สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว เพื่อนๆ สบายดีไหมครับ ที่้ประเทศญี่ปุ่นมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่อีกแล้วชื่อว่านายคิชิดะ ฟุมิโอะ 岸田文雄 Kishida Fumio ที่มีคนบอกว่าดูหล่อและเท่ เขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ล่าสุดแทนนายซูงะ โยชิฮิเดะ ที่ลาออกจากตำแหน่งหลังขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้เพียงปีเดียว แน่นอนว่าการเปรียบเทียบและวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ
นายซูงะ โยชิฮิเดะ 菅義偉 Suga Yoshihide นายกรัฐมนตรีคนก่อนมีนิกเนมที่คนญี่ปุ่นตั้งฉายาให้ว่า “ガースー” Gaasuu เขาไม่ได้รับความนิยมจากสาธารณชนนักและมีสถานะเหมือนแก๊สในอากาศ แม้ว่าถ้าพูดถึงผลงานก็นับว่าทำได้ดีระดับหนึ่ง มีการผลักดันในหลายโครงการ เช่น การลดค่าโทรศัพท์เคลื่อนที่และการยกเลิกการใช้ตราประทับฮังโกะที่หน่วยงานของรัฐ ซึ่งหลายคนก็คิดว่านี่เป็นงานที่ดีที่มีผลในระยะยาว แต่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดของญี่ปุ่น ปัญหาผู้สูงอายุล้นประเทศ ไปจนถึงการระบาดหนักของโควิด-19 มีผลทำให้คะแนนนิยมของเขาลดลงเป็นประวัติการณ์ สำหรับเรื่องการรับมือกับโรคระบาดโควิด-19 ที่ทำให้เขาถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ฝ่ายตรงข้ามโจมตีว่ารัฐบาลของเขามีความเชื่องช้าและไม่เด็ดขาด รวมถึงการตัดสินใจของนายซูงะในการผลักดันการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโตเกียว 2020 ด้วย แม้ในที่สุดจะออกมาอย่างราบรื่นแต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้คะแนนนิยมของเขาตกต่ำลง
นายซูงะจึงลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรูปแบบของความพ่ายแพ้ และเขาไม่สามารถเป็นหน้าเป็นตาของพรรคในการเลือกตั้งได้อย่างแท้จริง เพราะเขาไม่เป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนนั่นเอง คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มองว่าบุคลิกของนายซูงะ เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วไม่มีความสนุกรื่นเริง คุ้นเคยสนิทสนมด้วยยาก เข้ากันได้ยาก โดยเฉพาะพวกสื่อที่มักจะวิพากษ์วิจารณ์เขาในแง่ลบ เช่นครั้งที่เขาบอกว่าชอบกินขนมแพนเค้ก และโพสต์รูปแพนเค้กที่ไปรับประทานซึ่งราคาประมาณหนึ่งพันบาท บรรดาสื่อต่างๆ ก็รุมวิจารณ์ว่าเขากินแพงมากเกินไปไหม! ! แต่บางความคิดเห็นก็ไม่คิดว่าการที่เขาชอบแพนเค้กและกินขนมราคาหนึ่งพันบาทจะผิดตรงไหน ที่จริงฐานะเขาก็ไม่ได้ลำเค็ญจนกินอาหารที่ชอบไม่ได้ และดูเหมือนว่าเขาไม่ดื่มสุราที่ใช้เงินมากกว่ากินขนมแพนเค้กในแต่ละครั้ง แต่สื่อก็ไม่นำเสนอเรื่องนั้น
นายซูงะเน้นอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นคนปกติทั่วไปและชีวิตมีขึ้นๆ ลงๆ ด้วยความที่เขาไม่ต้องการที่จะสานต่อธุรกิจฟาร์มสตรอเบอร์รี่ของครอบครัว ดังนั้นเขาจึงเดินทางเข้าโตเกียวเพียงลำพังและหาเงินจ่ายค่าเล่าเรียนสำหรับมหาวิทยาลัยภาคค่ำด้วยตนเอง (การเรียนภาคค่ำ ช่วงกลางคืน ในวันธรรมดา การเรียนแบบนี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเรียนสำหรับผู้ที่ "ลังเลว่าจะเรียนต่อหรือหางานทำ" "อยากตั้งใจเรียนในวลาที่ตัวเองมีจำกัด" และ "กังวลเรื่องค่าเทอมในการเรียนแบบภาคปกติ") ขณะทำงานที่โรงงานผลิตกล่องกระดาษไปด้วย แต่เขาไม่ได้เปิดเผยอาชีพอื่นที่เคยทำ คือมีคนไปขุดคุ้ยมาเช่น อาชีพที่ต้องเกี่ยวข้องกับงานขนส่งสิ่งของที่ท่าเรือในโยโกฮาม่า ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่างานที่เกี่ยวกับท่าเรือมันแหล่งของพวกยากูซ่า ที่นั่นเขาน่าจะมีเพื่อน หัวหน้า ลูกน้องต่างๆ มากมายที่ส่งเสริมต่อการก้าวมาสู่เส้นทางของนักการเมืองได้ แต่เขาก็ไม่เคยพูดถึงประเด็นนี้
สรุปได้ว่าสิ่งที่เขาพยายามนำเสนอบุคลิกของตัวเองให้คนอื่นๆ เห็นคือ อยากจะให้ออกมาในรูปแบบที่มองแล้วเป็นคุณลุงใจดีและน่ารักชอบกินแพนเค้กทำงานอย่างมีความขยันขันแข็งพยายามเรียนหนังสือด้วยตัวเองไม่ได้เป็นคนที่มีภาพลักษณ์ร่ำรวยมากมายอะไร แต่บางมุมที่เขาไม่ได้พูดออกมาและสิ่งที่ทุกคนรู้ก็สามารถคิดได้ว่าเรื่องบางเรื่องนี้ไม่จริงมั้งลุง หรือเรื่องท่าเรือหรือเรื่องของเพื่อนๆ ในแวดวงต่างๆ ซึ่งการที่เขาไม่ได้พูดออกมาเลย มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกขัดแย้งในข้อมูลได้และอาจจะไม่ดีเท่าไหร่นัก
ในทางกลับกันนายคิชิดะ ฟุมิโอะ เหมือนเป็นชนชั้นสูงที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก เขาเกิดในครอบครัวนักการเมืองที่มีบทบาทเป็นสมาชิกรัฐสภาที่สืบทอดต่อกันมาสามชั่วอายุคน มีภาพลักษณ์ที่ดูหรูหรา ฉลาด และเท่ แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการให้คนมองภาพลักษณ์ของชนชั้นสูงจึงพยายามนำเสนอสิ่งที่เป็นความธรรมดาแบบคนทั่วไปบ้าง “ผมไม่ใช่ชนชั้นสูงที่ได้รับการปูทางมาให้ ผมก็มีความรู้สึกลำบากไม่น้อย" โดยบอกว่าเรียนที่โรงเรียนมัธยม Kaisei (โรงเรียนดังเลิศที่นักเรียนส่วนใหญ่สอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยโตเกียวได้ ถ้าไม่เก่งจริง ไม่รวยจริง ครอบครัวไม่ดีเลิศจริงเข้าไม่ได้นะครับ) และเคยสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยโตเกียวไม่ผ่านถึง 3 ครั้ง ในปี 1976, 1977 และ 1978 แต่ในปีที่สามนี้สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัย Keio และมหาวิทยาลัย Waseda ได้ จึงเลือกเรียนวิชากฎหมายจากมหาวิทยาลัย Waseda !! คือสิ่งที่เค้าบอกว่าเค้าลำบากเนี่ย คนญี่ปุ่นอาจจะคิดว่าความลำบากที่ว่าจะเป็นอย่างไรนะ เป็นคนที่ต้องลำบากลำบน ต้องอดทนพยายามเหมือนโอชินอะไรหรือเปล่า แต่ที่เขาบอกว่าเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียวไม่ได้สามครั้งแล้วลำบากนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลำบากอย่างไร ในขณะที่รอสอบอีกสองปีก็มีเงินมีทองที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในโตเกียวได้อย่างนี้คือลำบากหรือเปล่าซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน (´ ・ ω ・ `)
นายคิชิดะ ฟุมิโอ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 ของจังหวัดฮิโรชิมา ของญี่ปุ่น เพิ่งจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมานี้เองซึ่งแน่นอนว่าแอคเคานต์ในโซเชียลมีเดียของเขา ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตา แต่ก็เกิดเรื่องดรามาขึ้นจนได้ จากการที่้เขาทวีตรูป “โอโคโนมิยากิ” หรือพิซซ่าญี่ปุ่น
"เมื่อผมกลับถึงบ้าน ภรรยาของผมทำโอโคโนมิยากิ ผมชอบโอโคโนมิยากิที่ภรรยาทำ ดีที่สุดเสมอ แต่วันนี้เป็นอาหารจานอร่อยที่ผมจะไม่มีวันลืม ขอบคุณ" นี่คือโพสต์ในวันที่ได้รับตำแหน่ง ↑ คนในโซเชี่ยลทวีตกันหลากหลายและน่าสนใจมาก บ้างก็ว่าดูเหมือนว่าเขาต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
ซึ่งก็มีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องภาพที่เขาโพสต์นี้กันมากในหลายๆ ประเด็น ซึ่งจากที่อ่านความคิดเห็นต่างๆ ก็มีความน่าสนใจและสนุกอยู่ไม่น้อย มีทั้งชื่นชมและวิจารณ์ว่าในแง่ลบ เช่น การที่เขาแสดงรูปอาหารที่ภรรยาทำและเขาบอกว่าชอบมากอร่อยมากก็เป็นเรื่องที่ดี ที่คนในพรรคนี้มี ซึ่งก็คือข้อดีที่ให้เกียรติให้ความเคารพผู้หญิงและครอบครัว ไม่เหมือนกับพรรคฝ่ายตรงข้ามที่จะไม่มีตรงนี้ ซึ่งฝ่าย feminism มาโจมตีว่า แบบนี้กดดันครอบครัว ใช้ภรรยาทำอาหารและทำงานบ้านมากเกินไปหรือเปล่า เป็นต้น หลายความคิดเห็นมาแย้งว่าก็สาเหตุที่พรรคเสรีนิยมหรือพรรคคอมมิวนิสต์ และพรรคสตรีนิยมในญี่ปุ่นไม่สามารถยึดครองสภาได้ก็เพราะไม่มีมุมที่สื่อให้เห็นว่ารักเคารพนับถือครอบครัว(о´∀`о)" นี่แหละ
นอกจากนั้นก็มีอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ซอสที่เห็นในรูปที่เขาโพสต์ มันหมดอายุไปแล้ว!! ซึ่งหลายๆ คนก็มาขำขันและหัวเราะตรงนี้ว่าเอ๊ะคนอายุ 60 กว่าปีที่บอกว่าทำอาหารกินเอง ทำอาหารอร่อยทุกวันยังใช้ซอสที่หมดอายุอยู่อีกหรอ จริงหรือเปล่าเนี่ย แต่บางคนก็บอกว่าต้องการให้เห็นภาพลักษณ์ที่ดูจนหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ
ซึ่งจากนี้ไปนายคิชิดะจะนำพรรคเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democratic Party หรือ LDP ) ที่แม้จะบอกว่า LDP แต่ดูเหมือนความเป็นจริงแล้ววิธีการเลือกผู้นำนั้นไม่ใช่ทั้งแบบเสรีนิยมและแบบประชาธิปไตยจะเป็นเชิงอนุรักษ์นิยมมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งทั่วไปจะถูกจัดขึ้นตามกำหนดการในเร็วๆ นี้ ดังนั้นก็ยังคาดเดาอนาคตไม่ได้เลยสำหรับ Kishida Fumio ผู้รักในสาเกและนักดื่ม แต่สื่อญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าเขาจะประกาศให้มีการเลือกตั้งภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ หากเขาไม่สามารถทำตามนโยบายและรักษาสมดุลย์ได้ นายคิชิดะก็อาจจะต้องลงเอยด้วยการอยู่ในตำแหน่งเพียงเดือนเดียว เป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งในเวลาสั้นๆ แบบเดียวกับนายซูงะ และในสถานการณ์ที่โรคโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอยู่อย่างนี้และสถานการณ์ของความผันผวนต่างๆ จะทำให้อนาคตการเมืองและทิศทางของประเทศญี่ปุ่นเดินทางไปเป็นแบบไหนเช่นไรก็คงจะต้องติดตามกันต่อไป วันนี้เล่าสู่กันฟังนะครับ สวัสดีครับ