[ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไวน์ญี่ปุ่น] ความแตกต่างของพันธุ์และวิธีเลือกไวน์ในลักษณะที่เข้าใจง่าย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีจำนวนโรงบ่มไวน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น สร้างความเพลิดเพลินในการเลือก "ไวน์ญี่ปุ่น" ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม มีไวน์ที่เข้ากันได้ดีกับอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ดังนั้นสามารถค้นหาไวน์ที่เข้ากันได้ดีกับอาหารของคุณได้เช่นกัน ซึ่งการเลือกสรรไวน์ใหม่ๆ ที่เหมาะกับรสนิยมของตัวเองหรือถ้าคุณชอบเหล้าสาเกมากกว่าและไม่ค่อยคุ้นเคยกับไวน์ ... อยากแนะนำให้ลองดูก่อน

ครั้งนี้จะมาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งผลิตไวน์ในแต่ละภูมิภาค พันธุ์องุ่น และความรู้พื้นฐานในการเลือกไวน์ให้อร่อย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ที่มาสอนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับไวน์ที่ผู้เริ่มต้นควรรู้

ความรู้เกี่ยวกับไวน์ เช่น ความแตกต่างขึ้นอยู่กับพื้นที่การผลิตและการเลือกไวน์ตามลักษณะอาหาร สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้ ไม่เพียงแต่สำหรับการเลือกไวน์ที่จะดื่มในแต่ละวันเท่านั้น แต่ยังสำหรับการเลือกของที่ระลึกให้คนรู้จักอีกด้วย

*บทความนี้เป็นข้อมูล ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2564 วันเวลาและสถานที่ วันหยุดและเวลาทำการ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงในทุกวัน กรุณาติดต่อแต่ละสถานที่ / ร้านค้าล่วงหน้าเพื่อรับข้อมูลล่าสุด

เราสามารถเห็นก็รู้ได้ว่าเป็น "ไวน์ญี่ปุ่น" จากฉลากที่ขวด เพราะจะมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเป็น "ไวน์ญี่ปุ่น"

ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 เป็นต้นไป ไวน์ที่ผลิตในโรงบ่มและไวน์ญี่ปุ่นโดยใช้องุ่นที่ปลูกในประเทศจะถูกระบุว่าเป็น "ไวน์ญี่ปุ่น" จึงสามารถอ่านดูได้จากฉลากว่าองุ่นที่ปลูกนั้นมาจากญี่ปุ่นหรือไม่ ไวน์ในประเทศบางชนิดใช้น้ำผลไม้นำเข้า


🍇พื้นที่ผลิตองุ่น

นอกจากนี้ ข้อบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ทำให้สามารถระบุภูมิภาคที่เป็นพื้นที่ปลูกองุ่นที่นำมาใช้ได้

ต้นกำเนิดและลักษณะของไวน์ญี่ปุ่นคืออะไร?

จำนวนโรงบ่มไวน์ในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 270 โรง พื้นที่การผลิตกำลังขยายตัวเป็นอย่างมาก

ซึ่งจะอธิบายลักษณะคร่าวๆ ของไวน์ในแต่ละจังหวัด คือ


◇ฮอกไกโด

กำลังนิยมปลูกองุ่นพันธุ์ ปิโน นัวร์ (Pinot Noir) เยอรมันเพราะเหมาะสำหรับบริเวณที่มีอากาศเย็น ขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นมาก

◇อิวาเตะ

การผลิตไวน์เริ่มหลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งไวน์ของพื้นที่เข้ากันได้ดีกับอาหารทะเลซันริคุ

◇ยามานาชิ

พันธุ์พื้นเมือง "โคชู" ที่ปลูกมายาวนานตั้งแต่เมื่อ 1,300 ปีก่อนมีชื่อเสียงมาก รวมถึงมัสกัตเบลีย์เอด้วย

◇ยามากาตะ

เป็นพื้นที่เพาะปลูกผลิตผลที่ใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศลุ่มน้ำ องุ่นพันธุ์เดลาแวร์ เป็นที่นิยมมาก

◇นีงาตะ

จำนวนโรงบ่มไวน์ที่กำลังมาแรงและขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยนิยมปลูก Muscat Bailey A ซึ่งมีต้นกำเนิดในบริเวณนี้

◇นากาโนะ

มีชื่อเสียงมายาวนานในฐานะศูนย์การผลิตของ Merlot ปลูกองุ่นดำพันธุ์ยุโรป

◇โอซาก้า

ศูนย์การผลิตที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานติดกับยามานาชิ ที่เป็นที่นิยมของแหล่งไวน์ภายในประเทศซึ่งมีอุณหภูมิแตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน

◇โอคายามะ

ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นศูนย์การผลิตองุ่นเพื่อการบริโภคดิบ ต่อมามีการผลิตไวน์ได้แบบสบายๆ เช่นไวน์หวานของที่นี่ก็เป็นที่นิยม

◇ มิยาซากิ

เพาะพันธุ์องุ่นที่ใช้ดินเถ้าภูเขาไฟที่มีการระบายน้ำดี ผู้ผลิตเหล้าโชจูก็อยู่ในพื้นที่เช่นกัน


●ทำไมจำนวนโรงบ่มไวน์ในญี่ปุ่นจึงเพิ่มขึ้น?

เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป มีจำนวนผู้ที่นิยมบริโภคเหล้าสาเกและแอลกอฮอล์มากขึ้นในทางกลับกันไวน์ญี่ปุ่นได้รับการประเมินคุณภาพค่อนข้างสูงในต่างประเทศ เพราะดีต่อสุขภาพและเข้ากันได้ดีกับอาหารญี่ปุ่นยอดนิยม เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถขายไปยังตลาดต่างประเทศที่ใหญ่กว่าญี่ปุ่นได้ ความพยายามในเชิงพาณิชย์จึงเริ่มมีบทบาทในหลายพื้นที่

●ขอแนะนำพันธุ์องุ่นที่เหมาะกับสภาพอากาศของญี่ปุ่น

สายพันธุ์ "Koshu", "Delaware" และ "Muscat Bailey A" เป็นองุ่นสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงในบรรดาพันธุ์องุ่นในญี่ปุ่น แต่พันธุ์ยุโรปก็ได้รับการปลูกไว้เช่นกันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและภูมิอากาศในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งจะให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีการปลูกพันธุ์อื่นๆ ทั่วๆ ไปที่เข้ากับสภาพอากาศของญี่ปุ่นซึ่งช่วยสร้างความแปลกใหม่อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีรายชื่อพันธุ์องุ่นต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณค้นหาไวน์ที่เหมาะกับการทำอาหารของคุณอีกด้วย

โดยทั่วไปแล้วไวน์จะเป็นเครื่องดื่มที่นำมาดื่มร่วมกับมื้ออาหาร หากเข้าใจอาหารที่ตรงกับลักษณะรสชาติขององุ่นแต่ละพันธุ์ คุณสามารถใช้เป็นแนวทางในการเลือกไวน์ได้ด้วย นอกจากนี้ยังจะเป็นข้อมูลอ้างอิงในการเลือกของที่ระลึกตามอาหารที่โปรดปรานอีกด้วย

☆ไวน์ขาว


●พันธุ์โคชู
ไวน์ที่ผลิตในยามานาชิมาตั้งแต่ 1,300 ปีที่แล้ว ไวน์นี้เป็นไวน์ที่ชาวบ้านดื่มทุกวันและเข้ากันได้ดีมากกับอาหารญี่ปุ่น!

[อาหารที่เข้ากัน] ซาซิมิ ปลาย่าง ชาบูชาบูหมู อาหารหมักน้ำส้มสายชู ผักดอง ฯลฯ

●พันธุ์เดลาแวร์
พันธุ์ที่ปลูกมาอย่างยาวนานในญี่ปุ่นควบคู่ไปกับโคชู มีกลิ่นแรง จึงสามารถใช้กับอาหารประเภทปลาตะวันตกและอาหารประจำชาติที่มีรสชาติของสมุนไพรได้

[อาหารเข้ากัน] Carpaccio, Aqua Pazza, อาหารประจำชาติ, สมุนไพร ฯลฯ

●พันธุ์ชาร์ดอนเนย์
เป็นตัวแทนของไวน์ขาว มีรสชาติเข้มข้นจากยุโรป และเหมาะสำหรับอาหารตะวันตก เช่น เนยและครีมซอส มากกว่าอาหารญี่ปุ่น

[อาหารที่เข้ากัน] สตูว์ครีม ไวท์ซอส ฟาร์เซลเล็ตเดอโคโลนี ชีสเนื้อ ฯลฯ

●พันธุ์โซวิญอง บล็อง
พันธุ์ยุโรปยอดนิยมที่มีกลิ่นหอมและความสดชื่นที่เข้มข้น มีมากมายในฮอกไกโดและนากาโนะ เหมาะสำหรับอาหารทะเลที่ปรุงรสอย่างล้ำลึก

[อาหารที่เข้ากัน] อาหารทะเลผัดเนย ผักย่าง น้ำมันมะกอก ฯลฯ

☆ ไวน์แดง

●พันธุ์มัสกัตเบอร์รี่เอ
ไวน์แดงหลากหลายชนิดที่มีมาช้านานในญี่ปุ่น มีกลิ่นหอมหวานอย่างสตรอเบอร์รี่ เข้ากันได้ดีกับอาหารรสหวานอมเปรี้ยวของซีอิ๊ว มิโซะ และซอส

[อาหารที่เข้ากัน] หมูผัดขิง สุกี้ยากี้ สตูว์ ฮอกไก หม้อไฟจิเก ฯลฯ

●พันธุ์ Merlot
พันธุ์ที่มีความเหมาะสำหรับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่เรียกว่าอาหารแบบราชวงศ์ เหมาะสำหรับงานเฉลิมฉลองและงานปาร์ตี้

[อาหารที่เหมาะ] สเต็ก สตูว์เนื้อ เนื้อย่าง ฯลฯ


●พันธุ์ Pinot Noir
พันธุ์ที่มีต้นกำเนิดในบูร์กอญ ฝรั่งเศส องุ่นที่ผลิตในประเทศ เข้ากันได้ดีกับอาหารรมควันและอาหารประเภทตากแห้ง

[อาหารที่เข้ากัน] Jibie, เนื้อแห้ง, เบคอน (รมควัน), ชีสแพะและแกะ

●พันธุ์ Syrah
พันธุ์ออสเตรเลีย รสชาติเบาๆ และดื่มง่าย ปัจุบันนี้ได้รับการปลูกเพิ่มขึ้นแถบจังหวัดยามานาชิและเป็นที่นิยมเช่นกัน ส่วนใหญ่ต้องการจับคู่กับปลาแม่น้ำที่มีกลิ่นหอม

[อาหารที่เหมาะ] ปลาแม่น้ำ ฯลฯ

◇จุดหลักที่จะเพลิดเพลินไปกับการดื่มไวน์

มีหลากหลายวิธีในการเพิ่มความเพลิดเพลินกับการดื่มไวน์ เช่น การเดินทางไปยังโรงบ่มไวน์ทั่วประเทศญี่ปุ่น ดื่มไวน์ที่ร้านอาหารที่มีอาหารที่เข้ากันได้ดีกับไวน์ประเภทนั้นๆ หรือซื้อไวน์ญี่ปุ่นมาดื่มที่บ้าน หากเรารู้จักไวน์ของแต่ละภูมิภาค ลองชิมรสชาติหรือปรึกษากับพนักงานของร้านเพื่อค้นหาไวน์ที่คุณชอบและเพลิดเพลิน