สถานการณ์โควิดในญี่ปุ่นยังน่าห่วง ผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้นทันทีหลังสิ้นสุดภาวะฉุกเฉิน รัฐบาลหวั่นคนแห่ชมซากุระและเดือนเมษายนมีกิจกรรมคึกคัก จะทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่ที่รุนแรงกว่าเดิม
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในญี่ปุ่นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เฉพาะในกรุงโตเกียวมีผู้ติดเชื้อใหม่เฉลี่ย 330 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 111.2% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ผู้ป่วยอาการหนักก็เพิ่มจำนวนขึ้นขณะนี้มี 341 ราย และอัตราตรวจพบการติดเชื้อในพื้นที่กรุงโตเกียวอยู่ที่ร้อยละ 4 ใกล้เคียงกับช่วงเดือนพฤศจิกายน ที่มีการระบาดอย่างหนัก
นายโนริฮิสะ ทามูระ รัฐมนตรีสาธารณสุขญี่ปุ่น ยอมรับว่า “รู้สึกถึงวิกฤตอันใหญ่หลวง” เพราะการระบาดระลอกใหม่นี้เกิดขึ้นกระจายในหลายพื้นที่ และพบเชื้อไวรัสกลายพันธุ์มากมาย ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า โควิดระลอกใหม่จะรุนแรงมากกว่าเดิม โดยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากในพื้นที่นอกกรุงโตเกียว คือ จังหวัดโอซากา ที่เมื่อวานนี้ (28มี.ค.) มีผู้ติดเชื้อ 323 ราย มากกว่ากรุงโตเกียว นอกจากนี้จังหวัดมิยางิ, ยามางาตะ และเอฮิเมะ ก็มีผู้ติดเชื้อมากเป็นประวัติการณ์ระลอกใหม่เช่นกัน
เดือนเมษายนเป็นช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของผู้คนคึกคักที่สุดในญี่ปุ่น เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ มีทั้งพิธีจบการศึกษา เปิดภาคเรียน เริ่มต้นทำงานใหม่ มีการท่องเที่ยวฉลองปิดภาคเรียน สังสรรค์อำลา-ต้อนรับนักศึกษาและพนักงาน นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ผู้คนที่แห่กันมาชมดอกซากุระบาน การรวมตัวของผู้คนจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาด
รัฐบาลเตรียมใช้กฎหมายใหม่ เลี่ยงประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งที่ 3
ถึงแม้การประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่นครั้งที่ 2 จะสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา แต่รัฐบาลได้ขอให้ร้านอาหารและสถานบันเทิงลดเวลาทำการลง โดยให้เปิดบริการจนถึง 21.00 น.เท่านั้น
แต่ว่าธุรกิจหลายแห่งได้รวมตัวคัดค้านและไม่ให้ความร่วมมือกับทางการ จนถึงอาจฟ้องร้องว่าการให้ลดเวลาทำการสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจ โดยที่รัฐบาลไม่ได้ชดเชยมากเพียงพอ และไม่มีกฎหมายรองรับเพื่อบังคับภาคธุรกิจ
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า จะพิจารณาใช้กฎหมายควบคุมโรคระบาดที่เพิ่งผ่านการแก้ไขโดยรัฐสภาเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งให้อำนาจผู้ว่าการจังหวัดขอให้ธุรกิจลดเวลาทำการได้โดยไม่ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับแก้ไขนี้ก็ยังไม่มีลักษณะของการ “บังคับ” และ “ลงโทษ” เป็นเพียงการอำนาจให้ผู้ว่าการจังหวัดเท่านั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลระบุว่าหากสถานการณ์ยังควบคุมไม่ได้ ก็อาจจำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งที่ 3 ในเดือนเมษายน.