สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว อาทิตย์ที่แล้วผมเล่าเรื่องใบอนุญาตประกอบวิชาชีพที่ญี่ปุ่นซึ่งนอกจากความยากในการได้มาแล้วส่วนใหญ่ต้องการมีใบอนุญาตเพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือของตนเอง การมีใบอนุญาตทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นผู้มีความสามารถและมองคนที่ถือใบอนุญาตด้วยความรู้สึกในเชิงบวก และใบอนุญาตมีประโยชน์อย่างมากเพราะใช้สร้างภาพลักษณ์เพื่อดึงดูดใจได้อย่างดี
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพนั้นจำเป็นต้องมีเพื่อให้สามารถประกอบวิชาชีพนั้นๆ ตามสาขาที่เรียนมาได้ โดยผู้ที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจะต้องมีคุณสมบัติตามที่องค์กรออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกำหนดไว้ ผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจะไม่สามารถประกอบวิชาชีพนั้นๆ ได้ ถ้าฝ่าฝืนจะมีโทษตามที่องค์กรวิชาชีพแต่ละองค์กรกำหนดไว้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมี ใบอนุญาตแปลกๆ เช่น ใบอนุญาตจับคัปปะ เป็นใบอนุญาตที่สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในเรซูเม่ประกอบการสัมภาษณ์งานได้ สามารถหาซื้อใบอนุญาตจับคัปปะได้ในราคาประมาณ 220 เยน (60 บาท เลขกลมๆ )
และอาทิตย์ที่แล้วผมได้เล่าถึงคัปปะ (Kappa หรือบางคนเรียก "กัปปะ") ไปบ้างแล้ว ตามตำนานเล่าว่าคัปปะคือผีญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง มีรูปร่างลักษณะเหมือนพรายน้ำ หน้าตาคล้ายกบ ตัวสีเขียว มีกระดองเต่าอยู่ข้างหลัง มีจานวางอยู่บนศีรษะ อาศัยอยู่ตามหนองน้ำหรือแหล่งน้ำต่างๆ มีคนจำนวนมากที่อ้างว่าเคยพบเห็นคัปปะ โดยกล่าวว่าเคยเห็นคัปปะในพุ่มไม้ โดยมีความเชื่อว่าคัปปะอาศัยอยู่ในแม่น้ำ และเมื่ออากาศหนาวก็ย้ายเข้าไปอยู่ในถ้ำ โดยเฉพาะที่เมืองโตโนะ จังหวัดอิวะเตะ ในภูมิภาคโทโฮะกุ มีความเชื่อเรื่องคัปปะมาก จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง และที่นั่นมีใบอนุญาตจับคัปปะจำหน่ายด้วยครับ ที่เมืองโตโนะนี้มีแม่น้ำชื่อคัปปะบุชิ ที่เชื่อกันว่าเป็นต้นน้ำที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของคัปปะ
ผมคิดว่าคนเราย่อมมีความฝันแต่ความฝันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวัย สมัยที่ผมยังเป็นเด็กผมเคยอยากเป็นนักดนตรีผมก็เพียรซ้อมดนตรีอยู่ตลอด แต่พอเริ่มเรียนมัธยมความคิดของผมก็เริ่มเปลี่ยน ผมรู้สึกอยากเป็นนักคติชนวิทยาขึ้นมาจับใจหลังจากที่ผมได้อ่านหนังสือเรื่อง 遠野物語 Tono monogatari เมื่อผมไปปรึกษาอาจารย์ประจำวิชาแนะแนวว่าถ้าผมอยากเป็นนักคติชนวิทยาผมต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยใดและผมจะต้องเรียนคณะอะไร คุณครูบอกว่าที่จริงมันไม่ค่อยมีมหาวิทยาลัยหรือคณะวิชาไหนที่เปิดสอนให้ออกมาเป็นนักคติชนวิทยาเท่าไรนักและอีกอย่างก็ไม่รู้จะหางานทำได้ไหมนะ การหาเลี้ยงชีพต่อไปในอนาคตอาจจะยากสักหน่อย แต่ถ้าอยากเรียนก็ลองดูก็ได้ ถ้าจะเรียนจริงๆ มหาวิทยาลัยที่โตเกียวและภูมิภาคคันโตก็เห็นจะมีแค่มหาวิทยาลัยโตเกียว มหาวิทยาลัยวาเซดะและมหาวิทยาลัยสึคุบะเท่านั้นที่เปิดสอน คือก็เข้าใจว่าครูแนะแนวที่ญี่ปุ่นก็จะให้คำปรึกษาตามหน้าที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับนักเรียนนัก เขาก็เชียร์ไปตามหน้าที่เท่านั้น แต่เมื่อผมไปบอกพ่อแม่ว่าผมอยากเรียนคติชนวิทยา ก็โดนดุว่าก็แล้วแต่ แต่ว่าจะหาเลี้ยงชีพในอนาคตได้จริงหรือเปล่า ญาติๆ ที่ผมเคยไปปรึกษาเรื่องการงานทุกคนไม่ปฏิเสธถ้าผมจะเป็นนักดนตรีแต่ทุกคนปฏิเสธหมดเลยถ้าผมจะเรียนคติชนวิทยา เป็นอันต้องยกเลิกไป
กระนั้นด้วยความชอบเรื่องคติชนวิทยาและได้รู้เรื่องราวของคัปปะที่เมืองโตโนะ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในจังหวัดอิวาเตะ ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าผมอยากไปเที่ยวที่เมืองโตโนะมาตลอด แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที ในช่วงที่ต้องอยู่ในสถานการณ์โควิดระบาดเช่นนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าอยากจะไปเที่ยวหลายๆ ที่รวมทั้งเมืองโตโนะก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ผมหวนระลึกถึงขึ้นมา โตโนะเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องคัปปะมาก มีหนังสือแนวเรื่องเล่าและตำนานอย่าง Tono monogatari 『遠野物語』(とおのものがたり)มีเรื่องที่ถูกตีพิมพ์เป็นคอลเลกชันเกี่ยวกับข่าวลือ/ตํานานต่างๆ และอื่นๆ ในพื้นที่ของจังหวัดอิวาเตะ จากนักสะสมนิทานพื้นบ้านและนักประพันธ์ ของหมู่บ้านโทชิมาในภูมิภาคโตโนะเป็นงานที่รู้จักกันดีมีชื่อเสียง เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกคติชนวิทยาของญี่ปุ่น
ที่เมืองโตโนะมีใบอนุญาตจับคัปปะขายด้วยครับ มีใครอยากได้ใบอนุญาตนี้ไหมครับ วันนี้ชวนมาดูบทความหนึ่งที่ชวนไปเที่ยวจับคัปปะกันในหน้าร้อนนี้ เดินทางไปด้วยไปตามจับคัปปะด้วย จากตำนานพื้นบ้าน คัปปะมีอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่สถานที่ที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเรื่องคัปปะมากที่สุดในฤดูร้อนนี้คือ"Kappa buchi" ในเมือง Tono จังหวัด Iwate นั่นเอง วันนี้จะพาไปดูเรื่องใบอนุญาตจับคัปปะ คืออะไร? เกี่ยวกับการรับใบอนุญาต! และวิธีขอใบอนุญาตจับคัปปะ
ซึ่งตามปกติแล้วการจับสัตว์ป่าต้องมีใบอนุญาต และสมาคมการท่องเที่ยวเมืองโตโนะแห่งจังหวัดอิวาเตะได้ออก "ใบอนุญาตการจับคัปปะ" หากพยายามค้นหาและจับคัปปะโดยไม่มีใบอนุญาต อาจมีปัญหาตามมาได้ดังนั้นต้องขอใบอนุญาตก่อน ซึ่งสมาคมการท่องเที่ยวจะออกใบอนุญาตให้ และยังสามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้เช่นกัน เนื่องจากการขายออนไลน์จำกัด 10 ใบต่อคน โดยมีอายุของใบอนุญาตคือหนึ่งปี และจำเป็นต้องต่ออายุใบอนุญาตทุกปี และยังสามารถอัปเกรดเป็น "ใบอนุญาตจับคัปปะแบบโกลด์หรือบัตรทอง" หลังจากต่ออายุต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี
★เงื่อนไขและวิธีการจับคัปปะ สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำหลักในการจับคัปปะมี 7 ประการ
1. ต้องรักษาคัปปะให้มีชีวิตอยู่คือ "จับเป็น" และจับโดยไม่ทำให้คัปปะบาดเจ็บ
2. จับจานบนหัวของคัปปะโดยไม่ทำให้จานเสียหายและไม่ทำให้น้ำในจานหก เพราะถ้าไม่มีน้ำ คัปปะจะตาย
3. สถานที่จับคัปปะนั้นจำกัดเฉพาะที่แม่น้ำ Kappa buchi เท่านั้น
4. คัปปะที่จับได้ควรมีหน้าแดงสดและปากใหญ่
5. ห้ามจับคัปปะด้วยเครื่องมือที่ใช้อุปกรณ์โลหะ
6. ควรจับเหยื่อด้วยผักสด
7.คนที่จับคัปปะต้องมีใบอนุญาต และเมื่อจับได้ต้องขออนุมัติจากสมาคมการท่องเที่ยวอีกครั้ง
ข้างบนนี้เป็นเงื่อนไขการจับคัปปะทั้ง 7 ประการ คิดว่านักล่าคงจะมีอุปสรรคในการจับคัปปะค่อนข้างสูง เหนือสิ่งอื่นมันยากแค่ไหนที่จะต้องจับคัปปะทั้งเป็น ถ้าได้ใบอนุญาตแต่ไม่รู้วิธีเผชิญหน้ากับคัปปะ นั่นหมายถึงความตายของนักล่า ต่อไปมีคำแนะนำวิธีจัดการกับคัปปะด้วยครับ ก่อนอื่นห้ามนักล่าประมาทเป็นอันขาด เพราะความประมาทนั้นเป็นอันตรายถึงชีวิต! ถ้าไม่ไหวต้องหนีเท่านั้น
★คัปปะจะโจมตีมนุษย์ โดย 4 วิธีโจมตีดังต่อไปนี้
● จับสะโพกของคุณ
● ต่อสู้แบบซูโม่
● ลากลงน้ำ อย่าไปสู้ในน้ำ เพราะจะไม่มีทางชนะ
● คัปปะจะชอบล้วงมือเข้าไปในก้นเพื่อดึงลูกบอลแห่งชีวิตของคนออกมาซึ่งเชื่อกันว่าทำให้ถึงแก่ชีวิต
หากคัปปะแตะที่สะโพกของคุณ มันเป็นแค่การล่วงละเมิดทางเพศ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าคุณเริ่มต่อสู้แบบซูโม่กับคัปปะ พึงระวังว่าคัปปะก็จะเล่นซูโม่ต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด วิธีแก้ไขคือให้โค้งคำนับเหมือนกับช่วงเริ่มเล่นซูโม่อันเป็นพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้สมัยนั้น คัปปะก็จะก้มคำนับด้วยเหตุผลบางอย่างน้ำในจานก็จะหกแล้วคัปปะก็จะสลายไป ช่วงเวลานั้นเป็นโอกาสที่คุณจะหนี แต่มันละเมิดมาตรา 2 ของ 7 เงื่อนไขการจับคัปปะข้างต้นไปเสียแล้ว
หากถูกลากลงไปในน้ำซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของคัปปะนับว่าอันตรายทีเดียว ลืมเรื่องการจับกุมตัวคัปปะไปก่อนและหาทางหลบหนีแทน ปกติแล้วแขนข้างหนึ่งของคัปปะหลุดออกง่ายมาก ดังนั้นการดึงแขนข้างหนึ่งของคัปปะให้หลุดออกและรีบว่ายน้ำหนีในช่วงนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
แต่ถ้าคุณถูกดึงลูกบอลแห่งชีวิต หมายถึงไม่มีอะไรสามารถช่วยได้เลย ดังนั้นโปรดยอมแพ้ไป สำหรับนักล่าคัปปะที่มีจำนวนมากมาย มันอาจจะเป็นเรื่องดราม่าเล็กน้อยที่จะทิ้งร่องรอยการต่อสู้ไว้ ต่อให้คนที่หนึ่งไม่สามารถเอาชนะคัปปะได้ นักล่าคัปปะคนที่สองและสามก็จะมาล่าต่อไปไม่สิ้นสุด
★เกี่ยวกับจุดอ่อนของคัปปะ
คัปปะส่วนใหญ่แพ้ "โลหะ" แต่สิ่งนี้ละเมิดมาตราที่ 5 ของ 7 เงื่อนไขการจับคัปปะ การต่อสู้กับคัปปะนั้นคุณต้องผนึกจุดอ่อนที่สุดของคู่ต่อสู้ นั่นคือคัปปะกลัวพระพุทธรูป ให้นำพระพุทธรูปไม้แกะสลักมาด้วยสิ่งนี้นับว่าเป็นความคิดที่ดี นอกจากนี้ "ลิง" ก็เป็นจุดอ่อนของคัปปะเช่นกัน คัปปะกลัวลิงในทางชีววิทยา "มนุษย์" ก็เป็นสมาชิกของ "บิชอพ" ด้วย ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่ดีถ้าจะลองเลียนแบบลิง
สุดท้ายเมื่อใครจับคัปปะได้อย่าลืมแจ้งขออนุมัติอีกครั้ง! หากพบคัปปะและจับมันได้หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดอย่าลืมรายงานไปที่สมาคมการท่องเที่ยวเมืองโทโนะในวันรุ่งขึ้น และจากนั้นหนังสือพิมพ์และนักข่าวจะมาสัมภาษณ์ทั้งนิตยสาร ทีวี ฯลฯ น่าจะเข้ามาหาเราอย่างเดือดดาล เขาอาจสัมภาษณ์คุณว่า
"คุณกลัวไหม?"
“คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อจับคัปปะได้” เป็นต้น
คุณจะถูกตั้งคำถามมากมาย ดังนั้นให้ลองนึกถึงแนวการตอบคำถามและคุณสามารถตั้งเป้าไปที่รางวัลการจับได้ เพราะหากแหงนมองท้องฟ้าในบางครั้งก็จะรู้สึกภาคภูมิใจในฐานะนักล่าคัปปะ ไม่น่าเชื่อว่ามันกลายเป็นความฝันใฝ่ของใครหลายคนไปแล้วครับ คัปปะตัวเดียวสามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตนักล่าได้
ไปเที่ยวหาคัปปะเพื่อรำลึกหัวใจกระชุ่มกระชวยในหน้าร้อนนี้กันไหม? พบกันที่แม่น้ำคัปปะบุชิ เมืองโตโนะ จังหวัดอิวะเตะนะครับ อ้าวไปได้แล้วเหรอ??! ^ - ^ ตอนนี้เราอาจจะยังเที่ยวจริงๆ ไม่ได้แต่เราสามารถที่จะอ่านหนังสือหรือท่องเว็บไซต์ไปก่อนได้นะครับ เมื่อโควิดหายไปแล้วเราก็จะมาเริ่มออกเดินทางกันใหม่ รอเวลากันครับ วันนี้สวัสดีครับ