xs
xsm
sm
md
lg

คำว่า Okama ความหมายตรงตัวแปลว่า " หม้อ" ครับ!! คนญี่ปุ่นยังเข้าใจผิด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว เผลอแป๊ปเดียวก็เข้าสู่เดือนธันวาคมอีกแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ นะครับ อีกไม่ถึงเดือนก็จะหมดปีนี้แล้ว ปี 2020 นี้รู้สึกว่าจะเป็นปีที่หนักหนาเอาการ มีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่และยาวนานที่ประเทศออสเตรเลีย , สหรัฐสั่งสังหารนายพลอิหร่าน ด้วยการโจมตีทางโดรนระหว่างอยู่ในสนามบินอิรัก กองกำลังป้องกันตนเองของอิหร่าน ยิงเครื่องบินสายการบินยูเครนตก ,เกิดภัยธรรมชาติ เกิดการสู้รบต่างๆ , เกิดฝุ่นพิษ PM2.5 ปกคลุมทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ , และการระบาดของโรค Covid-19 ที่ยังส่งผลกระทบจนถึงปัจจุบัน

สำหรับคนญี่ปุ่นเมื่อถึงเดือนสุดท้ายของปีนี้ก็มักจะสรุปและทบทวนว่าหนึ่งปีที่ผ่านมามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้าง สำหรับความคิดของผม ผมรู้สึกว่าปีนี้มันโหดและมีวิกฤตต่างๆ มากมายแต่แปลกที่เวลาช่างผ่านไปไวมากจริงๆ และเมื่อผมมองย้อนกลับไปถึงวันแรกๆ ที่ผมรู้จักเมืองไทย และได้มาเที่ยวที่เมืองไทยครั้งแรกก็คงจะเกิน 20 ปีกว่าแล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ผมก็ยังรู้สึกว่าเมืองไทยยังคงเป็นเมืองที่สวยงามและมีความวิเศษในความรู้สึกของผมอยู่เหมือนเดิม

ตอนที่ผมมาเที่ยวเมืองไทยครั้งแรก แน่นอนว่าผมพักที่ย่านสุดฮิบของคนสมัยนั้นนั่นก็คือแถวถนนข้าวสาร ที่เต็มไปด้วยคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ สมัยนั้นคนญี่ปุ่นที่มาเที่ยวเมืองไทยและเลือกพักย่านถนนข้าวสารทุกคนจะรู้ข้อมูลตรงกันว่า สามารถรอรถบัสสาย 79 และมีรถธรรมดาเข้าเมืองได้ง่ายๆ และทุกคนจะไปเดินห้างสรรพสินค้าที่อยู่กลางเมืองและไปเที่ยวห้างอิเซตัน แต่ทว่าปีนี้ห้างอิเซตันก็ปิดตัวไปแล้ว ส่วนใหญ่ผมเองจะนั่งรถเมล์ธรรมดาคันเล็กๆ สีเขียวตอนนั้นราคาค่าโดยสารแค่ 3 บาท 50 สตางค์ วันหนึ่งพอขึ้นไปบนรถปุ๊บ ก็มีสาวประเภทสองขึ้นตามมาด้วยสามคน เมื่อพวกเธอเห็นผมเธอก็บอกว่าพวกเธอเป็น お釜 オカマ Okama แล้วก็หัวเราะชอบใจกัน และส่งยิ้มมาทางผม ผมก็ตกใจเหมือนกันว่าพวกเธอรู้จักคำนี้ด้วยหรอ?! ซึ่งจริงแล้วคำนี้ของภาษาญี่ปุ่นเป็นคำที่ค่อนข้างตอบยากมากเหมือนกันนะ

ไม่ใช่แค่สาวๆ ทั้งสามคนที่รู้จักคำว่า Okama ก่อนหน้านี้ตอนที่ผมไปเที่ยวและผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ จ.ระนอง แล้วเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเรียกผมเมื่อถึงคิวว่า "เชิญๆ ครับ Okama san" นั่นก็ทำให้ผมตกใจว่าเอ๊ะทำไมคนไทยรู้จักคำนี้กันเยอะจังเลย

ซึ่งในวันนี้ผมจะเล่าเกี่ยวกับคำว่า お釜 オカマ Okama สักหน่อย ที่จริงคำนี้มีอีกหลากหลายความหมายครับ


●คำว่า お釜 オカマ Okama ความหมายตรงตัว แปลว่า " หม้อ" ครับ


*Kamameshi ข้าวอบปรุงรสสไตล์ญี่ปุ่น ด้วย"หม้อ"ที่ใช้หุงที่มีขนาดเล็กพร้อมเสิร์ฟสำหรับ 1 คน มีทั้งแบบหม้อดินเผาและหม้อเหล็ก จะหุงและปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ ทั้งโชยุ มิริน และเครื่องเคียงต่างๆ เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา เห็ดไมตาเกะ หน่อไม้ ฯลฯ ทำให้น้ำซุปซึมลงไปในข้าวทำให้ได้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อมยิ่งขึ้น
*จะเห็นว่าตัวละครในการ์ตูนอันปังแมน มีเจ้าหม้อด้วยที่เรียกว่า かまめしどん kamameshidon

●お釜 オカマ Okama ที่แปลว่า กระเทย สาวประเภทสอง เกย์ สมัยก่อนใช้เป็นคำแสลงหมายถึงผู้ชายที่ชอบเพศเดียวกัน ต่อมาเปลี่ยนมาเรียกผู้ชายที่ทำตัวท่าทางแบบผู้หญิง

●อีกความหมายหนึ่งที่น่าจะไม่มีในพจนานุกรมต่างๆ แต่คนญี่ปุ่นจะรู้จักความหมายที่จะกล่าวถึงนี้ คือ การขับรถชนท้ายรถคันข้างหน้า หรือรถโดนชนตูดหรือเสยท้าย อย่างนี้ก็เรียก Okama เหมือนกัน

จึงทำให้มีการเข้าใจผิดกันได้ในบางกรณี เช่นมีเรื่องเล่าเรื่องความเข้าใจผิด เป็นการพูดคุยกันของคนสองคน โดยนักแสดงตลกที่ผมรู้สึกชื่นชอบมาก ชื่อทีมว่า アンジャッシュ Unjash เพราะเรื่องต่างๆ มุขตลก มุขขำๆ ฮาๆ ต่างๆ ที่พวกเค้าเล่นออกมาผมรู้สึกว่าผมคุ้นเคยแล้วผมเคยดูมาเกือบทุกตอน ตัวอย่างเช่น "ตอน Okama " เป็นการสนทนาระหว่างนาย Watabe และนาย Kojima ครับ


เปิดเรื่องมาที่นาย Watabe โทรศัพท์ไปหาเพื่อนอีกคนหนึ่งและเล่าว่าเมื่อวานเขาไปขับรถแถวชินจูกุแล้วโดนยากูซ่าขับรถชนท้าย (ภาษาญี่ปุ่นก็โดน Okama มา) เจ็บแถวบั้นเอวไปหมด จากนั้นเขาก็ขอตัดสายโทรศัพท์เพราะว่าเพื่อรุ่นน้องที่เขานัดไว้มาถึงบ้านเขาพอดี และเพื่อนกำลังเคาะ ก๊อกๆๆๆ เพื่อรุ่นน้องคนนี้ชื่อนาย Kojima เมื่อ Kojima เข้ามาในห้องได้ก็รีบสอบถามเรื่องราวนี้กับ Watabe ด้วยความตกใจ และอยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไรบ้าง!?

Watabe: เมื่อวานวิ่งไปแถวซอย 2 มาอ่ะดิ (วิ่งในที่นี้ คือขับรถ และย่านชินจูกุซอย 2 นั้นทุกคนรู้ดีว่า มีบาร์เบียร์เยอะ มียากูซ่า เป็นย่านบาร์เกย์และกระเทยหรือ Okama มากมาย )
เมื่อฟังเช่นนั้น Kojima ก็ยิ่งตกใจ แถมยังเห็นอาการเดินเอวคด เพราะ Watabe ปวดแถวบั้นท้าย !!! เขาเลยถามว่า

Kojima: หูยยยแล้วเป็นไงบ้าง ??

Watabe: ก็เจ็บก้นนะสิ แล้วก็อธิบายว่า ที่เรียก Kojima มาเพราะว่า วันนี้ต้องจ่ายเงินให้ยากูซ่า 500,000 เยน

Kojima:ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ ??! (เขากำลังเข้าใจว่าเพื่อนโดนทำมิดีมิร้ายทางเพศแถวสี่แยกไฟแดง ย่านบาร์เกย์แถวชินจูกุ )

Watabe: ก็เค้าเป็นยากูซ่าไงล่ะ ผมกลัวมากเลย Back เยอะ !! วันนี้ต้องจ่ายเงินให้ยากูซ่า 500,000 เยน แต่ว่าหาเงินไม่ทัน ถ้าอยู่คนเดียวก็กลัวมากด้วยเลยให้นายมาอยู่เป็นเพื่อนหน่อย
Watabe ตั้งใจจะบอกเพื่อนว่า Background (แบคกราวด์ )หรือเบื้องหลังมันเยอะเลยกลัวยากูซ่ามากแต่เพื่อนกลับเข้าใจผิดว่า Back ที่แปลว่าข้างหลัง อีกนัยคือการร่วมเพศทางด้านหลังของผู้ชายกับผู้ชาย Kojima คิดว่า Watabe กลัวมาก เลยพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้

Kojima: อุ๊ย!! ผมไม่มีพาวเวอร์อะไรเลย ผมไม่อยากอยู่เลย ผมช่วยอะไรไม่ได้นะ แล้วถ้าจ่ายเงินเขาไม่ได้จะเป็นยังไง

Watabe: แย่ที่สุดก็คงโดนยำ!! ผมเลยชวนคุณมาให้แอบซุ่มอยู่ข้างหลังแล้วช่วยถ่ายวิดีโอเรื่องราวไว้ให้หน่อย
คือ Watabe จะหมายความว่าคงโดนยากูซ่าซ้อมแต่ว่าเพื่อนเข้าใจว่าจะโดนร่วมเพศอีก แถมเข้าใจผิดไปใหญ่เลยว่าจะให้แอบถ่ายคลิปวิดีโอตอนร่วมเพศไว้ให้ด้วย !!

Kojima: ไม่เอาหรอกทำไมต้องให้ถ่ายวิดีโอ!! ( ゚Д゚* )

Watabe: ถ้าถ่ายวิดีโอไม่ได้ก็มาช่วยกันรุมยากูซ่าไหม >>!??
นาย Watabe เค้าหมายความว่ามาช่วยกันซ้อมยากูซ่า แต่เพื่อนกลับเข้าใจว่ามาช่วยกันรุมโทรมยากูซ่าดีกว่า !!


ทันใดนั้นยากูซ่าคนนั้นก็มากดออดและเคาะห้อง ปังๆๆๆ และเข้ามาถามหาเงิน แต่ Watabe ก็บอกว่าไม่มีๆ ยากูซ่าบอกว่างั้นเอา "Tama" มา !! ทั้งยากูซ่าและ Watabe เข้าใจทางเดียวกันว่าจะซ้อมหรือต่อสู้กัน *( Tama ที่แปลว่าชีวิต แต่ Kojima กลับเข้าใจว่า Tama ที่แปลว่าไข่ ) นาย Kojima ที่แอบซุ่มอยู่ฟังดังนั้นจึงตกใจมากและเข้าใจว่าพวกเขาจะเริ่มร่วมเพศกันแล้ว จังหวะนั้นยากูซ่าเอะใจว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องจึงตะโกนถามไปว่า ใครแอบอยู่ข้างหลัง ?? Kojima จึงเดินออกมาตัวสั่นเทาพร้อมกับเอามือกุมเป้าตัวเองไว้แน่น ยากูซ่าถามว่า แกจะช่วยจ่ายเงินหรือ หรือแกอยากจะโดนอย่างเพื่อนแก!!

Kojima ผู้เข้าใจผิดมาตลอดเรื่อง ก็กลัวจนตัวสั่นและถอดกางเกงหันหลังให้ยากูซ่าทันที !!! กร๊ากกกก 55#$% ยากูซ่าและ Watabe ยืนงง $%#@*&&!! แล้วเรื่องก็จบลงตรงนั้น ด้วยเสียงหัวเราะทั้งเวที นี่คือการใช้คำที่ทำให้คนเข้าใจผิดสำหรับคำที่มีหลายความหมายของคำภาษาญี่ปุ่นครับ


ซึ่งผมเองก็เคยมีสถานการณ์เข้าใจผิดเช่นนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน ตอนที่ผมทำงานแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ก็คืองานราชการที่ดูแลเกี่ยวกับการศึกษาของจังหวัด เมื่อถึงเดือนตุลาคมถึงช่วงสิ้นปีจะเริ่มมีพ่อแม่เด็กๆ เข้ามาปรึกษาขอย้ายโรงเรียนด้วยเหตุผลหลายๆ เหตุผลที่ทำให้ลูกๆ ไม่อยากไปโรงเรียน ซึ่งในบรรดาเหตุผลเหล่านั้นก็มีทั้งเหตุผลที่เป็นไปได้และบางเหตุผลที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็พิจารณาเป็นกรณีๆ ไป แล้วแต่ว่าหัวหน้าผมจะอนุมัติไหม บางกรณีก็จะถูกปฏิเสธไปขึ้นอยู่กับหัวหน้าและเหตุผลที่เหมาะสม

ครั้งหนึ่งคุณแม่มาขอย้ายโรงเรียนของน้อง เพราะบอกว่าน้องเดินไปโรงเรียนผ่านสวนสาธารณะ แล้วเจอ 首吊り Kubitsuri (เจอศพแขวนคอตายบนต้นไม้ ) น้องช็อกมาก ไม่กล้าเดินไปโรงเรียนอีกแล้ว แต่เนื่องจากตอนนั้นคุณแม่พูดไว รัวและเสียงสั่นตกใจทำให้ผมซึ่งฟังไม่ถนัดนักได้ยินเป็นคำว่า 汲み取り Kumitori ( ที่แปลว่าบ่อพักสิ่งปฏิกูลที่ออกมาจากร่างกาย พูดง่ายๆ คือส้วมแบบขุดหลุมกลบอุจจาระ หรือหมายถึงถังเก็บสิ่งปฏิกูลของรถสูบส้วม ) ผมก็สงสัยว่า น้องเดินไปเจอรถสูบส้วมทำไมต้องช็อกขนาดนี้ ผมก็บอกคุณแม่ว่า ใจเย็นครับ เหตุผลแค่นี้จริงๆ หรือครับ คุณแม่ก็บอกว่า มันน่าตกใจมากนะคะ เป็นคุณคุณไม่ตกใจเหรอ บลา บลา คือสรุปว่ากว่าผมจะเข้าใจว่าผมเข้าใจผิดก็คุยกันคนละเรื่องมาตั้งนาน ซึ่งการใช้ภาษาญี่ปุ่นมันมีกรณีที่ทำให้เข้าใจความหมายไปคนละทางได้บ่อยเหมือนกัน ไม่รู้ภาษาไทยมีไหมครับ


นอกจากนี้คำว่า 汲み取り Kumitori นอกจากความหมายด้านบนแล้ว ยังมีความหมายอื่นอีก นั่นคือ "เข้าใจการกระทําความตั้งใจและความคิด" เป็นคําที่ใช้กันทั่วไปในธุรกิจหรือการประชุม ตัวอย่างที่ทำให้คนเข้าใจผิดกันได้ก็คือ เมื่อเจ้านายคนหนึ่งสั่งให้พนักงานขายที่เพิ่งเข้าใหม่ไป Kumitori กับลูกค้า

( ♯`谷´)づ <新入社員はクライアントの所に汲み取り Kumitori 行って来いー!!ให้พนักงานใหม่ไปทำความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าลูกค้ารู้สึกอย่างไร ต้องการอะไร   !! แต่พนักงานใหม่กำลังนึกถึงรถดูดส้วมที่ในพื้นที่ของลูกค้า !! Σ(´・ω・ ) (´・ω・ ) (´・ω・ ` )

คือในกรณีแบบนี้แม้ว่าคนญี่ปุ่นคุยกับคนญี่ปุ่นเองก็มีเรื่องของการเข้าใจคำกันคนละความหมายอยู่บ่อยๆ คือถ้าเป็นลักษณะการสะกดด้วยวรรณยุกต์ มีตัวสะกด มีพยัญชนะอย่างภาษาไทย ก็จะเป็นคนละคำ คนละความหมายกันไปเลย แต่ว่าในภาษาญี่ปุ่นบางทีก็ใช้จำจากเสียงตัวอักษร บางตัวอักษรดันมีเสียงเหมือนกันอีกจึงทำให้เกิดการเข้าใจผิด คนละความหมายอยู่เหมือนกัน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นความยากของการเรียนภาษาญี่ปุ่นนะครับ วันนี้เล่าสู่กันฟังสวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น