สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว วันก่อนผมโทรศัพท์คุยเรื่องสัพเพเหระกับเพื่อนที่ญี่ปุ่น เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่าได้ไปดูหนังอนิเมชั่นเรื่อง 鬼滅の刃 【Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba】 หรือที่เมืองไทยน่าจะใช้ชื่อว่าดาบพิฆาตอสูร แล้วถามผมว่าได้ดูเรื่องนี้หรือยัง ผมบอกว่าผมยังไม่เคยดูเรื่องนี้เลยแม้ว่าจะเคยอ่านหนังสือการ์ตูนมาบ้างแต่ยังไม่มีความคิดว่าอยากไปดูหนังเลย แต่สมัยก่อนผมก็เคยอยากดูอนิเมชั่นเรื่อง ダイの大冒険 หรือไดตะลุยแดนเวทมนตร์มาก แต่ก็ยังไม่ได้ดูเช่นกัน วันนี้เลยนึกอยากชวนเล่าสู่กันฟังเรื่องการ์ตูนมังงะสักหน่อยครับ
จากที่เพื่อนเล่าถึงภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Kimetsu No Yaiba ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่นั้น คิดว่าเพื่อนๆ บางคนอาจจะได้ไปดูอนิเมะเวอร์ชั่นภาพยนตร์มาบ้างแล้วและบางคนก็น่าจะเคยดูอนิเมชั่น ダイの大冒険 ไดตะลุยแดนเวทมนตร์ด้วย คนที่คุ้นเคยกับเกม RPG Dragon Quest น่าจะรู้จักอยู่ เพราะการ์ตูนเรื่องไดตะลุยแดนเวทมนตร์นี้นำเอาโลกทัศน์แบบเกม Dragon Quest มาสร้างเนื้อเรื่องสำหรับการ์ตูนโดยเฉพาะเลย ภาพยนตร์อนิเมชั่นของญี่ปุ่นนั้นถือว่าเป็นสื่อที่สร้างขึ้นเพื่อให้เกิดความบันเทิง สร้างเป็นภาพเคลื่อนไหวเหมือนภาพยนตร์ โดยมีเนื้อเรื่องที่อาจจะดัดแปลงมาจากวรรณกรรมประเภทต่างๆ หรือจากหนังสือการ์ตูนมังงะ และสามารถทำรายได้ดีในตลาดหนังด้วย
และล่าสุดได้ข่าวมาจากทวิตเตอร์ของ Takehiko Inoue ผู้เขียนการ์ตูนมังงะเรื่อง สแลมดังก์ スラムダンク Slam Dunk ว่าจะมีการปัดฝุ่นการ์ตูนมังงะเรื่องดังที่เขียนจบไปแล้วเมื่อ 25 ปีก่อน นำมาสร้างเป็นภาพยนต์อนิเมชั่นในปี2021 นี้ ผมได้ฟังแล้วก็รู้สึกตกใจและแปลกใจเล็กน้อย เพราะเมื่อลองย้อนอดีตกลับไปคือรู้สึกว่า มันผ่านมานานขนาดนี้แล้วเหรอนี่..... และอยู่ๆ ก็มีข่าวว่าจะนำสแลมดังก์มาสร้างเป็นภาพยนตร์ คือรู้สึกเหมือนอะไรที่มันหายไปจากชีวิตสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง แบบเงียบหายไปเลย ไม่มีการประกาศโฆษณาอะไรหลังจากที่เรื่องจบลงในตอนนั้น พร้อมกับหลายสิ่งหลายอย่างใหม่ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา แต่อยู่ๆ เรื่องที่เคยเป็นความทรงจำดีๆ มันก็จะถูกเอามานำเสนออีกครั้งจึงรู้สึกแปลกใจ คนญี่ปุ่นเองก็พูดคุยประเด็นนี้กันในวงกว้าง บางคนก็แสดงความคิดเห็นว่า ...
*สแลมดังก์มันทิ้งช่วงมานานมากเลย
*อะไรนะ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วเหรอนี่.....
*เห้ย ตอนนั้นเนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นเลย จบแบบนี้เลยหรอ
*แหง่ว จบแบบนี้หรอ
*ทุกวันนี้ยังคิดอยู่เลยครับ จบมันดื้อๆ ยังงี้เลย
*อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าอาจารย์เขียนอีกแบบเรื่องจะจบอย่างไร
*มันจบไปแล้วแบบเป็นตำนาน เป็นต้น
หลังจากที่มีทวิตเตอร์ของผู้เขียนออกมา คนญี่ปุ่นก็ให้ความสนใจและตื่นเต้นมากและพูดถึงเรื่องนี้กันมากมาย เพราะตอนจบเนี่ยเหมือนจบไปแบบแปลกๆ ทั้งๆ ที่เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนยังอยากอ่านต่อแต่กลายเป็นว่าถูกตัดจบซะดื้อๆ ไปอย่างนั้น จากข่าวที่ว่าผิดใจกับกองบรรณาธิการ แต่ก็เป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้ว ถ้านักอ่านที่มีอายุประมาณ 15 ปี〜 ณ ตอนนั้นป่านนี้ก็คงมีอายุประมาณ 40 -45 ปีแล้ว บางคนบอกว่าแม้จะแปลกใจ แต่เมื่อมาลองคิดเล่นๆ ว่าเรื่องนี้มันมีความแปลกเรื่อง"ระยะของเวลา" ขนาดการแข่งขันบางแมตซ์เราต้องตามอ่านอย่างจดจ่อ ใช้เวลาในชีวิตจริงไปตั้งหลายเดือน ครั้งนี้เช่นกันกาลเวลาได้ล่วงผ่านมาแล้ว 25 ปี จินตนาการไปมันก็คงคล้ายกับระยะเวลาที่ถูกยืดออกไปเพราะเรื่องนี้เช่นกัน การเคลื่อนไหวของกาลเวลาที่ต้องใช้เวลาที่ยืดไปจากเดิม 25 ปีเลยเชียว (*´꒳`*) ก็เลยไม่มีใครว่าอะไร!!
เพื่อนๆ เคยอ่านการ์ตูนมังงะเรื่องสแลมดังก์ไหมครับ? ชอบไหมครับ
การ์ตูนมังงะเรื่องสแลมดังก์ スラムダンク เขียนโดย ทาเคฮิโกะ อิโนะอุเอะ Takehiko Inoue หลายคนแสดงความคิดเห็นว่าเป็นการ์ตูนมังงะที่มีภาพสวย เนื้อเรื่องเด็ด คาแรคเตอร์ตัวละครมีเอกลักษณ์ การเขียนที่สวยมีเสน่ห์บางซีนไม่มีคำพูดเลย มีแต่ภาพแสดงการเคลื่อนไหวในกีฬาบาสเก็ตบอล แต่ก็เข้าใจได้และตื่นเต้นไปด้วย ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1990 และเหมือนตัดจบเรื่องลงตั้งแต่ปี 1996 แต่ก็ยังครองตำแหน่งการ์ตูนกีฬาที่ขายดีที่สุดตลอดกาลมาจนถึงทุกวันนี้ สแลมดังก์ได้รับรางวัลการ์ตูนมังงะยอดเยี่ยมเมื่อปี 1994 ในขณะเดียวกัน คุณอิโนะอุเอะผู้เขียนยังได้รับการเชิดชูเกียรติจากสมาคมบาสเกตบอลญี่ปุ่น ในฐานะที่ทำให้กีฬาชนิดนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นด้วย
ทั้งสแลมดังก์ยังชวนให้ผู้อ่านหลงใหลในการสนทนาของพวกเขาในระหว่างเกมและความคิดเห็นต่างๆ หลังการแข่งขันที่ถ่ายทอดให้เห็นความรักต่อกันและกันของพวกเขา รวมทั้งความกระตือรือร้นต่อกีฬาบาสเกตบอลของพวกเขาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ด้วยความที่ผู้เขียนออกแบบตัวละครให้มีความเป็นมนุษย์ที่สุด มีการวางให้คนอ่านเห็นพัฒนาการของตัวเอก และความพยายามของเขาจึงทำให้เป็นการ์ตูนที่เข้าถึงง่าย สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่ไม่เคยเล่นกีฬาบาสเกตบอลมากขึ้นด้วย เรื่องนี้มีการเขียนตัวละครที่โดดเด่น ไม่ได้มีแค่ตัวเอกเพียงคนเดียว ยังมีตัวละครรองที่มาสนับสนุนเรื่องราว เพราะการที่เรื่องมีตัวละครที่มีมิติสามารถช่วยขับเคลื่อนเรื่องให้ดำเนินต่อไปได้อย่างสนุก ซึ่งเหล่าสหายในทีมนั้น ทำให้เรื่องมีทั้งความท้าทาย ความพ่ายแพ้ ความผิดหวัง และการพยายามแก้ตัว เพื่อให้ก้าวผ่านอุปสรรคนั้นได้ และมีจุดเด่นคือภาพส่วนใหญ่เป็นฉากของกีฬาบาสเกตบอล เนื้อหาส่วนใหญ่ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงฉากของบาสเกตบอลล้วนๆ
เมื่อมาคิดว่าทำไมจึงนำมาทำใหม่ (Revival) น่าจะมี 2 ประเด็น คือ
1. ทำเหมือนกลยุทธ์ตอนที่นำกันดั้มซึ่งความทรงจำของโอตากุรุ่นแรกของญี่ปุ่นมาทำใหม่ (Revival) โอตากุรุ่นแรกๆ ของญี่ปุ่นปัจจุบันนี้คงจะมีอายุประมาณ 60 กว่าปี ซึ่งถือว่าเป็นช่วงวัยที่มีเงินคือมีฐานะที่สุด การที่นำเรื่องราวที่เป็นความทรงจำดีๆ ของคนรุ่นนั้นออกมานำเสนอใหม่ มันขายได้และสร้างเงินหมุนเวียนในระบบมากมาย ครั้งนี้ก็น่าจะเอาระบบย้อนความทรงจำของกลุ่มลูกค้ามาใช้อีก สำหรับสแลมดังก์มีกลุ่มเป้าหมายก็คือคนช่วงอายุ 40 กว่าๆ แต่กลายเป็นว่าคนช่วงอายุ 40 กว่าปีของญี่ปุ่นปัจจุบันนี้เป็นช่วงวัยที่ขัดสนมากไม่มีเงิน ไม่มีฐานะนัก
ถ้าถามผมว่าผมรู้สึกอย่างไร ก็ต้องบอกว่าผมตื่นเต้นมากที่การ์ตูนสแลมดังก์จะถูกนำกลับมาทำเป็นภาพยนตร์ใหม่อีกครั้งรู้สึกอยากดูเหมือนกันว่า จะมีเสน่ห์และตื่นเต้นเหมือนสมัยก่อนหรือเปล่า แต่ว่าแอบเป็นห่วงอยู่เหมือนกันเพราะว่ากลุ่มเป้าหมายคือคนกลุ่มอายุ 40 กว่าปีซึ่งเป็นช่วงวัยที่ไม่ค่อยมีเงิน ( กรณีคนประเทศญี่ปุ่น) ไม่รู้ว่าจะสามารถหมุนเงินในระบบ ได้เหมือนตอนที่นำกันดั้มของโอตากุรุ่นแรกกลับมาทำใหม่ไหม แต่อย่างไรก็ตาม การ์ตูนสแลมดังก์ ถือว่าดังมากในยุคนั้น ถ้าใครอยู่ในช่วงวัยเดียวกันก็คงจะจำได้ว่ามันดังและได้รับความนิยมมากแค่ไหน
ขนาดสมัยนั้นคนญี่ปุ่นไม่ได้ชอบเล่นบาสเกตบอลมาก่อนแต่หลังจากที่อ่านการ์ตูนสแลมดังก์ กลายเป็นว่าทำให้กีฬาบาสเก็ตบอลเป็นที่นิยมของคนญี่ปุ่นมากมาย เพื่อนผมที่เมืองไทยบอกว่ามีคนตัดผมทรงเดียวกับพระเอกกันทั่วเมือง
2. เมื่อโอตากุสมัยก่อนมีอายุสูงวัยมากขึ้น แต่ปัจจุบันอาจจะไม่มีเนื้อหาอะไรใหม่ๆ มานำเสนอ จึงนำเรื่องเก่าๆ มารีรันและสร้างใหม่นั่นเอง
สแลมดังก์ยังมีความโดดเด่นด้วยคําพูดวลีเด็ดอยู่มาก การ์ตูนสแลมดังก์เป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งแฟนดั้งเดิมและผู้สนใจใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น
・なぜ俺はあんな無駄な時間を…ทําไมผมถึงปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้...
・「負けた事がある」というのがいつか大きな財産になる・ ความพ่ายแพ้จะเป็นประสบการณ์อันมีค่าที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
・そろそろ自分を信じてもいい頃だ 今の君はもう十分あの頃を越えているよ ถึงเวลาที่ต้องเชื่อมั่นในตัวเองล่ะ .. เธอเก่งมากกว่าสมัยก่อน → ผมชอบประโยคนี้มากที่สุดในเรื่องนี้เลยครับ
แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคงจะเป็นประโยคนี้ 「あきらめたらそこで試合終了ですよ」 “ถ้าตัดใจยอมแพ้เสียแล้ว การแข่งขันก็จะจบลงตรงนั้น" และ「安西先生 バスケがしたいです」 "อาจารย์อันไซ ผมอยากกลับมาเล่นบาสเกตบอล"
こんなん、涙出るわ…(´;ω;`) โอ้ยผมอยากร้องไห้ ด้วยความซึ้ง!!
แม้จะผ่านเวลาไปนานแค่ไหน ความนิยมของการ์ตูนเรื่องนี้ก็ยังไม่เสื่อมคลาย ทั้งคุณภาพและลายเส้นรวมถึงเนื้อเรื่องของสแลมดังก์ที่ทำให้การ์ตูนกลายเป็นงานศิลปะ ที่หลายคนอยากมีไว้ในครอบครอง สแลมดังก์ยังคงมีความสวยงามในตัวเอง ด้วยใจความที่พยายามสื่อว่า หลายๆ อย่างนั้นไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเรา ความพ่ายแพ้เป็นสิ่งที่พบเจอได้ง่ายกว่าชัยชนะ แม้เราจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่เราก็ต้องก้าวต่อไปให้จงได้ วันนี้เล่าสู่กันฟังครับ สวัสดีครับ