ปุ่นได้ทำแบบสำรวจประชาชนวัย 10-70 ปี จำนวน 500 คน ว่าให้อะไรเป็นของขวัญวันพ่อกันบ้าง สามอันดับแรกมีดังนี้ คือ 1. เบียร์ 2. ของกิน 3. ของใช้เพื่อสุขภาพและของใช้ในชีวิตประจำวัน เขาคาดว่าที่ของกินและของใช้เป็นที่นิยมในช่วงปีสองปีนี้ อาจเพราะเป็นช่วงโควิดและญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินบ่อยครั้ง คนจึงได้แต่อยู่บ้านกันเป็นส่วนใหญ่ ของที่ให้เลยเน้นไปที่ของที่สามารถอุปโภคบริโภคในบ้านได้
ว่าแต่เรื่องให้เบียร์เป็นของขวัญวันพ่อนี่ ออกจะตรงกันข้ามกับของไทยเลยนะคะ บ้านเรามีแต่ได้ยินกันว่า “วันพ่อปีนี้ หนูขอให้พ่อเลิกเหล้า” หรือไม่ก็ “งดเหล้า เข้าพรรษา” และยังมี “ให้เหล้า = แช่ง” วลีฮิตที่มาจากหนังโฆษณารณรงค์ของ สสส. เพื่อย้ำค่านิยมใหม่ของคนไทยที่ไม่ให้เหล้ากันเป็นของขวัญปีใหม่หรือเทศกาลอื่น ๆ อีกต่อไป
ตอนอยู่ญี่ปุ่น ครั้งแรกที่ฉันเห็นโฆษณาชี้ชวนให้ซื้อเบียร์ไปเป็นของขวัญวันพ่อนั้น ฉันตกใจมากจนยืนอึ้งไปนาน พลางคิดว่าถ้าเป็นเมืองไทยขืนเอาเบียร์เอาเหล้าไปให้วันพ่อจะเจอคนด่ากันทั้งเมืองไหมนะ แต่คนญี่ปุ่นไม่ได้มองว่าการดื่มเบียร์ดื่มเหล้าเป็นเรื่องไม่ดี แถมในโฆษณาที่เห็นยังเป็นเรื่องราวประมาณว่าการที่ลูกเอาเบียร์ไปให้พ่อ เป็นการสร้างโอกาสอันอบอุ่นให้พ่อลูกได้มานั่งคุยกันด้วย
คนญี่ปุ่นที่ให้เหล้าเป็นของขวัญวันพ่อให้เหตุผลว่า ผู้ชายน่าจะดีใจถ้ามีคนให้เหล้า วันพ่อทั้งทีเลยอยากให้พ่อได้ดื่มเหล้าดี ๆ เพลิน ๆ อีกคนหนึ่งบอกว่าพ่อเขาพยายามเลี่ยงดื่มเหล้า แต่นาน ๆ ก็ดื่มบ้าง เลยอยากให้เหล้าดี ๆ หน่อยเป็นของขวัญ
ส่วนคนที่ให้ของกินเป็นของขวัญวันพ่อก็จะเน้นไปที่สินค้าอาหารราคาแพงหรือหรูหน่อย แบบที่ปกติพ่อคงไม่ซื้อเอง เช่น ขนมดี ๆ หรือผลไม้แพง ๆ อย่างดี เป็นต้น ในขณะที่คนให้ของใช้เพื่อสุขภาพและของใช้ในชีวิตประจำวันบอกว่า พ่อน่าจะได้ใช้
และอยากให้พ่อมีสุขภาพแข็งแรง ดูแลตัวเอง
แล้วคนเป็นพ่อล่ะ ได้รับของขวัญแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้าง
“ลูกสาวอยู่มัธยมปลายแล้ว ผมกังวลว่าลูกอาจจะเหินห่าง แต่เขาก็เขียนโน้ตแสดงความขอบคุณ และใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ผมเลยดีใจมาก” (คุณพ่อวัย 40)
“ลูกชายลูกสาวให้ของขวัญทุกปี ผมประทับใจทุกครั้ง ให้อะไรผมก็ดีใจทั้งนั้นแหละ” (คุณพ่อวัย 50)
“ผมชอบปีนเขา ปกติลูกไม่ค่อยไปด้วยเท่าไหร่ แต่ตอนวันพ่อเขาบอกจะไปปีนเขากับพ่อ ผมก็ประทับใจนะ” (คุณพ่อวัย 30)
“ตอนลูกสาวกอดแล้วบอกขอบคุณผม ผมทั้งดีใจและประทับใจมาก อุตส่าห์ตั้งอกตั้งใจเขียนโน้ตให้ด้วยตัวหนังสือที่เขาเพิ่งเขียนเป็นแล้ว อันนี้ก็ดีใจเหมือนกัน” (คุณพ่อวัย 30)
แต่ก็มีคุณพ่อที่บ่นอุบอิบว่า “ไม่ประทับใจเลย เล่นมาถามล่วงหน้าว่าอยากได้อะไรแล้วค่อยซื้อให้ ของที่รู้ว่าเป็นอะไร และรู้ว่าจะได้เมื่อไหร่มันไม่เซอร์ไพรส์”
อย่างไรก็ตาม ประมาณร้อยละ 80 ของลูกก็พยายามเปลี่ยนของขวัญที่ให้วันพ่อในแต่ละปีไม่ให้ซ้ำกัน แสดงว่าลูกส่วนใหญ่ก็น่าจะคิดจริงจังทุกปีว่าจะให้อะไรพ่อดี พ่อจะได้ดีใจ
พูดถึงวันพ่อแล้ว มีพ่อลูกอยู่คู่หนึ่งที่ฉันมักนึกถึงอยู่เสมอ ลูกคนนี้เป็นคนสุดท้อง อายุอานามค่อนข้างห่างจากพี่ ๆ พอสมควร แม่จากไปตั้งแต่เธออยู่ชั้นมัธยมปลาย ส่วนพ่อซึ่งรักแม่มากก็ไม่เคยมีคนใหม่เลย และบางคราวท่านก็ไปคุยกับแม่อยู่หน้ารูปถ่ายแม่ด้วย ส่วนลูกก็รักพ่อมาก นอกจากคอยดูแลท่านเท่าที่สามารถทำได้แล้ว ยังไม่ลืมที่จะทำตัวให้ท่านสบายใจด้วย เรียกได้ว่าไม่ใช่ดูแลเฉพาะทางกาย แต่ให้ความสำคัญกับการดูแลใจของพ่อด้วย
แม้ตัวเธอจะมาทำงานในกรุงเทพฯ แต่ทุกวันศุกร์ก็จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่ออยู่ดูแลพ่อตลอดสุดสัปดาห์ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นสนุกที่ไหน ช่วงที่อยู่บ้านเธอจะทำอาหารใส่ถุงเก็บไว้ในตู้เย็นให้เพียงพอสำหรับตลอดสัปดาห์ แล้วเขียนป้ายแปะไว้ว่าอันไหนของวันไหนมื้อไหน ทุกวันเธอจะโทรมาหาพ่อหลายหนเมื่อถึงเวลากินยาเพื่อที่พ่อจะได้ไม่ลืม พ่อของเธอเคยชมให้ฟังว่า “ผมโชคดีเหลือเกินที่มีลูกคนนี้ เขาดูแลผมตลอด คอยโทรหาผมทุกวันไม่ให้ลืมกินยา”
แม้เธอจะเล่าว่าพ่อไม่เคยชมเธอตรง ๆ อย่างนั้น แต่จากเรื่องราวต่าง ๆ ที่ฉันเคยได้ยินมา ก็ทำให้รู้ว่าพ่อรักและปลื้มลูกคนนี้ ไม่เพียงเท่านั้นท่านยังเป็นคนโรแมนติกด้วย พอเห็นว่าลูกสาวไม่ได้ใช้ผ้าเช็ดหน้าแล้ว ก็ถามเธอว่างั้นพ่อขอไปใช้ได้ไหม นอกจากพ่อจะพกติดตัวไว้ใช้แล้ว ยังมีอีกหลายผืนที่พ่อเอาไว้ใกล้ ๆ ข้างเตียง พ่อเธอยังเก็บจดหมายทุกฉบับที่ลูกสาวเขียนให้ยามไปเรียนต่อไกลบ้านด้วย
พ่อมีเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งที่ใส่อยู่บ่อย ๆ จนขาด จึงขอให้เธอช่วยหาร้านชุนเสื้อให้ แต่มันขาดและเปื่อยเสียจนช่างมองหน้าเป็นเชิงถามว่ายังจะซ่อมอีกหรือ สาเหตุที่พ่อชอบใส่เสื้อตัวนี้ก็เพราะแม่เป็นคนสั่งตัดให้ ลูกสาวจึงวางแผนตัดเสื้อตัวใหม่ให้ โดยเก็บเป็นความลับไม่ให้พ่อรู้ เธอไปถามหาช่างตัดเสื้อที่เคยเป็นคนตัดเสื้อตัวนี้ เมื่อเจอร้านก็พบว่าช่างย้ายไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว จึงติดตามหาจากข้อมูลที่ได้รับไปเรื่อย ๆ จนเจอช่างตัดเสื้อในที่สุด
พอช่างเห็นเสื้อของพ่อที่เธอพกมาด้วย ก็นึกออกทันทีว่าเคยตัดเสื้อจากผ้าลายนี้ แต่ผ้าลายนี้จะยังมีอยู่อีกหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะที่ตัดไปก็หลายปีมากแล้ว เธอจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่มาของเสื้อตัวนี้ให้ช่างฟัง ช่างฟังแล้วก็คงคิดไม่ถึงว่าเสื้อที่ตนเป็นคนตัดเย็บจะมีความหมายต่อใครสักคนขนาดนี้ จึงให้คำมั่นกับเธอว่าจะพยายามไปตามหาผ้าลายนี้กลับมาให้ได้
ในที่สุดข่าวดีก็มาถึง ช่างบอกว่าหาผ้าลายนี้เจอแล้ว จึงเริ่มลงมือตัดเย็บเสื้อแบบเดียวกับที่เคยเย็บในอดีต และแล้วลูกสาวก็เอาเสื้อใหม่ตัวนี้ไปให้พ่อ ทันทีที่พ่อเห็นเสื้อตัวนี้ ท่านก็ตกตะลึงและตะโกนเรียกชื่อแม่รัว ๆ เสียงดัง ภาพนั้นทำให้เธอเป็นฝ่ายตะลึงแทน แล้วเธอก็ขอเสื้อตัวเก่าของแม่เก็บไว้เอง ให้พ่อใส่ตัวใหม่แทน ...และแล้วเสื้อตัวนี้ก็มีที่มาจากความรักของคนสามคน ทั้งพ่อ แม่ และลูก เป็นเสื้อแห่งความอบอุ่นที่ย้ำให้รู้ว่าพ่อรักแม่ และแม่กับลูกก็รักพ่อมากมายเหลือเกิน
ลูกคนนี้ยังมีวีรกรรมอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ที่ฉันจำได้แม่นอีกเรื่องก็คือว่า พ่อมีเพื่อนเก่าที่คิดถึงซึ่งไม่ได้เจอกันนานหลายสิบปีแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้ไปอยู่ที่ไหน ลูกก็เลยแอบออกตามหาเพื่อนเก่าคนนี้ของพ่อจนเจอ วันหนึ่งชวนพ่อขึ้นรถบอกว่าไปเที่ยวกัน แต่ยังไม่บอกว่าจะพาไปไหน พอไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง สองผู้เฒ่าเห็นหน้ากัน ต่างคนต่างโผเข้ากอดกันร้องไห้โฮด้วยความคิดถึง มีเธอยืนเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ
วันนี้คุณพ่อของเธอจากไปแล้ว เธอสวมเสื้อที่สั่งตัดตัวนั้นให้พ่อสำหรับการเดินทางไกล การที่เธอมีชีวิตอยู่เพื่อพ่อและทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อท่านในยามที่ท่านมีชีวิต ทำให้ฉันคิดว่าเธอทำหน้าที่ของลูกที่มีต่อพ่อแม่ได้อย่างสมบูรณ์ และไม่มีอะไรที่เธอต้องเสียใจหรือเสียดายที่ไม่ได้ทำยามท่านยังอยู่ ฉันเชื่อว่าพ่อมีความสุขที่มีลูกแสนดีคนนี้ และถ้าแม่ของเธอรับรู้ก็ต้องภูมิใจในตัวเธอมากแน่ ๆ ที่สามารถดูแลพ่อแทนแม่ได้ และยังทำหน้าที่ลูกได้อย่างดีที่สุดด้วย
วันพ่อปีนี้ ขอให้คุณพ่อและคุณลูกทุกท่านรักกันดูแลกันมาก ๆ นะคะ ทำสิ่งที่อยากทำให้กันในระหว่างที่ต่างคนต่างยังมีชีวิตอยู่ให้เต็มที่ เผื่อว่าสักวันหากใครจากไปก่อน จะได้ไม่มีอะไรค้างคาในใจ
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"ซาระซัง" เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Onlineทุกวันอาทิตย์.