สื่อญี่ปุ่นวิจารณ์การเสกสมรสของ “เจ้าหญิงมาโกะ” ท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวของฝ่ายชาย และการไม่ยอมรับของราชวงศ์ว่าเหมือนกับการหนีตามกันไปใช้ชีวิตในสหรัฐ
เจ้าหญิงมาโกะจะเสกสมรสกับนายเค โคมูโระ ในช่วงปลายปีนี้ โดยทรงแสดงพระประสงค์ที่จะไม่จัดงานพิธีการใดๆ ตามราชประเพณี ไม่รับเงินส่วนพระองค์จากการสละฐานันดร และอาจย้ายไปพำนักในสหรัฐ นายโคมูโระจะทำงานเป็นทนายความที่นั่น
อ่านที่ “เจ้าหญิงมาโกะ” จะเสกสมรสคู่รักหนุ่ม ไม่จัดพิธี ไม่รับเงินหลวง ย้ายไปสหรัฐ
เจ้าหญิงมาโกะและนายโคมูโระเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมหาวิทยาลัยตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน ทั้งคู่เปิดเผยตัวต่อสาธารณชนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แต่เนื่องจากครอบครัวฝ่ายชายมีข้อครหามากมาย ทำให้พิธีหมั้นหมายถูกเลื่อนอย่างไม่มีกำหนดจนถึงขณะนี้
สื่อมวลชนญี่ปุ่นได้ขุดคุ้ยประวัติครอบครัวของนายโคมูโระ และเปิดเผยข้อด่างพร้อยมากมายที่ทำให้ทั้งสำนักพระราชวัง และประชาชนชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งยอมรับไม่ได้ เป็นต้นว่า
นายโคมูโระกำพร้าพ่อตั้งแต่เด็ก ตอนที่เขาอายุ 10 ขวบ พ่อของเขาฆ่าตัวตาย และอีกเพียง 1 สัปดาห์ต่อมา ปู่ก็ฆ่าตัวตายเช่นกัน
เพื่อนสมัยเรียนของนายโคมูโระบอกว่าเคยถูกเขากลั่นแกล้ง เตะเหมือนลูกฟุตบอล และใช้คำพูดเหยียดหยาม รังแกอยู่นานถึง 2 ปี แต่นายโคมูโระก็ไม่เคยคิดจะขอโทษ
หลังสามีเสียชีวิต แม่ของนายโคมูโระได้คบหากับผู้ชายคนใหม่ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน โดยคาดว่าเป็นเพราะแม่ของเขาต้องการรักษาสถานะ “แม่หม้าย” เพื่อรับเงินสวัสดิการจากรัฐถึงปีละ 1.52 ล้านเยน (ราว 4 แสนบาท)
แม่ของนายโคมูโระได้ยืมเงินจากคู่รักคนใหม่ 4 ล้านเยน เพื่อเป็นค่าเล่าเรียนและใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยของนายโคมูโระ แต่หลังจากนายโคโมโระเรียนจบ มีงานทำ และยังไปเรียนต่อที่สหรัฐ 3 ปี แต่กลับไม่ได้คืนเงินดังกล่าวทั้งที่ถูกทวงถาม โดยอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา
สื่อมวลชนญี่ปุ่นได้เผยภาพนายโคมูโระในช่วงที่อยู่ในสหรัฐ ใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญ ใกล้ชิดกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา และเที่ยวกลางคืน
มกุฎราชกุมารอากิชิโนะ พระบิดาของเจ้าหญิง เคยตรัสว่าให้นายโคมูโระและแม่จัดการเรื่องการเงินให้เรียบร้อย เพื่อให้สาธารณชนสิ้นความคลางแคลงใจ แต่นายโคมูโระก็ไม่ได้ดำเนินการ และเลือกจะหลบข่าวไปยังสหรัฐ จนกระทั่งเมื่อเดือนเมษายน นายโคมูโระจึงได้ออกแถลงการณ์ยาวถึง 28หน้า และบอกว่าจะหาเงินเพื่อคลี่คลายปัญหานี้
ราชวงศ์ไม่จัดพิธีเสกสมรส ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
หนังสือพิมพ์ “โยมิอุริ ชินบุน” ให้ความเห็นว่า ถึงแม้เจ้าชายอากิชิโนะ พระบิดาของเจ้าหญิง จะยินยอมให้ทั้งคู่แต่งงานกัน แต่การไม่จัดพิธีเสกสมรสก็แสดงว่าฝ่ายราชวงศ์จะไม่ติดต่อกับครอบครัวของนายโคมูโระอีก ไม่ต่างกับการ “หนีตามกันไป”
หนังสือพิมพ์ “อาซาฮี ชินบุน” ระบุว่า เจ้าหญิงมาโกะทรงปฏิเสธที่จะรับเงินจากสละฐานันดรราว 130 ล้านเยน (ราว 40 ล้านบาท) เพราะทรงตระหนักว่า เงินนี้เป็นงบประมาณจากภาษีของประชาชน แต่สำนักพระราชวังต้องหารือกับรัฐบาลว่ามีช่องทางกฎหมายที่จะให้เจ้าหญิงไม่รับเงินนี้ได้หรือไม่
การใช้ชีวิตในสหรัฐของทั้งคู่ยังทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นต้องหารือเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย เพราะถึงแม้เจ้าหญิงจะสละฐานันดรเป็นสามัญชนแล้ว ก็ยังถือว่า “บุคคลสำคัญ” ที่ทั้งรัฐบาลและสำนักพระราชวังต้องดูแลสวัสดิภาพ
“บุพเพสันนิวาส” ระหว่างเจ้าหญิงมาโกะกับนายโคมูโระ คงจะไม่ยุ่งยากเช่นนี้หากไม่มี “ฐานันดร” เนื่องจากสมาชิกราชวงศ์ญี่ปุ่นได้รับค่าใช้จ่ายในชีวิตจากเงินงบประมาณ การยอมรับจากประชาชนจึงเป็นส่วนสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
กลุ่มหนุ่มสาวส่วนใหญ่สนับสนุนการตัดสินใจและอวยพรเจ้าหญิง คิดว่า “รักไม่มีพรหมแดน รักไม่มีศาสนา” แต่ประชาชนจำนวนไม่น้อยก็เป็นห่วงชีวิตหลังแต่งงานของเจ้าหญิง เพราะ “รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ”.