xs
xsm
sm
md
lg

ทำไมแท่นชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นถึงลดลง?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ก่อนหน้านี้ผู้เขียนเคยนำเสนอเรื่องราวของการขยายตัวขยายโรงงานของรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ Tesla แล้วก็พูดถึงเรื่องของความนิยมในรถยนต์ไฮบริด Toyota Prius ซึ่งเท่าที่เราได้ยินได้ฟังกันนั้นว่าในประเทศที่พัฒนาแล้วพยายามจะผลักดันให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้ได้จนถึง 100% พูดอีกอย่างก็คือจะเลิกใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันกันให้หมด (ในอนาคต) ญี่ปุ่นเองในฐานะที่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วก็พยายามผลักดันการให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยการติดตั้งแท่นชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าตามที่ต่างๆ แต่ทำไมแท่นอย่างว่าถึงจำนวนลดลงนั้น ลองมาติดตามอ่านกันดูครับ

เหตุผลที่แท่นชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นลดลง


ในการสำรวจที่จัดทำโดยบริษัทจัดทำแผนที่ของญี่ปุ่นนั้น จากที่เริ่มการสำรวจในปี 2010 จำนวนแท่นชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้านั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่พอมาถึงปี 2020 พบว่ามีแท่นชาร์จดังกล่าวในที่สาธารณะ เช่น อาคารพาณิชย์และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านที่พักซึ่งทุกคนสามารถใช้งานได้อยู่ที่ 29,233 แห่ง ลดลง 1,087 แห่งเทียบกับปี 2019

สาเหตุเพราะ “มันเสื่อมสภาพแล้ว”

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องผลักดันให้รถยนต์ใหม่ทุกคันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2035 จึงให้มีการสร้างแท่นชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นๆ แต่ทว่า แท่นหนึ่งๆ นั้น มีอายุการใช้งานราว 8 ปี ซึ่งถ้าคิดว่าแท่นชาร์จหลายแห่งนั้นถูกสร้างในช่วงต้นปี 2010 คงนึกภาพออกว่า มันใกล้จะหมดอายุการใช้งานแล้ว

ในเขตคัตสึชิกะ กรุงโตเกียว แท่นชาร์จสามแท่นถูกตั้งขึ้นในลานจอดรถของที่ว่าการเขต แต่พอมาปีนี้ แต่สองแท่นโดนถอนออกไปแล้ว การที่จำนวนแท่นลดลง ไม่เพิ่มขึ้น เป็นเพราะการตั้งแท่นอันหนึ่งใช้เงินกว่า 5 ล้านเยน และยังมีค่าบำรุงรักษาอีกปีละประมาณ 1 ล้านเยน ทางที่ว่าการเขตก็เลยมองว่า “แท่นชาร์จน่ะให้เอกชนเขาทำดีกว่า”


ตามสถิติของสมาคมตัวแทนจำหน่ายรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น ในบรรดารถยนต์ใหม่ที่จำหน่ายในญี่ปุ่นในปี 2020 จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดนั้นอยู่ที่ราว 30,000 คัน คือเพียง 1% ของรถยนต์ทั้งหมด ฉะนั้นใครที่ตั้งแท่นชาร์จแบตเตอรี่ก็คงมองว่าไม่คุ้ม หมดอายุการใช้งานแล้วก็ถอนทิ้งเสียดีกว่า

ปัญหาอีกอย่างคือ หาที่จะตั้งก็ไม่ได้ง่ายๆ ด้วย อย่างเช่น ถ้าจะเอาแท่นชาร์จมาตั้งในบริเวณปั๊มน้ำมัน ก็ต้องรักษาระยะห่างเพื่อป้องกันอัคคีภัยอีก ซึ่งปั๊มน้ำมันเมืองญี่ปุ่นก็ไม่ได้กว้างขวางปานนั้น การเว้นระยะห่างอาจทำได้ยาก ถึงติดตั้งได้ การชาร์จแต่ละครั้งก็กินเวลามาก (เทียบกับการเติมน้ำมัน) จะหากำไรจากจำนวนหัวลูกค้าก็คงยาก ซึ่งในที่อื่นในโลกอย่างที่เยอรมัน ตอนนี้แนวคิดเขาไปไกลขนาดว่ามีการติดตั้งแท่นชาร์จบนถนนสาธารณะแล้ว ซึ่งญี่ปุ่นก็เพิ่งจะเอาแนวคิดตรงนี้มาลองเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้นี่เองที่เมืองโยโกฮาม่า โดยติดตั้งแท่นชาร์จเร็วที่ริมทางหลวงในเมืองโยโกฮาม่า

ส่วนทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยโตเกียวนั้นไอเดียล้ำขึ้นไปอีก คือกำลังศึกษากลไกที่สร้างสนามแม่เหล็กบนท้องถนน และเมื่อรถยนต์ที่บรรจุขดลวดซึ่งตอบสนองต่อสนามแม่เหล็กวิ่งไปที่นั่น กระแสไฟฟ้าก็ถูกสร้างขึ้น พูดง่ายๆ คือ ชาร์จไฟฟ้าได้ขณะรถกำลังวิ่ง! ซึ่งไอเดียนี้มีการทดลองแล้วในต่างประเทศ เช่น ที่ฟินแลนด์และสเปน ทีมวิจัยญี่ปุ่นกล่าวว่าจะทำการทดลองบนถนนในเมืองคาชิวะ จังหวัดชิบะ ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป


เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับไอเดียความพยายามที่จะผลักดันให้มนุษย์เราหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันให้มากๆ ซึ่งแต่ละไอเดียฟังแล้วบอกตรงๆ ก็รู้สึกว่ามันยังจำเป็นที่จะต้องมีการผลักดันทั้งในเชิงนโยบายและในเชิงการพัฒนาเทคโนโลยีกันอีกมาก จนรู้สึกว่ามันจะเกิดขึ้นได้ในเร็ววันจริงหรือ แต่ถ้าคนเราตระหนักกันในวงกว้างว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อไปจะไม่มีใช้กันแล้วนั้น ไม่ว่าจะต้องกัดฟันยังไงก็คงต้องผลักดันให้รถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็นสิ่งที่ใช้จริงให้แพร่หลายกันจนได้นั่นแหละครับ ดูแล้วขนาดญี่ปุ่นเองยังลำบากขนาดนี้ ของไทยเราคงได้แต่ฝันล่ะครับเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าน่ะ วันนี้ก็คงต้องขอจบแบบดื้อๆ เพียงเท่านี้ก่อน พบกันใหม่สวัสดีครับ

ข้อมูลจาก : Anngle Thailand 


กำลังโหลดความคิดเห็น