บริษัทจดทะเบียนของญี่ปุ่นมากกว่า 2 ใน 3 หรือเกือบ 70% รายงานผลกำไรลดลงอย่างมากในรอบไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลการสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
บริษัทญี่ปุ่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว 53 แห่งรายงานว่ากำไรจากการประกอบการลดลงอย่างมากในรอบเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม บริษัทเหล่านี้มีทั้งอยู่ในภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องจักร และรถยนต์ ซึ่งเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดของญี่ปุ่น
การลดลงของผลกำไรของบริษัทญี่ปุ่นในครั้งนี้ ถือว่าส่งผลกระทบต่อบริษัทต่าง ๆ มากที่สุด รองจากช่วงวิกฤตซับไพร์มของสหรัฐที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลกเมื่อปี 2009 บริษัทขนาดใหญ่ต่างบอกว่า กำไรจากการประกอบการที่ลดลงในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลมาจากเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัว
นิสสันอ่วมสุด ตัดลดงานราว 12,500 ตำแหน่ง
นิสสัน ค่ายรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นทรุดหนักหลังกรณีอื้อฉาวของนายคาร์ลอส คอส์น อดีตผู้บริหารสูงสุด กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนอยู่ที่ 1,600 ล้านเยน ลดลงมากกว่า 98% โดยเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับบริษัทในไตรมาสเดียวกันนี้
ยอดขายอยู่ที่ 2.37 ล้านล้านเยน ลดลงเกือบะ 13% ในรูปของเงินเยน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากยอดขายลดลงในสหรัฐและยุโรป
นิสสันได้ประกาศตัดลดคนงานราว 12,500 ตำแหน่งทั่วโลกภายในเดือนมีนาคม 2566 พรัอมระบุว่าจะเร่งความพยายามในการปฏิรูปบริษัท
ส่วนมิตชูบิชิ ก็มีกำไรลดลงมากถึง 67% มีเพียงโตโยต้าที่ยังรักษายอดขายเป็นอันดับที่ 2 ของโลกได้ เนื่องจากยอดขายรถยนต์หรูหรา และรถยนต์ไฟฟ้าในจีนยังไปได้ดี
ผลกำไรในไตรมาสล่าสุดที่ทรุดฮวบ ประกอบกับสงครามการค้าสหรัฐ-จีนที่ยืดเยื้อ และรัฐบาลญี่ปุ่นจะขึ้นภาษีผู้บริโภคในเดือนตุลาคมนี้ ทำให้บริษัทจดทะเบียนจำนวนมากในญี่ปุ่นปรับลดการคาดการผลกำไรตลอดทั้งปีนี้ลง โดยเฉพาะผู้ประกอบการกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และชิ้นส่วนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ได้รับผลกระทบหนักมาก และคาดว่ากำไรตลอดทั้งปีจะลดลงอย่างมาก
แคนนอน ผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพ รายงานว่าผลกำไรลดลง 56% ในไตรมาสเดือนเมษายนถึงมิถุนายน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แคนนอนระบุว่า ยอดขายกล้องดิจิทัลลดลงอย่างมากในประเทศจีน
โคมัตสึ ผู้ผลิตเครื่องจักรก่อสร้าง ระบุว่า ยอดขายลดลงเกือบ 30% ในตลาดจีน เนื่องจากการก่อสร้างชะลอตัวลงอย่างมาก ทำให้ผู้กำไรของทางบริษัทหายไปมากถึง 1 ใน 4
นิเด็ค ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศว่าผลกำไรลดลง 38.8%
ออมรอน ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ก็ประกาศว่าผลกำไรลดลงกว่า 41%
ฟานุค ผู้นำเรื่องหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระบุว่าผลกำไรลดลง48%.