xs
xsm
sm
md
lg

ทําไมชาวโตเกียวและโอซาก้าจึงไม่ถูกกัน ? มันเกี่ยวข้องกับรูปร่างโมจิ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว สวัสดีปีใหม่ครับเพื่อนๆ ทุกคน ที่ญี่ปุ่นมีคํากล่าวว่าความแค้นหรืออารมณ์ความรู้สึกไม่พอใจกับการปฏิบัติจากผู้อื่นหรือเกิดความเกลียดชังจากสาเหตุความขัดแย้งกันเรื่องอาหารการกินนั้นน่ากลัว ผมเคยเดินทางไปต่างประเทศเป็นครั้งแรกคือ ตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาที่เมืองเซี่ยงไฮ้ประเทศจีน เป็นกิจกรรมที่เด็กๆ จะได้เยี่ยมชมเมืองมิตรภาพของจังหวัดตัวเอง ตอนนั้นมีโอกาสรับประทานอาหารจีนที่อร่อยมาก อาหารถูกจัดวางบนโต๊ะกลมที่หมุนไปรอบๆ ได้ ตอนอยู่ญี่ปุ่นจะกินข้าวผัดแบบญี่ปุ่นโดยใช้ข้าวญี่ปุ่นชนิดจาโปนิก้า (Japonica Type) ที่มีลักษณะสั้นๆ อ้วนๆ แต่ข้าวผัดที่เมืองจีนในวันนั้นใช้ข้าวขาวเม็ดเรียวยาวของข้าวอินดิกา (Indica) ที่ผมเพิ่งเคยรับประทานเป็นครั้งแรกในตอนนั้นจึงรู้สึกว่าแปลกใหม่และอร่อยยอดเยี่ยมมาก ทุกคนก็คงคิดแบบเดียวกันเพราะวันรุ่งขึ้นก็มีรุ่นพี่สั่งเมนูข้าวผัดด้วยและก็ยังอร่อยเหมือนเดิม เพียงแต่สาวอวบที่นั่งก่อนหน้าผม เธอหมุนโต๊ะไปตักข้าวผัดกินตัดหน้าผมไปเสี้ยวนาที และกวาดหมดจานเลยเชียว ผมละเสียใจ! ผมยังจําเรื่องนี้ได้แม้จะผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้วก็ตาม ς(# ゚д゚) ς ทำให้ผมคิดว่าคำพูดที่เค้ากล่าวกันว่าความแค้นเรื่องอาหารนี่มันน่ากลัว นั้นเป็นเรื่องจริง


จะว่าไปลักษณะโต๊ะหมุนทรงกลมแบบที่ใช้ในไชน่าทาวน์ทั่วโลกนี้มีต้นกำเนิดครั้งแรกในปี พ.ศ. 2475 ที่ญี่ปุ่นผู้คิดออกแบบขึ้นมาเป็นคนญี่ปุ่นเขาเปิดให้บริการร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นและอาหารปักกิ่งที่เมืองเมกุโระกรุงโตเกียวนั่นเอง เพราะชาวญี่ปุ่นก็เหมือนกับคนชนชาติอื่นๆ ยังคงมีความหลงใหลในการรับประทานข้าวปลาอาหารอย่างเอร็ดอร่อยใส่ใจและอย่างปลอดภัยครับ แหล่งข่าวบอกว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่อาจจะค่อยไม่สนใจข่าวเรือดําน้ําของประเทศอื่นว่าจะละเมิดน่านน้ําญี่ปุ่นในอาณาเขตใกล้กับโอกินาว่าหรือทะเลญี่ปุ่นหรือไม่ แต่กลับกันเมื่อเกี๊ยวแช่แข็งนำเข้าของต่างประเทศปนเปื้อนด้วยยาฆ่าแมลงกลับทำให้คนญี่ปุ่นรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมาได้ นั่นหมายความว่าอารมณ์แค้นที่เกี่ยวกับอาหารนั้นน่ากลัวจริงๆ อย่างที่ว่ากัน

อย่างไรก็ตามผมไม่เคยได้ยินว่าคนในภูมิภาคต่างๆ ของเมืองไทยมีความขัดแย้งกันเรื่องลักษณะของอาหารเลย แต่ประเทศอื่นๆ มีการขัดแย้งและขัดเคืองกันอยู่นะครับบ้างก็มีการเสียดสีกันเองเช่น ว่าคนเมืองอื่นเป็น "ทอง- ย้อมสี, เล่ห์เลี่ยม, เจ้าเล่ห์" ซึ่งเช่นเดียวกันกับชาวโตเกียว (คันโต) และชาวโอซาก้า (คันไซ) ของประเทศญี่ปุ่นก็ค่อนข้างเป็นปฏิปักษ์ต่อกันเช่นกัน ซึ่งดูเหมือนว่าชาวโตเกียวจะไม่ค่อยชอบคนแถบคันไซสักเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดออกสื่อตรงๆ แต่สำหรับคนโอซาก้า ท้องถิ่นคันไซไม่เกี่ยงไม่สน แม้ว่าจะพูดไม่ดีกับคนโตเกียวออกทีวีในตอนกลางวันก็ไม่แคร์สื่อ สามารถทำได้แบบชิลๆ


เดิมทีเมืองหลวงของญี่ปุ่นคือนครเกียวโตซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของปราสาทราชวังขององค์จักรพรรดิ เกียวโตเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมญี่ปุ่นมานานกว่า 1,000 ปีและมีโอซาก้าซึ่งเป็นเมืองขนส่งที่มีสะพาน 808 แห่งเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจมาตั้งแต่ยุคนั้น แค่ชะตากรรมของโตเกียวได้รับการตัดสินในปี 1603 ช่วงเวลาที่กองทัพตะวันออกของโทกูงาวะ อิเอยาซุ Tokugawa Ieyasu ชนะการต่อสู้จากยุทธการที่เซกิงาฮาระ (関ヶ原の戦い, Sekigahara no Tatakai) ตอนนั้นเอโดะ(โตเกียว)ที่เคยถูกเรียกว่าชนบทที่มีเพียงสุนัขจิ้งจอกและแรคคูนอาศัยอยู่ กลับกลายเป็นที่ตั้งเมืองหลวงแห่งใหม่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ตอนนี้ชาวคันไซเองก็ยังคงตระหนักว่าโตเกียวเคยเป็นชนบทที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเพียง 400 ปี

บ้างก็ว่าบางทีอาจเป็นเพราะความแตกต่างของรูปร่างโมจิที่ร้านอิซากายะในวันปีใหม่ สมัยก่อนรูปร่างของโมจิทั้งสองภูมิภาคมีความแตกต่างกันระหว่างภูมิภาคที่ติดกับกองทัพตะวันออกในการต่อสู้ของสมรภูมิ Sekigahara และอีกด้านที่กองทัพฝั่งตะวันตก เรื่องราวเกี่ยวกับรูปร่างของโมจิทั้งสองฝั่งที่มีความแตกต่างกันนั้นผมได้ฟังมาจากเจ้านายเก่าครับ (ท่านเป็นครูสอนสังคมศึกษาที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง) ตอนนั้นยังคิดว่ามันเป็นเรื่องเล่าสนุกๆ แต่พอมาลองคิดๆ ดูก็พบว่า เหมือนจะค่อนข้างถูกต้อง มันแปลกและมีที่มาที่ไป


เพื่อนๆ อาจจะเคยได้ยินอาหารที่เรียกว่าโอะโซนิ お雑煮(Ozoni) อาหารที่มีมาแต่โบราณของญี่ปุ่น นิยมรับประทานกันในช่วงวันขึ้นปีใหม่ ในเซ็ทอาหารโอะโซนินั้นอาจจะมีเค้กข้าวโมจิรวมอยู่ด้วย เค้กข้าวโมจิเป็นอาหารชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น ทำจากข้าวเหนียว สามารถนำไปประยุกต์ทำขนมได้หลายชนิด หลายคนอาจไม่เคยสังเกตว่ารูปร่างของโมจิที่คนแถบคันไซ (โอซาก้า) กับคนแถบคันโต (โตเกียว) รับประทานนั้นมีความแตกต่างกัน โมจิในอาหารที่รับประทานในเซ็ทโอะโซนิ ในวันขึ้นปีใหม่ของแถบคันไซเป็นโมจิทรงกลมเรียก มารุโมจิ มีคนให้ความหมายว่า ต้นกําเนิดที่มีรูปร่างกลมเพราะหมายถึง "เต็ม" และมักนำไปต้มโดยไม่ต้องย่าง เหมือนแถบคันโต ส่วนรูปร่างของโมจิแถบคันโต โมจิในคันโตมักจะเป็นโมจิของแถบคันโตเป็นรูปสี่เหลี่ยม เขาบอกว่า โมจิสี่เหลี่ยมสามารถปรุงรสได้ในครั้งเดียวแทนที่จะเป็นมารุโมที่ทําด้วยมือทีละชิ้นๆ

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นญี่ปุ่นเหมือนกันแต่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรมทั้งเรื่องอาหารการกิน สู่ประเพณีต่างๆ ระหว่างภูมิภาคคันโตและภูมิภาคคันไซ และอาจกล่าวได้ว่าเหมือนเป็นคนละประเทศยังไงยังงั้น ถ้าเพื่อนๆ ที่ยังนึกภาพภูมิศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นไม่ออก ผมจะอธิบายคร่าวๆ ดังนี้นะครับ ถ้าแบ่งประเทศญี่ปุ่นออกเป็นสองซีกใหญ่ๆ คือ ซีกฝั่งตะวันออกกับซีกตะวันตก โดยซีกฝั่งตะวันออกจะมีภูมิภาคที่เราเรียกว่าคันโต ที่มีกรุงโตเกียวเป็นศูนย์กลาง และซีกตะวันตกจะมีภูมิภาคที่เรียกกันว่าคันไซ ณ ปัจจุบันมีโอซาก้าเป็นศูนย์กลางการค้าและเศรษฐกิจ ทำให้โตเกียวกับโอซาก้า ที่เป็นเมืองใหญ่มักถูกยกเป็นตัวแทนของภูมิภาคในการเปรียบเทียบลักษณะการใช้ชีวิตและอุปนิสัยใจคอของคนในภูมิภาคนั้นๆ นั่นเอง ทั้งสองนี้เหมือนจะค่อนข้างเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน และไม่ค่อยพอใจกันลึกๆ นอกจากเรื่องรูปร่างของโมจิที่แตกต่างกันแล้วยังมีความแตกต่างกันหลายอย่าง อาทิเช่น


● ความแตกต่างในวิธีการยืนบนบันไดเลื่อน เวลาที่คนญี่ปุ่นใช้บันไดเลื่อน มักจะยืนเรียงเป็นแถวตามแนวขึ้นหรือลง โดยจะยืนชิดด้านซ้ายหรือไม่ก็ชิดด้านขวาแล้วเปิดทางให้โล่งไว้สำหรับคนที่รีบกว่าจะได้เดินขึ้นหรือลงไปก่อน มีความแปลกที่ว่า คนในโตเกียวขึ้นบันไดเลื่อนแล้วจะยืนชิดด้านซ้าย เปิดทางให้คนที่รีบเดินที่ฝั่งขวา แต่ว่าคนแถบคันไซ เวลาขึ้นบันไดเลื่อน กลับยืนชิดด้านขวา เปิดทางให้คนที่รีบเดินที่ฝั่งซ้าย ใครไปญี่ปุ่นลองสังเกตดูสิครับ แล้วอย่ายืนผิดฝั่งจากที่คนในท้องถิ่นปฏิบัติล่ะเดี๋ยวจะโดนมองแปลกเอาได้

● ความแตกต่างของความถี่ (hz) ของกระแสไฟฟ้า เป็นเรื่องจริงที่ใช้โรงไฟฟ้าแยกกัน ทั้งโตเกียวและโอซาก้ามีความแตกต่างของความถี่ (hz) ของกระแสไฟฟ้า ต่างกัน คนญี่ปุ่นเองเมื่อข้ามไปถิ่นของอีกฝั่งจะปรับจูนความถี่ของกระแสไฟฟ้าตามท้องถิ่น ไม่งั้นเดี๋ยวนาฬิกาไฟฟ้าเดินไม่เป็นจังหวะ

●คนญี่ปุ่นกินนัตโตะมั้ย? นัตโตะหรือถั่วเหลืองหมัก จะเห็นว่าคนญี่ปุ่นนิยมรับประทานนัตโตะมากเพราะอุดมไปด้วยคุณประโยชน์และแหล่งโปรตีน รู้ไหมว่าถ้าถามว่าคนญี่ปุ่นกินนัตโตะมั้ย? ตอบว่าคนแถบคันโตกิน แต่คนแถบคันไซเกลียดนัตโตะ! ทั้งนี้ทั้งนั้นผมพูดถึงส่วนใหญ่นะครับ อาจจะไม่ใช่ทุกคนในภูมิภาคนั้นๆ ก็ได้ เพราะอาจจะมีปัจจัยเรื่องการเลี้ยงดูหรือความชอบ/ไม่ชอบส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย


●ความแตกต่างของน้ำซุปสต็อก dashi แถบโตเกียวมีร้านโซบะ ที่จะมีอุด้งขายด้วย แต่ไม่มีร้านอุด้งโดยเฉพาะ แถบโตเกียวมักจะใช้น้ำซุปดาชิที่ทำมาจากคัตสึโอะบุชิ katsuo มีกลิ่นหอมและรสชาติของปลาแห้งเข้มข้น ส่วนที่โอซาก้าคอมบุดาชิ ทำจากสาหร่ายคอมบุ ซึ่งเป็นสาหร่ายสีเขียวที่นำมาตากแห้งเพื่อเตรียมทำดาชิ สิ่งที่พิเศษของสาหร่ายคอมบุคือ มีกลูตามิน (Glutamine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เป็นหัวใจหลักของรสชาติอูมามิ มีร้านอุด้ง และด้วยความที่ใช้คอมบุปรุงรสชาติจึงไม่จัดมาก ไม่เค็มมาก ผมก็คิดว่ารสชาติอร่อยทีเดียว คนคันไซบอกว่าที่โตเกียวกินโซบะใส่โชยุไม่อร่อยเลย

●ความแตกต่างในรสชาติของคัพอุด้ง เพื่อนๆ เคยคิดไหมว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อเดียวกันสมมติเขียนว่ารสไก่ แต่ที่ผลิตภัณฑ์ที่วางขายที่จังหวัดหนึ่งกับอีกจังหวัดหนึ่งไม่เหมือนกันซะงั้น เป็นเรื่องจริงที่ญี่ปุ่นคัพอุด้งยี่ห้อเดียวกันต้องทำรสชาติต่างเพราะใช้ดาชิต่างกันระหว่างผลิตภัณฑ์ที่วางขายแถบคันโตและคันไซ ใครไปกินโดยไม่รู้ที่มาที่ไปอาจจะงงนิดหน่อยนะครับเพราะคิดว่า เคยซื้อคัพอุด้งรสนี้ที่โอซาก้าแต่พอมาซื้อแบบเดียวกันที่โตเกียว ทำไมมีรสชาติไม่เหมือนกัน


คือทั้งสองภูมิภาคนี้มีความแตกต่างกันโดยเฉพาะเรื่องของการอาหารการกินค่อนข้างมากเลยครับ เหมือนอยู่คนละประเทศเลยเชียว นอกจากนั้นอาจจะมีเรื่องลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน มีแหล่งข่าวเล่าว่าช่วงที่ยังมีการระบาดของโรคโควิด 19 นี้ เวลาไปสถานที่ต่างๆ ก็จะต้องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายด้วย ถ้าใช้เครื่องวัดอุณหภูมิที่มีลักษณะคล้ายปืนมาจ่อที่ศรีษะคนโอซาก้า ส่วนใหญ่จะสนุกและรู้สึกว่าเป็นเรื่องล้อเล่น บางคนทำท่าโจ๊กว่าถูกปืนจ่อหัวก็จะทำท่าตลกๆ ล้อเล่นไปด้วย แต่ว่าถ้าเป็นคนโตเกียวก็จะโดนมองว่าอะไรเอามาจ่อที่ศีรษะฉันแบบนี้เหมือนทำเรื่องอาชญากรรมหรือเปล่าจะค่อนข้างซีเรียสมากกว่า หรือกรณีที่มีคนแถบโอซาก้าเล่าว่าไปโตเกียวแล้วถูกคนเดินชน เขาไม่หันกลับมาขอโทษสักคำ รีบเดินต่อไปเลย ซึ่งจากลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันนี้ คนโอซาก้ามองว่าคนโตเกียวเป็นคนเย็นชาไปหน่อย คนโตเกียวก็จะมองว่าคนโอซาก้าน่ารำคาญ นะครับ เล่าสู่กันฟังคนเรานานาจิตตัง ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เราต้องอยู่ร่วมกันให้ได้แม้จะมีความแตกต่างกัน วันนี้สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น