นายกฯ ญี่ปุ่นรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อเตรียมเดินทางไปพบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่สหรัฐในต้นเดือนเมษายน ในวันเดียวกัน รมต.กลาโหมและต่างประเทศของสหรัฐ เยือนญี่ปุ่น หารือต้านจีนขยายอิทธิพล
นายโยชิฮิเดะ ซูงะ วัย 72 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ที่ศูนย์การแพทย์ในเขตชินจูกุ กรุงโตเกียว เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.) เขาเปิดเผยความรู้สึกว่า “ดูเหมือนจะเจ็บแต่ว่าไม่เจ็บเลย ทุกอย่างราบรื่นดี”
ผู้นำญี่ปุ่นยังระบุว่า ตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องฉีดวัคซีนให้ประชาชนจำนวนมากที่สุด โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
นายซูงะจะเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 2 ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนที่จะเดินทางเยือนสหรัฐฯ ในวันที่ 9 เมษายน โดยจะเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่ได้พบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ
ตามกำหนดการแล้ว นายซูงะจะอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุที่จะได้รับวัคซีนโควิดหลังวันที่ 12 เมษายน แต่เขาต้องเข้ารับวัคซีนก่อนเนื่องจากต้องเดินทางไปสหรัฐ นอกจากนี้ คณะผู้ติดตามผู้นำญี่ปุ่นราว 80-90 คนที่จะเดินทางไปสหรัฐด้วย ก็จะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิดก่อนออกเดินทางทุกคนเช่นเดียวกัน
ญี่ปุ่น-สหรัฐหารือรับมือจีน รมต.กลาโหม-ต่างประเทศปูทางเยือน
นายกฯ โยชิฮิเดะ ชูงะ จะหารือกับนายโจ ไบเดน เกี่ยวกับการขยายแสนยานุภาพของจีน โดยเฉพาะกรณีหมู่เกาะเซ็งกากุ หรือที่ฝ่ายจีนเรียกว่า หมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ ซึ่งจีนได้ปรับปรุง “กฎหมายการป้องกันภัยทางทะเล” เปิดทางให้เรือลาดตระเวนของจีนสามารถใช้อาวุธได้ หากพบการล่วงล้ำของเรือต่างชาติ
ญี่ปุ่นกังวลว่า กฎหมายนี้อาจทำให้เกิด “เหตุไม่คาดฝัน” จากการปะทะกัน เนื่องจากเรือของจีนได้เข้ามาในน่านน้ำพื้นที่พิพาทดังกล่าวอยู่เป็นประจำ โดยที่หน่วยยามฝั่งของญี่ปุ่นไม่สามารถใช้อาวุธได้
ญี่ปุ่นต้องการใช้สหรัฐยืนยันว่า พื้นที่หมู่เกาะเซ็งกากุอยู่ในข้อตกลงความมั่นคงที่สหรัฐจะช่วยคุ้มครองญี่ปุ่น หากถูกคุกคามจากต่างชาติ รวมทั้งสร้างพื้นที่ “อินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง” ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ของสหรัฐและพันธมิตรในการต่อต้านการขยายอิทธิพลของจีน
นอกจากนี้ ผู้นำ 2 ชาติยังจะหารือเรื่องเกาหลีเหนือ ทั้งประเด็นการลักพาตัวชาวญี่ปุ่น และการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของรัฐบาลโสมแดง
เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.) นายแอนโทนี บลิงเคน รมต.ต่างประเทศสหรัฐ และนายลอยด์ ออสติน รมต.กลาโหม ได้เดินทางเยือนกรุงโตเกียว เพื่อหารือกับนายโทชิมิตสึ โมเตงิ รมต.ต่างประเทศญี่ปุ่น และนายโนบูโอะ คิชิ รมต.ป้องกันประเทศ
เอกสารที่ออกหลังการประชุมระบุว่า ญี่ปุ่นกับสหรัฐยืนยันกันอีกครั้งถึงการยึดมั่นของพวกตนต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง ตลอดจนความเป็นระเบียบเรียบร้อยระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎกติกา
เอกสารดังกล่าวระบุว่า การกระทำของจีนที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นระเบียบระหว่างประเทศกำลังก่อให้เกิดประเด็นท้าทายทางการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร และทางเทคนิค ต่อพันธมิตรญี่ปุ่น-สหรัฐ และต่อประชาคมโลก ทั้งยังระบุด้วยว่า ญี่ปุ่นกับสหรัฐต่อต้านการกระทำใด ๆ ที่บั่นทอนเสถียรภาพของภูมิภาค
เอกสารนี้ยังระบุถึงความวิตกต่อสภาพสิทธิมนุษยชนในจีน และการขยายแสนยานุภาพทางทะเลของจีน.