ผู้เฒ่าชาวเกาหลีใต้จุดไฟเผาตัวเองที่ด้านหน้าสถานทูตญี่ปุ่น ประจำกรุงโซล โดยยังไม่ทราบแน่ชัดว่า เกี่ยวข้องกับการประท้วงที่ญี่ปุ่นสั่งควบคุมการส่งออกวัสดุเทคโนโลยีไปยังเกาหลีใต้ จนเกิดเป็นสงครามการค้าระหว่างสองชาติในขณะนี้หรือไม่
ตำรวจกรุงโซลแถลงว่า เมื่อเวลาราวตี 3 ของวันนี้ (19 ก.ค.) ชายวัย 78 ปีคนหนึ่งได้ขับรถยนต์มาจอดที่บริเวณตึกที่ตั้งของสถานทูตญี่ปุ่น ประจำกรุงโซล จากนั้นก็จุดไฟเผาตัวเองขณะที่อยู่ในรถยนต์จนไฟลุกท่วม เจ้าหน้าที่ได้ดับเพลิงและช่วยชราออกมาได้ แต่เขายังมีอาการสาหัส ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้เนื่องจากชายชรายังไม่ได้สติ แต่การตรวจสอบภายในซากรถที่ถูกไฟไหม้ พบว่ามีการเตรียมวัตถุไวไฟเพื่อมาเผาตัวเองภายในรถ ไม่ใช่อุบัติเหตุ โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบรถยนต์และกล้องวงจรปิด รวมทั้งสอบสวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคาร เพื่อสืบหาต้นตอของการก่อเหตุครั้งนี้
สื่อเกาหลีใต้จำนวนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า การเผาตัวครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการประท้วงต่อต้านญี่ปุ่นหรือไม่? เพราะขณะนี้เกาหลีใต้และญี่ปุ่นกำลังมีข้อพิพาททางการค้า อันเนื่องมาจากญี่ปุ่นสั่งควบคุมการส่งออกวัสดุเทคโนโลยีไปยังเกาหลีใต้ เพื่อตอบโต้ที่ศาลเกาหลีใต้พิพากษาให้บริษัทญี่ปุ่นจ่ายค่าชดใช้ให้กับอดีตคนงานชาวเกาหลีใต้ ที่ถูกบังคับใช้แรงงานในโรงงานของญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลก
แต่ฝ่ายรัฐบาลญี่ปุ่นอ้างว่า มาตรการดังกล่าวใช้เพื่อสกัดกั้นการลักลอบส่งต่อวัสดุไฮเทคเหล่านี้ไปให้เกาหลีเหนือผลิตเป็นอาวุธ
พลเมืองเกาหลีใต้ได้รณรงค์ให้ “งดซื้องดขาย” สินค้าของญี่ปุ่นเพื่อตอบโต้ และมีการประท้วงที่ด้านหน้าสถานทูตญี่ปุ่นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าการเผาตัวครั้งนี้เกี่ยวข้องกับสงครามการค้าระหว่างสองชาติ
เมื่อปี 2560 พระสงฆ์เกาหลีรูปหนึ่ง ได้จุดเผาเผาตัวเพื่อประท้วงการที่รัฐบาลเกาหลีตกลงรับเงินจากรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อยุติเรื่องการบังคับหญิงสาวเกาหลีให้เป็น “ทาสกาม” ให้ทหารญี่ปุ่นในสงครามโลก.