คอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” โดย “ซาระซัง”
สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน เคยรู้สึกไหมคะว่า “กลิ่น” บางอย่างมาพร้อมกับความทรงจำเฉพาะที่เรามีกับคน สถานที่ หรือเหตุการณ์หนึ่ง ๆ ฉันรู้สึกว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ และเมื่อได้ “กลิ่นของญี่ปุ่น” เหล่านี้ทีไรก็รู้สึกถึงความพิเศษไปเสียทุกที นึกแล้วก็อยากกลับไปเยือนญี่ปุ่นอยู่รอน ๆ เลยทีเดียว
กลิ่นที่เตะจมูกและชวนให้รู้สึกแปลกสำหรับฉันยามเยือนญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต คงเป็นกลิ่นของ “ดาชิ” (น้ำสต็อกที่เสริมรสอูมามิให้กับอาหารญี่ปุ่น ทำจากปลาแห้ง สาหร่ายคมบุ หรือเห็ดหอม) ปนกับกลิ่นโชยุและเหล้าทำอาหาร
ตอนนั้นฉันกับครอบครัวไปเที่ยวที่หอโตเกียวและทัวร์พาไปรับประทานอาหารกลางวัน พอขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้นที่มีร้านอาหาร ก็ได้กลิ่นอาหารที่ไม่คุ้นเคยลอยมาเตะจมูก ร้านที่ทัวร์พาไปมีขายพวกอุด้ง ข้าวหน้าไก่ใส่ไข่(โอยาโกะดง) ข้าวหน้าหมูทอดใส่ไข่(คัตสึดง) อะไรพวกนี้ กลิ่นและรสชาติอาหารญี่ปุ่นที่ไม่เคยรู้จักคงเป็นสิ่งแปลกใหม่ต่อประสาทสัมผัสกระมัง ฉันเลยจำความรู้สึกและช่วงเวลานั้นได้ดี และแล้วกลิ่นดาชิปนโชยุกับเหล้าทำอาหารก็กลายมาเป็น “กลิ่นของญี่ปุ่น” ที่โดดเด่นที่สุดในความรู้สึกของฉัน
เวลาเดินทางไปญี่ปุ่น พอเครื่องลงจอดที่สนามบิน เดินเข้าสู่อาคารผู้โดยสารขาเข้า สภาพแวดล้อมของตึกและกลิ่นบางอย่างจาง ๆ ภายในอาคารก็เหมือนจะบอกให้รู้ว่าฉันกลับมาถึงญี่ปุ่นแล้วนะ ทำให้อยากยิ้มกว้างขึ้นมา ราวกับได้เจอคนสำคัญที่คิดถึงมานาน
เมื่อก่อนตอนบ้านยังอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน ฉันเคยขี่จักรยานไปกลับด้วยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที เวลาขี่จักรยานฝ่าสายลมสดชื่นตอนเช้า ๆ แล้วรู้สึกสบายอกสบายใจ แถมได้ออกกำลังก่อนมาทำงานด้วยก็เลยกระปรี้กระเปร่า ดีกว่าขึ้นรถไฟเบียดเสียดกับผู้คนในพื้นที่อากาศไม่ถ่ายเทเป็นไหน ๆ อีกทั้งตอนเช้า ๆ ผ่านร้านกาแฟหรือร้านอาหารที่เปิดแล้วหรือกำลังเตรียมเปิด ก็จะได้กลิ่นแบบหนึ่งเตะจมูก ถ้าไม่ได้รับประทานอาหารเช้าก่อนออกจากบ้าน อาจมีแอบแวะเถลไถลกลางทางได้
ส่วนตอนเย็นพอขี่จักรยานผ่านซอยแห่งหนึ่งออกมาถนนใหญ่ ก็จะได้กลิ่นอาหารอะไรหึ่ง ๆ โชยมาตามลม แรก ๆ ก็ไม่ได้สนใจ แต่พอได้กลิ่นนี้ทุกครั้งก็เลยชักอยากรู้ว่ากลิ่นอะไรกันนะ หันซ้ายแลขวาอยู่นาน จนไปเตะตาเข้ากับร้านราเม็งแห่งหนึ่ง กลิ่นนั้นน่าจะเป็นกลิ่นน้ำซุปกระดูกหมูข้นที่เรียกว่า “ทงคตสึ” แม้ฉันจะชอบราเม็งน้ำซุปชนิดนี้มาก แต่พอได้กลิ่นน้ำต้มกระดูกหมูฉุนกึกแล้วกลับอยากถอยห่างไปแทน
อาจเพราะคนญี่ปุ่นสูบบุหรี่กันมาก เวลาไปตามร้านคาราโอเกะ ร้านเหล้าอิซากายะ หรือร้านกาแฟ จึงมักจะได้กลิ่นบุหรี่อบอวลอยู่ในร้านเสมอ เป็นกลิ่นที่ไม่ค่อยได้สัมผัสบ่อยนักในประเทศอื่น จะได้กลิ่นก็มักเป็นตอนอยู่ญี่ปุ่น ตัวฉันเองไม่รังเกียจกลิ่นบุหรี่อ่อน ๆ แต่ถ้าต้องไปนั่งอยู่ในที่มีคนสูบบุหรี่ใกล้ ๆ ก็จะลำบากใจมากเพราะมันแสบจมูก ได้ยินว่าคนฝรั่งบ่นเรื่องบุหรี่ในญี่ปุ่นกันเยอะ บางคนถึงกับไม่ยอมไปร้านเหล้าอิซากายะเลยก็มี
คงเพราะไม่ถูกกับกลิ่นบุหรี่และเพราะจมูกไวเป็นพิเศษ ครั้งหนึ่งมีเหตุให้ฉันต้องไปค้างแรมในที่ซึ่งลือกันว่า “มีผี” คืนนั้นฉันหลับไปแล้ว รู้สึกเหมือนได้กลิ่นบุหรี่จาง ๆ ในฝัน กลิ่นนั้นทวีความรุนแรงขึ้นจนแสบจมูก ใจบอกว่ากลิ่นนี้ผิดปกติ พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นกลิ่นนั้นก็หายไปฉับพลัน ฉันไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ต่อมาวันหนึ่งได้ยินคนพูดถึงผีในที่นั้นซึ่งมีมากกว่าหนึ่งตน และหนึ่งในนั้นเคยเป็นคนที่สูบบุหรี่จัดมาก่อน ได้ยินแล้วฉันเลยสะดุ้ง
ไม่เพียงแค่ตามร้านอาหารเท่านั้นนะคะ อย่างร้านหนังสือก็มีกลิ่นที่หลายคนชอบเหมือนกัน คนญี่ปุ่นบางคนจะชอบกลิ่นสมุดโน้ตหรือกลิ่นหนังสือที่พิมพ์ออกมาใหม่ ๆ และร้านหนังสือก็มักอวลไปด้วยกลิ่นแบบนี้ ฉันสังเกตว่าหนังสือการ์ตูนรายปักษ์หรือรายสัปดาห์ที่เป็นเล่มใหญ่ ๆ มักจะมีกลิ่นจำเพาะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาใส่กลิ่นไว้ในกระดาษหรืออะไร ยิ่งเป็นหนังสือที่ออกเป็นงวด ๆ ชวนให้ตั้งหน้าตั้งตารอแบบนี้ พอถึงวันหนังสือออก ซื้อหนังสือมาแล้วเปิดดูก็จะได้กลิ่นนี้โชยมาราวกับจะบอกว่า “ยินดีด้วยนะ หนังสือออกแล้ว ได้อ่านตอนต่อไปที่รอคอยมานานสักที” ฉันจำได้ว่าเคยต้องไปทำงานและพักแรมนอกสถานที่หลายวันต่อกัน ช่วงนั้นเหนื่อยมากเพราะพักผ่อนไม่พอ แต่พอได้กลิ่นหนังสือนี้ ความรู้สึกลิงโลดก็บังเกิดจนความเหนื่อยแทบหายเป็นปลิดทิ้งเลยละค่ะ
ถ้าถามถึงกลิ่นแบบญี่ปุ่นเด่น ๆ อย่างหนึ่งที่หลายคนชอบ หนึ่งในนั้นก็คงจะเป็นกลิ่นเสื่อทาตามิที่ปูพื้นห้องตามบ้านเรือนหรือเรียวคัง (โรงแรมแบบญี่ปุ่น) แม้จะเป็นทาตามิเก่าที่ใช้มาหลายปี แต่น่าแปลกที่กลิ่นฟางข้าวของเสื่อทาตามินั้นยังคงสดชื่น ชวนให้รู้สึกปลอดโปร่งสบายใจเหมือนได้กลับสู่ธรรมชาติและความเรียบง่ายอย่างบอกไม่ถูก เวลาได้นอนบนเสื่อทาตามิก็จะได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ และหลับสบายเป็นพิเศษ อาจเพราะอย่างนี้จึงมีหลายบ้านที่มีห้องเสื่อทาตามิ และอะพาร์ตเมนต์สร้างใหม่บางทีก็มีให้ลูกค้าเลือกว่าจะให้มีพื้นที่เล็ก ๆ ปูเสื่อทาตามิด้วยไหม โดยอาจจะไม่ได้ปูทั้งห้อง แต่ปูแค่พื้นที่เล็ก ๆ ราวหนึ่งตารางเมตรเศษ อย่างนี้ก็มี
ในแต่ละฤดูของญี่ปุ่นมีกลิ่นที่ต่างกัน อย่างในฤดูร้อนก็จะมีกลิ่นปนความชื้นแบบที่ไม่เหมือนบ้านเรา และก็เป็นคนละกลิ่นกับฤดูร้อนของนิวยอร์ก หากอยู่ตามชนบทในญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อนก็อาจจะได้กลิ่นนาข้าว แต่ถ้าอยู่ในเมืองก็อาจได้กลิ่นอ่อน ๆ ของต้นไม้ใบหญ้าเมื่อเดินผ่านบ้านเรือนผู้คน ส่วนเวลาไปตามสถานที่ท่องเที่ยวในฤดูร้อนแล้วมีร้านขายอาหารแถวนั้น ก็จะได้กลิ่นอาหารปนกับกลิ่นอากาศของฤดูร้อน เป็นความพิเศษอีกแบบหนึ่งที่สัมผัสได้เฉพาะในฤดูร้อนของญี่ปุ่นเท่านั้น
ส่วนยามต้นฤดูใบไม้ร่วงจะได้กลิ่นหอมหวานของดอกคิมโมขุเซ ซึ่งเป็นดอกไม้ดอกเล็ก ๆ สีส้มเข้มที่ออกดอกทีหนึ่งเป็นช่อ ส่งกลิ่นหอมอ่อนโยนขจรขจายมาตามลม ได้กลิ่นทีไรอดยิ้มไม่ได้ทุกที แถมยังได้รู้ด้วยว่าฤดูโปรดมาถึงแล้ว นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอาหารที่ทยอยออกมาในฤดูนี้ด้วย อย่างเช่น กลิ่นมันหวานเผาจากรถที่เร่ขายตามข้างถนนและละแวกที่อยู่อาศัย กลิ่นโอเด็ง (คล้าย ๆ พะโล้บ้านเรา แต่น้ำใสและเครื่องคนละแบบ) จากร้านอาหารหรือตามร้านสะดวกซื้อ
ส่วนกลิ่นที่ไม่น่าพิศมัยเท่าไหร่แต่จำต้องยอมรับในฤดูใบไม้ร่วง ก็คือกลิ่นของเม็ดแปะก๊วยที่ตกลงจากต้น ส่งกลิ่นราวกับอาเจียนจนคนทำหน้าเบ้ไปตาม ๆ กัน แต่เพื่อนร่วมงานผู้หนึ่งของฉันยินดีปรีดา เพราะแสดงว่าถึงเวลาที่เขาจะได้มาเก็บเม็ดแปะก๊วยไปทำอาหารแล้ว เคยคิดจะไปดูว่าเขาเลือกเม็ดแปะก๊วยเหล่านี้ไปทำอาหารอย่างไรอยู่เหมือนกัน เสียแต่ว่าทนกลิ่นไม่ไหวเลยไม่ได้ไปดูสักที
ฤดูหนาวเป็นช่วงที่ฉันรู้สึกว่าอากาศดีแจ่มใสกว่าฤดูอื่น ๆ สูดลมหายใจแต่ละคราวก็เต็มไปด้วยความสดชื่นที่ซ่อนอยู่ในทุกอณูของอากาศ ยิ่งเวลาอยู่ในห้องที่เปิดเครื่องทำความร้อนนาน ๆ แล้ว ได้เปิดประตูหน้าต่างออกมาสูดอากาศบ้าง จะรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษเหมือนได้เติมพลังชีวิตเข้าไปใหม่เลยทีเดียว
พอย้ายมาอยู่ฝั่งตะวันออกของอเมริกาแล้ว ฉันกลับไม่ค่อยได้กลิ่นอะไรเป็นพิเศษอย่างตอนอยู่ญี่ปุ่น อย่างมากที่สุดก็อาจเป็นกลิ่นเนื้อปิ้งจากร้านรถเข็นขายอาหารตามข้างทางในนิวยอร์ก หรือกลิ่นพิซซ่าจากร้านที่เปิดหน้าร้านโล่ง ไม่ค่อยมีกลิ่นหอมแบบที่วิ่งมาเตะจมูกเอง แล้วชวนให้สนใจมองหาที่มาของกลิ่นแบบเดียวกับเวลาอยู่ญี่ปุ่น มานึกดูแล้วก็รู้สึกว่าญี่ปุ่นมีความเป็นเอกลักษณ์มากจริง ๆ แม้กระทั่งในเรื่องของ “กลิ่น” ในชีวิตประจำวันอย่างนี้
พอนึกถึงกลิ่นของญี่ปุ่นแล้ว บรรยากาศและความทรงจำมากมายเกี่ยวกับญี่ปุ่นก็หวนกลับมาในความทรงจำ อย่างช่วงนี้แม้ญี่ปุ่นและอเมริกาจะอยู่ในฤดูใบไม้ร่วงเหมือนกัน แต่กลิ่นของอากาศและบรรยากาศก็ต่างกันลิบลับ ชวนให้คิดถึงญี่ปุ่นจับใจ
เขาว่ากันว่ากลิ่นมีความเกี่ยวโยงกับสมองโดยตรง และทำให้คนเราหวนนึกถึงความทรงจำ คน หรือสถานที่ที่มีความสัมพันธ์กับกลิ่น ฉันรู้สึกว่าเอกลักษณ์ของกลิ่นแบบญี่ปุ่นที่โปรยอยู่ในทุกอณูของอากาศ เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนจดจำและคิดถึงญี่ปุ่นได้โดยที่ญี่ปุ่นไม่ต้องทำอะไรเป็นพิเศษเลย
แล้วเพื่อนผู้อ่านมีความทรงจำดี ๆ อะไรที่สัมพันธ์กับกลิ่นบ้าง อย่าลืมเล่าสู่กันฟังนะคะ แล้วพบกันสัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"ซาระซัง" เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Onlineทุกวันอาทิตย์.