ญี่ปุ่นผวาไวรัสโควิดสายพันธุ์สกัด "โอไมครอน" สั่งปิดพรมแดน ห้ามชาวต่างชาติทุกประเทศเข้า หลังเพิ่งผ่อนปรนได้ไม่ถึง 1 เดือน
นายฟูมิโอะ คิชดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศในวันนี้ (29 พ.ย.) เพิ่มความเข้มงวดมาตรการควบคุมเข้าประเทศ โดยระงับการออกวีซ่าใหม่ทุกกรณี และห้ามชาวต่างชาติที่ไม่มีสิทธิ์พำนักในญี่ปุ่นเดินทางเข้าประเทศ มีผลตั้งแต่เวลา 0.00 น. วันที่ 30 พ.ย.
เมื่อวันที่ 8 พ.ย. รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งผ่อนปรนให้นักธุรกิจ นักศึกษา และคนทำงานที่มีต้นสังกัดรับรองเดินทางมาญี่ปุ่นได้ และลดเวลาการกักตัวจาก 14 วัน เหลือน้อยที่สุดเพียง 3 วัน หลังจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่นคลี่คลายลงอย่างมาก มีผู้ติดเชื้อใหม่เพียงวันละราว 100 คน ส่วนผู้เสียชีวิตบางวันไม่มีเลย ขณะที่ชาวญี่ปุ่น 76.5% ได้รับวัคซีนครบ 2เข็มแล้ว ผู้สูงอายุรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์จะได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเร็ววันนี้ แต่ล่าสุด มาตรการผ่อนปรนก็ถูกระงับ เนื่องจากการความกังวลต่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ "โอไมครอน"
มาตรการนี้ส่งผลให้ผู้ที่จะเข้าประเทศญี่ปุ่นได้มีเฉพาะชาวญี่ปุ่น และชาวต่างชาติที่มีสิทธิ์พำนักในญี่ปุ่นอยู่ก่อนแล้ว ส่งผลต่อนักศึกษา คนทำงาน และกลุ่มวีซ่าใหม่หลายแสนคนที่รอคอยเข้าประเทศญี่ปุ่นมานานเกือบ 2 ปี
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งห้ามผู้ที่เดินทางมาจากประเทศแอฟริกา 9 ประเทศ ที่พบเชื้อสายพันธุ์ "โอไมครอน" เข้าประเทศญี่ปุ่น แต่เมื่อตรวจพบผู้ที่เดินทางมาจากประเทศนามิเบียคนหนึ่งติดเชื้อโควิด และกำลังตรวจพิสูจน์สายพันธุ์ของผู้ติดเชื้อรายนี้
นายกรัฐมนตรีคิชิดะตัดสินใจยกระดับมาตรการป้องกันสูงสุดทันที โดยห้ามชาวต่างชาติจากทุกประเทศเดินทางเข้าญี่ปุ่น โดยยังไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุด จนกว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายพันธุ์ "โอไมครอน"
นายคิชิดะ ซึ่งเพิ่งเป็นผู้นำคนใหม่ของญี่ปุ่นได้ราว 1 เดือนเศษ จำเป็นต้องตัดสินใจใช้มาตรการเด็ดขาดเพื่อควบคุมโรคโควิด เนื่องจากชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งเห็นว่า อดีตรัฐบาลของนายชินโซ อาเบะ และนายโยชิฮิเดะ ซูงะ ผ่อนปรนมาตรการควบคุมพรมแดนทำให้โรคโควิดระบาดหนัก
นักท่องเที่ยวทุกประเภท ทุกชาติยังไม่สามารถเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ในขณะนี้.