xs
xsm
sm
md
lg

Q:ญี่ปุ่น "ถ้าผู้ชายพูดว่าต้องนอนกับผม แล้วผมจะช่วยคุณ" จะตอบอย่างไร?!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว ถ้าพูดคำว่านิสัยไม่ดีเพื่อนๆ จะคิดถึงอะไร คำว่านิสัยไม่ดี คือนิสัยอย่างไร เป็นแบบไหน  คำนี้อาจจะตีความหมายได้กว้างและตามแต่มุมมมองของแต่ละคน   แต่จะส่งผลลบต่อตนเองแน่ๆ เช่น ที่ทำให้กลายเป็นคนไม่น่าคบหา กลายเป็นคนน่ารำคาญ และไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เป็นต้น  เพื่อนๆ เคยทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาเพื่อประเมินลักษณะนิสัยของตัวเองไหมครับ  แบบทดสอบทางจิตวิทยาเป็นเครื่องมือที่ใช้กระตุ้นให้บุคคลตอบสนองออกมา และนำคำตอบที่ได้ไปแปลความหมายเพื่อ วิเคราะห์วิธีการคิด และลักษณะนิสัยพื้นฐานของบุคคล เช่น สติปัญญาแรงจูงใจ ความสนใจ ความถนัด และ บุคลิกภาพ เป็นต้นจริงๆ ผมเองก็ไม่ค่อยได้ทำเกี่ยวกับแบบทดสอบทางจิตวิทยาเท่าไหร่นะ  แต่ว่าก็เคยเห็นมาบ้างตามเว็บเพจ และตามหนังสือ  มีมากมาย

ตอนสมัยที่ผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยมีเพื่อนคนหนึ่งที่ตอนแรกมองว่าไม่น่าจะมาคบหากันได้ แต่ว่ามีโอกาสได้ไปออกค่ายหรือแค้มป์ปิ้งของชมรมที่เดียวกัน จึงได้คุยกันแล้วถูกคอจนกลายมาเป็นเพื่อนสนิทในที่สุด  แม้จะเรียนคนละคณะแต่จะนัดเจอกันตลอด พอมีโอกาสได้เจอกันเมื่อไหร่ก็จะพบกันตลอด และไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จนมีหลายๆ คนบอกว่าผมและเพื่อนเป็นเกย์รึเปล่า?!
 
ผมเองเรียนเกียวกับรัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง แตเพื่อนผมเรียนศึกษาศาตร์ วิชาที่เรียนจะต่างกันของเขามีหลายวิชาที่ต้องเรียนเกี่ยวกับวิชาจิตวิทยา 心理学 Phychology บางครั้งช่วงที่ผมรอเรียนของผมหรือช่วงที่ผมไม่มีวิชาเรียนผมก็จะเข้าไปนั่นเรียนในคลาสของเขาด้วย คือไปคุยกันทั่วไปรอเวลา บางวิชาคุยดังไม่ได้ก็ใช้เขียนข้อความในกระดาษโต้กันไปมาก็ขำกันไป  วันหนึ่งเข้าไปในห้องเรียนคลาสใหญ่มีสาวอีกคนนั่งข้างๆ เพื่อน สาวคนนี้ผมก็รู้จัก เพราะตอนที่ไปแคมป์ของชมรมเธอก็ไป ก็เลยรู้จักกันทั้งสามคน ข้างๆ สาวคนนี้ก้มีสาวน่ารักเรียบร้อยอีกคนหนึ่งเป้นเพื่อนของเธอนั่งอยู่ด้วย  แต่สำหรับสาวที่รู้จักกันที่แคมป์นั้น บอกตรงๆ ไม่ได้ว่านะครับคือมีคนพูดหลายคนว่าหน้าตาค่อนข้างจะดูไม่ได้หรือออกไปทางขี้ริ้วขี้เหร่อยู่พอสมควร ปกติแล้วถ้าเธอสงบเสงี่ยมเรียบร้อยทำตัวให้น่ารักก็คงพอจะอาศัยความน่ารัก หรือถ้าเป็นคนอารมณ์ดี อารมณ์ขันก็คงจะดีอยู่บ้าง  แต่ผิดครับเธอหลงตัวเอง มักจะโวยวายและคิดว่าตัวเองมีความเด่นสง่ากว่าใครๆ ซึ่งคนลักษณะนี้ที่จริงแล้วผมก็ไม่ค่อยชอบนัก  ครั้งหนึ่งเธอพูดกับผมว่า  "ทำไมผมชอบมาอยู่ใกล้ๆ เธอหล่ะ ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็จะเห็นผมอยู่ตรงนั้นด้วย!!?" พูดแบบนี้ผมก็อึ้งสิครับพี่ (*゚-゚) ( ಠωಠ) ...(´・ω・` )。oO「何を言ってるんだ、この人は」คนนี้นี่ พูดอะไรเนี่ย ?

ผมฟังแล้วผมก็ตกใจ แต่ถ้าเป็นคำพูดเดียวกันโดยที่เพื่อนสาวของเธอมาพูดแบบนี้ผมอาจจะบอกว่า บังเอิญนะครับ ยังไงถ้ามีเวลาก็ไปกินชาด้วยกันไหม ( ੭*˙꒳ ˙)੭E旦' อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ แต่ว่าถ้าเธอพูดออกมาแบบนี้ผมก็ไม่รู้จะตอบอะไรเลย  หมายถึงปฏิกิริยาของผู้พูดและผู้ฟังก็จะต่างกันไปตามแต่ละคนพูดและคนฟังนะ เพื่อนๆ เคยเจอแบบนี้ไหมล่ะครับ

วันนั้นบังเอิญที่ผมเข้าไปนั่งเรียนกับเพื่อนนั้น เป็นวิชาจิตวิทยาพอดี อาจารย์กำลังเล่าเรื่องเกี่ยวกับบททดสอบทางจิตวิทยาบทหนึ่งอยู่ ที่ว่า
 
การทดสอบทางจิตวิทยาในครั้งนี้เรื่อง  “ผู้หญิงข้ามแม่น้ำ”  ในอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง  แต่ก็อ้างอิงมาจากแบบทดสอบทางจิตวิทยาเดิม
ตัวละครในเรื่องมี  เปโตร, แม่, เอดูอาร์โด, ดอนน่า, ชาร์ล 
 
ทุกคนลองตั้งใจฟังดีๆ แล้วคิดตามเหตุการณ์ไปด้วยนะ...

กาลครั้งหนึ่งมีหมู่บ้านอยู่สองหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลกัน แยกกันโดยมีแม่น้ำสายใหญ่กั้นขวางเอาไว้   หมู่บ้านที่หนึ่งมีครอบครัวหนึ่งที่มีลูกสาวชื่อว่า ดอนน่า ดอนน่าเป็นสาวสวยน่ารัก เป็นที่ถูกตาต้องใจหนุ่มๆ ที่ได้พบเห็นเธอ แต่ว่าดอนน่าเธอมีคู่หมั้นแล้ว คู่หมั้นของเธอเป็นชายหนุ่มที่ชื่อว่าเปโตร ทว่าทั้งสองคนนั้นอยู่คนละหมู่บ้าน

หมู่บ้านที่ดอนน่าใช้ชีวิตอยู่และหมู่บ้านของเปโตรนั้นมีแม่น้ำสายใหญ่กั้นอยู่    แม่น้ำสายนี้ลึกกว่าแม่น้ำปกติและมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากมาก นอกจากนั้นยังเป็นแม่น้ำที่มีจระเข้ดุร้ายมากๆ อาศัยอยู่ ..

ดอนน่าคิดถึงแฟนหนุ่มของเธอมาก เธอต้องการที่จะไปพบกับเปโตร  แต่มีทางเดียวคือต้องข้ามแม่น้ำสายนี้ไปให้ได้เท่านั้น  เธอคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะการข้ามแม่น้ำสายนี้เพื่อเดินทางไปพบกับคู่หมั้นของเธอให้ได้  เธอคิดออกว่าการที่จะข้ามแม่น้ำได้นั้นมีเพียงเรือเท่านั้นที่จะช่วยทำให้เธอข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้ และที่หมู่บ้านของเธอก็มีเพียงคนเดียวที่มีเรือ นั่นคือผู้ชายที่ชื่อเอดูอาร์โดเขาเป็นคนเดียวที่มีเรือบนชายฝั่งนี้..

ดอนน่าจึงเดินทางไปขอร้องและสอบถามเอดูอาร์โดว่าจะช่วยพาเธอไปอีกฝั่งหนึ่งได้ไหม

เอดูอาร์โดจึงตอบว่า: "ถ้าคุณมาอยู่และใช้เวลากลางคืนกับฉัน ฉันจะพาคุณไปที่นั่น"

ดอนน่าตกใจกับข้อเสนอของเอดูอาร์โดเป็นอย่างมาก  จึงไปปรึกษาแม่ของเธอ แม่ของเธอกล่าวว่า "ดอนน่าแม่เข้าใจสิ่งที่ลูกวิตกและปัญหาของลูก แต่นี่เป็นปัญหาของลูกดังนั้นลูกต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง"!!

ในที่สุดดอนน่าก็ตัดสินใจ  เธอไปหาเอดูอาร์โดและใช้เวลากลางคืนกับเขา  ในเช้าวันถัดไปเอดูอาร์โดจึงพาดอนน่าข้ามแม่น้ำไป

การที่ดอนน่าสามารถข้ามแม่น้ำไปได้ ทำให้เธอและเปโตรได้พบกันอย่างอบอุ่น  เธอมีความสุขมากที่ได้พบกับคู่หมั้นของเธอ ในวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่เธอจะแต่งงานกับเปโตรด้วย  คืนก่อนการแต่งงานของเธอนั้นเอง ดอนน่าไม่สามารถเงียบอยู่ได้ และเธอบอกเปโตรว่าที่เธอสามารถข้ามแม่น้ำมาได้นั้น เธอมาได้อย่างไร และเกิดอะไรขึ้นบ้าง!!..

หลังจากที่เปโตรฟังแล้ว มีคำตอบให้เธอว่า  "แม้ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายในโลก ผมคิดว่าผมก็คงจะไม่แต่งงานกับคุณ"「たとえお前がこの世で最後の女性だとしても、私はお前と結婚しようとは思うまい」

ดอนน่าได้ฟังดังนั้นจึงเสียใจเป็นอย่างมากที่ถูกทอดทิ้งเธอไม่คิดว่าเปโตรจะตัดสินใจเช่นนี้

เธอเสียใจร้ำไห้ จนน้ำตาจะเป็นสายเลือด ตอนนั้นเองมีชายคนหนึ่งชื่อชาร์ลเดินผ่านมาที่นั่น  เขาเห็นดอนน่าร้องไห้ที่ข้างถนนและถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น  ดอนน่าเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง

หลังจากฟังเรื่องราวของดอนน่าแล้วชาร์ลกล่าวว่า  " ถึงผมไม่ได้รักคุณมาก่อน  แต่ผมจะแต่งงานกับคุณเอง  ไปกับฉันเถอะ"「君のことは愛してはいないけど結婚してあげよう。私についてきなさい」

 ..🌟

ทุกคนนั่งฟังเรื่องที่อาจายร์เล่าอย่างเงียบกริบรวมทั้งผมเองด้วย หลังจากที่อาจารย์เล่าเรื่องจบ  อาจารย์ก็ถามขึ้นมาว่า ให้ทุกคนใช้เหตุผลของตนเองเลือกคนที่เราคิดว่าเราชอบมากที่สุด และคนที่เราไม่ชอบมากที่สุด โดยเลือกจาก 5 คนนี้  คือ ดอนน่า, เปโตร, แม่, เอดูอาร์โด, ชาร์ล ใครก็ได้ที่เราคิดว่าเราต้องการเลือก  และอธิบายว่าทำไม
 
เพื่อนๆ จะเลือกใครครับ ?!
 
อาจารย์ให้ทุกคนยกมือตามที่อาจารย์จะเอ่ยชื่อออกมา  เช่นใครชอบคนไหนมากที่สุด  ใครชอบดอนน่ามากที่สุด  ใครชอบเปรโตมากที่สุด  ใครชอบเอดูอาร์โด หรือชาร์ล หรือแม่มากที่สุด  และเกลียดใครมากที่สุดตามลำดับเช่นเดิม  สรุปว่าผลที่ออกมานั้นคือทุกคนยกมือตามสิ่งที่ตัวเองคิด ด้วยเหตุผลของตนเองและเป็นค่าเฉลี่ยที่เท่าๆ กันไป แต่แปลกที่ครั้งนั้นอาจารย์ไม่ได้บอกผลลัพธ์ของแต่ละความหมายว่าชอบคนนั้นจะเป็นอย่างไร หรือชอบคนนี้จะเป็นอย่างไรอาจารย์ไม่ได้เฉลยว่าใครคือคนที่ดีที่สุดหรือแย่ที่สุด  แต่หลังจากที่ค่าเฉลี่ยของทุกคนเท่าๆ กัน   อาจารย์พูดว่านี่แหละคือสิ่งที่ครูต้องการจะบอก  ครูไม่ได้บอกว่าใครคือคนที่มีคนเกลียดมากที่สุด  หรือใครคือคนที่มีคนชอบมากที่สุด   แต่สิ่งที่ครูจะบอกก็คือ  “พวกเราทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง” และทำให้ค่าเฉลี่ยก็จะเท่าๆ กัน  ทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองชอบ มีสิ่งที่ตัวเองเกลียดหรือไม่ชอบ ด้วยเหตุผลเฉพาะตัว นี่คือประเด็นสำคัญในการอยู่ร่วมกันในสังคม คือการรับฟังและเคารพในเหตุผลมุมมองของบุคคลอื่นๆ ด้วย

เช่นกัน แม้เราจะตัดสินใจคนอื่นๆ จากภายนอกที่เรามองเห็น หรือเมื่อเราบอกว่าคนนั้นคนนี้มีบุคลิกภาพที่ไม่ดี ไม่มีประสิทธิภาพ มันก็เป็นเพียงมุมมองหนึ่งเท่านั้น  การพูดสิ่งที่คุณต้องการพูด หรือผู้ที่ไม่ได้ทำตามสิ่งที่คุณพูด หรือทำเมื่อคุณบอกว่ามันไม่ดี ไม่ว่าอะไรก็ตาม อยากให้ทุกคนตะหนักถึงเหตุผลของแต่ละบุคคลในสังคม  ทุกคนย่อมมีเหตุผลของตัวเองแม้ว่าอาจจะไม่ตรงกับความคิดของเราก็ได้ เหตุผลในการตัดสินใจจึงแตกต่างกัน ถ้าจะเปลี่ยนควรเปลี่ยนที่มุมมองของ “ตัวเรา” เอง  ผมว่าเป็นคำสอนที่ดีเลยครับ ตกลงเพื่อนๆ เลือกใครครับ วันนี้สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น