เปิดประตูเรือนจำญี่ปุ่น เผยมาตรการสกัดการติดเชื้อท่ามกลางการระบาดหนักของโควิด ผู้ต้องขังกังวลทั้งสุขภาพของคนในครอบครัว และอนาคตของตัวเองหลังพ้นโทษ
เรือนจำจังหวัดโทชิงิเป็นสถานที่คุมขังนักโทษหญิงขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นมีผู้ต้องขัง 655 คน เรือนจำทั่วประเทศญี่ปุ่นต้องใช้มาตรการป้องกันการติดเชื้อหลังจากหลายแห่งมีผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มจำนวนกว่าร้อยคน นักโทษหญิงที่ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำโทชิงิร้อยละ 70 ต้องคดียาเสพติดและลักทรัพย์ ส่วนคดีฆาตกรรมมีเพียงร้อยละ 10 โดยราวครึ่งหนึ่งมีอายุ 30-40 ปี ส่วนนักโทษอายุ 70 ปีขึ้นไปมีอยู่ราวร้อยละ 20 แต่แนวโน้มที่น่าห่วงคือ นักโทษสูงวัยมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก
การเข้าสู่เรือนจำไม่สามารถนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปได้ และในช่วงนี้ทางเรือนจำได้ติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ และผู้ที่เข้าไปในเรือนจำทุกคนต้องฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ก่อน
ตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิดเมื่อปีที่แล้ว ทางเรือนจำได้เปลี่ยนวิธีให้อาหารสำหรับผู้ต้องขัง จากเดิมที่กินร่วมกันในโรงอาหารขนาดใหญ่ราว 500คน มาเป็นการกินเป็นกลุ่ม 4-6 คนในห้อง หลังจากผู้ต้องขังตักแบ่งอาหารใส่ภาชนะส่วนตัวแล้ว แต่ละคนจะแยกย้ายกันไปกินคนเดียวโดยหันหน้าเข้าฝาผนัง และมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่กั้นไว้เว้นระยะห่างระหว่างกัน ป้องกันการติดเชื้อผ่านน้ำลาย
ทางเรือนจำออกกฎให้ผู้ต้องขังล้างมือและบ้วนปากอย่างสม่ำเสมอ แต่จะใช้สบู่เหลวเท่านั้น ไม่มีแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เพราะเคยมีกรณีผู้ต้องขังติดสุราจนทนไม่ไหว เอาแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อมาดื่มจนเป็นเสียชีวิตมาแล้ว
ผู้ต้องขังจะต้องรับการฝึกอาชีพวันละ 8 ชั่วโมงในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ นักโทษหญิงส่วนใหญ่จะทำงานเย็บผ้า ทั้งผ้ากันเปื้อน กระเป๋าผ้า และในช่วงโควิดระบาด ทางเรือนจำยังฝึกให้เย็บหน้ากากผ้า ซึ่งจะนำไปวางขายที่ร้านค้าของเรือนจำ ในราคาชิ้นละ 250 เยน (ราว 85 บาท)
เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ผู้ต้องขังจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทั้งในช่วงทำงาน ออกกำลังกาย และพักผ่อนร่วมกันในห้อง
พัศดีรับบทหนัก
การระบาดของโควิดทำให้พัศดีต้องมีเผชิญความยากลำบากมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากทางเรือนจำต้องป้องกันนักโทษทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย ซึ่งปกติแล้วผู้คุมจะสังเกตนักโทษผ่านทางสีหน้า แต่เมื่อทุกคนสวมหน้ากากอนามัยทำให้การสังเกตและประเมินสภาพจิตใจและอารมณ์ของผู้ต้องขังทำได้ยาก
นอกจากนี้ พัศดียังมีภาระงานเพิ่มในการฆ่าเชื้อในลูกบิดประตูที่มีความเสี่ยงแพร่เชื้อโรคจากการสัมผัส โดยในเรือนจำความมั่นคงสูงแห่งนี้มีประตูมากกว่า 1,000 บานที่ต้องฆ่าเชื้อวันละ 2 ครั้ง ด้วยการที่เข้มงวดนี้ทำให้เรือนจำโทชิงิไม่มีผู้ติดเชื้อโควิดเลยแม้แต่คนเดียว
ความกังวลของผู้ต้องขัง
ผู้ต้องขังหญิงรายหนึ่งที่เข้ามาในเรือนจำก่อนการระบาดของโควิดบอกว่า เธอรู้ข่าวการระบาดของโควิดผ่านรายการโทรทัศน์ที่ได้ชมในเรือนจำ ทำให้เป็นห่วงทั้งสุขภาพของตัวเองและครอบครัว แม้ว่าตัวเองไม่อาจจะได้รับวัคซีน แต่ขอเพียงได้รู้ว่าคนในครอบครัวสุขสบายดีหรือไม่
แต่ที่สิ่งกังวลยิ่งกว่าคืออนาคตหลังพ้นโทษ คนที่มีอดีตที่เป็น “ตราบาป” อย่างเธอในยามปกติก็ได้รับโอกาสน้อยกว่าผู้คนทั่วไปอยู่แล้ว การระบาดของโควิดทำให้เศรษฐกิจและสังคมของญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เธอจึงหวั่นใจว่าจะสามารถหวนคืนสู่สังคมได้จริงหรือ?
ข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นระบุว่า ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา มีอดีตผู้ต้องขังที่พ้นโทษไปแล้วกระทำผิดซ้ำ และต้องกลับเข้าสู่เรือนจำอีกมากถึงร้อยละ 37.5 ...โรคระบาดอาจจะรักษาให้หายได้ แต่ความผิดพลาดในชีวิตอาจติดตรึงดั่งรอยแผลเป็น.