xs
xsm
sm
md
lg

ต้นไม้ที่แม่บ้านญี่ปุ่นห้ามลูกๆ เอาเข้ามาปลูกในบ้าน !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว ผมมีเพื่อนรุ่นพี่อยู่คนหนึ่งนานๆ จะติดต่อกันที แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าผมเกือบยี่สิบปีแต่ก็คุยกันได้ถูกคอ ตอนที่ต่างคนก็ยังอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นก็จะมีนัดเจอกันบ้างถ้ามีโอกาสหรือตามวาระต่างๆ ครั้งที่คุณพ่อของเพื่อนรุ่นพี่เสียชีวิตผมก็ได้ไปร่วมพิธีศพที่ครอบครัวเขาจัดขึ้นที่สถานที่ประกอบพิธีศพ แห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงผมก็ทำความเคารพคุณแม่และครอบครัวของเพื่อนและนำเงินช่วยงานศพไปให้ ตอนนั้นคุณแม่ของเพื่อนรุ่นพี่ก็ชวนผมกินข้าวที่งานด้วย แต่ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนญี่ปุ่นบางครั้งผมก็ตัดสินใจยากอยู่เหมือนกันว่าการชวนใดๆ ของคนญี่ปุ่นนั้นเป็นการชวนจริงหรือไม่จริง เพื่อนๆ จำเรื่องที่ผมเล่าอาทิตย์ที่แล้วได้ไหมครับ


ถ้าคนเกียวโตชวนให้ดื่มกาแฟ หนึ่งในสี่ตัวเลือกที่ให้มา มีเพียงข้อเดียวเท่านั้นที่เขาชวนให้คุณดื่มกาแฟจริงๆ และ・ถ้าคนเกียวโตพูดว่า "ถ้างั้นมากินข้าวราดน้ำชา บุบุทสึเคะ (ぶぶ漬け) ก่อนไหม ? " มีความหมายเหมือนกันกับสิ่งที่เอลฟ์ชั้นสูงในนิยายแฟนตาซีพูดว่า "ฉันบอกแล้วว่าให้แกออกไป อยากจะเจ็บตัวใช่ไหม..."

ซึ่งการชวนตามมารยาทแบบนี้ หรืออาจจะมีความหมายอื่นๆ แฝงอยู่เป็นเรื่องที่คนญี่ปุ่นยังคิดเล็กคิดน้อยอยู่จริง ต้องบอกตามตรงว่าแม้แต่คนญี่ปุ่นเองบางทีก็แปลความหมายไม่ถูกเหมือนกัน วันนั้นผมก็เลยขอปฏิเสธแบบเป็นกลางๆ ไว้ก่อน แต่ที่จริงแล้วแขกจะรับประทานอาหารก็ได้ไม่รับประทานก็ได้นะครับแต่ผมคิดว่าผมไม่ได้เป็นบุคคลในครอบครัวเลยคิดว่าปฏิเสธดีกว่า แต่ว่าหลังจากที่งานเสร็จสิ้นลงแล้ว คุณแม่ของเพื่อนก็ให้เพื่อนติดต่อมาชวนผมไปเที่ยวเล่นที่บ้านชวนให้ไปกินข้าวกัน


ดังนั้นเมื่อมีการชวนอีกครั้งแบบนี้ผมจึงไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญ และได้เดินทางไปบ้านคุณแม่ของเพื่อนรุ่นพี่ และเพื่อนรุ่นพี่ก็เดินทางจากที่พักที่เขาอยู่อาศัยมาที่บ้านคุณแม่เขาเช่นกัน ที่จริงอาจจะเป็นเพราะคุณแม่อยากจะชวนให้ลูกตัวเองมาบ้านและมารับประทานอาหารกับแม่บ้างก็ได้นะครับจึงชวนผมมาด้วยเพื่อที่ลูกของเขาจะต้องมารับรองตามมารยาท หลังจากที่คุณพ่อของเพื่อนเสียชีวิตไปคุณแม่ของเพื่อนก็อาศัยอยู่ในห้องในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งเพียงคนเดียว แม้จะมีขนาดห้องไม่กว้างขวางใหญ่โตนักแต่ก็เป็นสัดส่วนและดูหรูหรา คุณแม่ทำอาหารและเครื่องดื่มมากมายมาต้อนรับผมและลูกของเขา พวกเราสามคนก็รับประทานอาหารไป พูดคุยสัพเพเหระกันไปเรื่อยๆ ด้วยบรรยากาศผ่อนคลายและมีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ ดูคุณแม่จะมีความสุขที่ลูกกลับมาที่บ้านในวันนั้น คุณแม่ของเพื่อนถามว่าผมเป็นยังไงบ้าง ผมอายุยังน้อยอยู่แต่มีการมีงานทำเป็นหลักแหล่ง แต่งงานมีครอบครัวแล้วน่าอิจฉาจริงๆ แต่ลูกของเขาเสียอีกตอนนั้นก็อายุจะห้าสิบปีแล้ว ไม่ได้ทำงานอะไรและไม่มีวี่แววว่าจะมีแฟนเลย อันที่จริงคุณแม่เขาอาจจะอยากบอกลูกเขาก็ได้นะครับ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร คุยกันไปเรื่อยๆ


ต้องบอกก่อนว่าเพื่อนรุ่นพี่ของผมเขาไม่ได้อยู่กับครอบครัวมานานแล้ว ได้ข่าวว่าเขาแยกตัวออกไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวและไม่ค่อยได้ติดต่อกับครอบครัวมากนัก ซึ่งสังคมคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นแบบนี้จะไม่ค่อยแสดงความผูกพันกับครอบครัวนักต่างจากสังคมแบบเมืองไทยค่อนข้างมาก เพื่อนคนไทยของผมยังอาศัยเป็นครอบครัวใหญ่อยู่ร่วมกับพ่อแม่ปู่ย่าตายาย หรือบางคนที่แยกตัวออกมาสร้างครอบครัวตัวเองก็ยังติดต่อพูดคุยกับพ่อแม่วันละสามเวลา และมีส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่ซึ่งที่จริงผมก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่คนญี่ปุ่นคือถ้าไม่มีวาระโอกาสพิเศษหรืองานเทศกาลงานพิธีอย่างเช่น งานศพของคนที่บ้านเค้าก็อาจจะไม่ได้กลับไปเจอคุณพ่อคุณแม่เขาเลย เพื่อนผมก็เหมือนกันคือไม่ได้เจอแม่เขามานานมากเวลาเจอกับแม่เขาก็ถามทุกข์สุขกันเหมือนคนที่ไม่ได้มีการอัพเดทข้อมูลในชีวิตกันมานาน คุณแม่เค้าถามเพื่อนผมว่าตอนนี้ลูกทำอะไรอยู่? เพื่อนก็ตอบไป แม่ถามว่าแล้วลูกมีงานอดิเรกอะไรบ้าง? เพื่อนก็ตอบว่าเลี้ยงปูบ้าง แล้วก็ปลูกต้นไม้ที่สามารถเอามาปลูกที่อพาร์ทเมนท์ได้ และเพื่อนก็บอกว่าคิดว่ากำลังจะปลูกต้นไผ่!! จากก่อนหน้านี้ที่พวกเราพูดกันมาเรื่อยๆ อย่างมีอรรถรส คุยกันด้วยอารมณ์เบาๆ สบายๆ แต่หลังจากที่เพื่อนแค่บอกว่าจะปลูกต้นไผ่เท่านั้นแหละ คุณแม่ก็โพร่งออกมาด้วยความตกใจและโกรธเล็กๆ ว่า 竹「だけ」は駄目! Take 「dake」 wa dame!ประมาณว่า แกจะทำอะไรก็ได้ตามใจแก แต่ถ้าจะปลูกต้นไผ่ละก็ อย่าเชียวนะ ฉันขอห้าม !! ไม่ได้ ไม่ได้ ! การสนทนาสิ้นสุดลง Σ J(`∀´;)し


* ความรู้เพิ่มเติม 通夜振る舞い ในงานพิธีศพช่วงกลางคืนเป็นธรรมเนียมของการนิมนต์พระสงฆ์และผู้เข้าร่วมงานพิธีไปยังห้องที่แยกส่วนไว้ต่างหากหลังจากสิ้นสุดพิธีในคืนนั้น เพื่อร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีความหมายในเรื่องการชำระล้างสิ่งชั่วร้ายและบำเพ็ญกุศลให้ผู้เสียชีวิตอีกด้วย เจ้าภาพจัดงานหรือครอบครัวผู้ไว้ทุกข์หรือครอบครัวผู้เสียชีวิต ต้องร่วมพิธีการนี้  ซึ่งรายละเอียดของอาหารก็ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม เช่น ในพิธีทางพุทธศาสนา (= งานศพของชาวพุทธ) ซึ่งหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์และปลา อาจจะเป็นอาหารมังสวิรัติเป็นอาหารจานหลัก และหลีกเลี่ยงส่วนผสมสำหรับการเฉลิมฉลอง บางแห่งทำเป็นอาหารจานใหญ่ เช่น แซนวิช ซูชิ และออร์เดิร์ฟที่คนจำนวนมากหยิบขึ้นมารับประทานได้ง่ายๆ นอกจากนี้จะเตรียมเหล้า เบียร์และสาเก และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮล์ไว้ดื่มด้วย

เมื่อนึกถึงเรื่องต้นไผ่นี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องการดูแลพืชพรรณและต้นไม้ ว่าการที่เราจะปลูกพืชอย่างหนึ่งให้ออกดอกออกผลได้นั้นไม่ใช่จะนึกปุ๊บแล้วได้ผลเลย ต่างก็ต้องอาศัยระยะเวลาเลี้ยงดู ที่ญี่ปุ่นมีคำกล่าวหนึ่งที่ว่า 桃栗三年柿八年 "โมโมกุริ(ลูกพีชและเกาลัด) 3 ปี คะกิ(ลูกพลับ) 8 ปี" ความหมายคือ ต้องใช้ระยะเวลานานหลายปีในการปลูกต้นไม้จนติดดอกออกผล (กว่าจะเก็บเกี่ยวได้) แน่นอนเปรียบเปรยว่าสิ่งต่างๆ ไม่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน และต้องใช้เวลาตามนั้น ซึ่งวลีนี้เปรียบเปรยเหมือนสิ่งต่างๆ ที่เรากระทำในชีวิตอาจจะต้องใช้เวลาตามที่เหมาะสมจึงจะเกิดผลเกิดประโยชน์ และเป็นคำสอนให้รู้จักการรอคอยอย่างอดทน อาทิเช่น การเล่าเรียนหรือการทำงานอาจจะต้องอาศัยเวลามาก


แต่ทว่าแม้จะบอกว่าพืชพรรณต่างๆ ต้องใช้เวลาในการเติบโตแต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ขอละไว้ นั้นก็คือต้นไผ่ครับ

คนญี่ปุ่นและแม่บ้านชาวญี่ปุ่นรู้ว่าต้นไผ่เป็นพืชที่โตเร็วมาก สามารถเติบโตได้สูงถึง 1 เมตรต่อวัน มีคนเคยบอกว่า ระหว่างทางเดินขึ้นไปหาผักบนภูเขา เขาก็เห็นหน่อไม้ข้างทาง จึงคิดจะแวะถ่ายรูปหน่อไม้สักหน่อยแต่ก็คิดว่าขากลับตอนเย็นค่อยถ่ายก็ได้ แต่พอขากลับมาดูอีกทีหน่อไม้นั้นก็ยืดเกินจะกินหน่อไม้เสียแล้ว ถ่ายรูปก็ไม่ทัน!

ความเร็วของการเจริญเติบโตของต้นไผ่ จากหน่อไม้ซึ่งเป็นหน่ออ่อนอยู่ที่ประมาณหลายเซนติเมตรต่อวันเมื่อโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นผิวดิน แต่หลังจากนั้นประมาณ 10 วัน ไผ่จะเติบโตหลายสิบเซนติเมตรต่อวัน และบางพันธุ์สามารถเติบโตได้มากกว่า 1 เมตรในหนึ่งวัน และมีบันทึกว่าพันธุ์มาตาเกะเติบโต 1.21 เมตร และ 1.19 เมตรสำหรับไผ่พันธุ์โมโซ


การปลูกต้นไม้ใดๆ ไว้ในสวนต้องดูความเหมาะสมของประเภทของต้นไม้ด้วย การปลูกต้นไผ่ไว้ใกล้บ้านหรือในสวนอาจถูกห้าม ด้วยเหตุผลเรื่องความโตเร็วของต้นไผ่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณแม่ของเพื่อนผมห้ามไม่ให้เพื่อนเอาต้นไผ่มาปลูกเด็ดขาด มีบางบ้านปลูกต้นไผ่จนต้นโตทะลุพื้นบ้านเลยก็มี ยิ่งถ้าปลูกต้นไผ่ในบริเวณที่มีน้ำและความชื้นเหมาะสมก็จะยิ่งเร่งให้ต้นไผ่เติบโตเร็วยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้ถ้าวันหนึ่งเกิดเปลี่ยนใจต้องการเอาต้นไผ่ออกจากบริเวณที่เคยปลูกไว้ก็เป็นเรื่องยากลำบากจะขุดถอนรากถอนโคนก็ไม่ค่อยจะยอมหลุดออกไปง่ายๆ ถอนไปแล้วไม่นานก็โตขึ้นมาอีกเรื่อยๆ


แต่ถ้าใครอยากจะปลูกไผ่จริงๆ ควรเลือกพันธุ์ต้นไผ่ที่เป็นไผ่พุ่มมากกว่าไผ่ที่โตสูงแผ่กิ่งก้านสาขานะครับ แต่ใช่ว่าไผ่จะไร้ประโยชน์มีประโยชน์มากสำหรับนินจาสมัยก่อนครับ โดยปกติแล้วอาชีพนินจาคือการเป็นสายลับ ดังนั้นนินจาที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจึงไม่ใช่นินจาที่ยอดเยี่ยม (หากพวกเขายอดเยี่ยมจริงๆ จะไม่มีชื่อ ไม่มีบันทึก หรือ KAGE(เงา)เหลืออยู่) แต่ด้วยเหตุผลบางประการ เรื่องการควบคุมอาหารและการฝึกของนินจายังคงมีรายละเอียดและบันทึกต่างๆ หลงเหลืออยู่ คือสมัยก่อน มีบันทึกไว้ว่านินจาใช้ต้นไผ่เป็นเครื่องมือในการฝึกกระโดดระดับการกระโดดสูง นินจาจะกระโดดตั้งแต่ต้นหน่อไม้ยังเล็กโดดไปเรื่อยๆ มันจะสูงขึ้นๆ อย่างไวแม้ภายในวันเดียว นินจาก็จะต้องโดดให้สูงมากกว่านั้น พอเจอต้นไผ่ก็กระโดดข้าม ไผ่ก็โตไว ก็ยิ่งต้องกระโดดให้สูงขึ้น ได้ออกกำลังขาและทุกส่วน น่าเอามาฝึกบ้างนะครับ วันนี้เล่าสู่กันฟัง สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น