xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นเปิดสงครามการค้าเกาหลีใต้ "ซัมซุง" ส่อสาหัส

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ญี่ปุ่นเปิดสงครามการค้ากับเกาหลีใต้ ด้วยวิธีการแบบเดียวกับที่รัฐบาลสหรัฐคว่ำบาตรบริษัทหัวเว่ยและธุรกิจของจีนโดยสั่งควบคุมการส่งออกวัสดุเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังเกาหลีใต้ หวังตัดทางยักษ์ใหญ่อย่าง ซัมซุงไม่สามารถผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหัวใจของเกาหลีใต้

ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกวัสดุเทคโนโลยีขั้นสูง 3 ชนิดไปยังเกาหลีใต้ โดยวัสดุเหล่านี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตหน่วยความจำ จอภาพ และสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นสินค้าออกสำคัญ ในสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 5 ของเศรษฐกิจเกาหลีใต้

ญี่ปุ่นอ้างเหตุผลในการจำกัดการสิ่งวัสดุไฮเทคใช้กับเกาหลีใต้ว่า เพราะเกาหลีใต้อาจนำวัสดุเหล่านี้ไปให้กับเกาหลีเหนือ เพื่อใช้ผลิตเป็นอาวุธ แต่ความจริงแล้วเบื้องหลังของเรื่องนี้คือการ “ชำระแค้น” ในกรณีสงครามโลก

เกาหลีใต้เป็นฝ่ายเปิดศึกครั้งนี้ก่อน ตั้งแต่ประธานาธิบดีมุน แจอิน เข้ารับตำแหน่งก็ผลักดันนโยบายญาติดีกับเกาหลีเหนือ และหันปลายหอกมายังญี่ปุ่น ทั้งยกเลิกเงินกองทุนที่ญี่ปุ่นมอบให้เพื่อยุติเรื่องทาสกามสมัยสงครามโลก หลังจากนั้น ศาลเกาหลีใต้ยังมีคำพิพากษาให้บริษัทของญี่ปุ่นจ่ายเงินชดใช้ให้กับอดีตแรงงานชาวเกาหลีใต้ ที่เคยถูกบังคับใช้แรงงานในโรงงานของญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

ฝ่ายญี่ปุ่นอ้างว่าเคยจ่ายเงินชดใช้ให้เกาหลีไปแล้วหลังสงครามสิ้นสุด ทั้งสองชาติยังทำสัญญาร่วมกันในปี 1965 ว่าจะยุติการเรียกร้องใด ๆ อีก และปรับความสัมพันธ์สู่ระดับปกติ โดยเกาหลีใต้ได้นำเงินจากญี่ปุ่นไปฟื้นฟูประเทศขึ้นมาได้

หากแต่เกาหลีใต้กลับอ้างว่า คำพิพากษาของศาลเป็นการชดเชยให้กับอดีตแรงงานและครอบครัว ไม่ใช่รัฐบาล และหากญี่ปุ่นไม่จ่าย ศาลเกาหลีใต้ก็จะออกคำสั่งยึดทรัพย์สินของบริษัทญี่ปุ่นที่อยู่ในเกาหลีใต้

รัฐบาลของนายชินโซ อาเบะ จำต้องกลืนเลือดที่ถูกเกาหลีใต้ฉีกหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ในที่สุดก็ได้ไอเดียจากการที่รัฐบาลสหรัฐของโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งห้ามบริษัทสหรัฐขายอุปกรณ์ให้กับหัวเว่ยจนฝ่ายจีนเสียรังวัดไปหลายขุม รัฐบาลญี่ปุ่นจึงเดินหมากแบบเดียวกัน โดยตัดเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้
ซุปเปอร์มาเก็ตในเกาหลีใต้ติดป้าย งดซื้องดขายสินค้าญี่ปุ่น ขณะที่พลเมืองชาวเกาหลีใต้รณรงค์ให้คว่ำบาตรตอบโต้ญี่ปุ่น
เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของเกาหลี ต้องพึ่งวัตถุดิบจากญี่ปุ่น

ซัมซุง และ SK Hynix คือ เบอร์ 1 ของโลกในการผลิตสมาร์ทโฟนและจอภาพ โดยยึดสัดส่วน 70% ของ DRAM และ 90% ของจอ OLED ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน จอคอมพิวเตอร์ จอโทรทัศน์ ของยี่ห้ออื่น ๆ ก็จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของเกาหลีใต้

แต่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของเกาหลีใต้นั้น จำเป็นต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากญี่ปุ่นมากกว่า 90% และวัตถุดิบเทคโนโลยีชั้นสูงนี้ไม่สามารถมีประเทศอื่นผลิตทดแทนได้ หมายความว่า บริษัทของเกาหลีใต้อาจถึงกับต้องหยุดการผลิต ถ้าหากบริษัทญี่ปุ่นไม่ส่งวัตถุดิบให้

ประธานาธิบดีมุน แจอิน ถึงกับนั่งไม่ติด ต้องเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมด้วย 30 บริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ แต่ก่อนการประชุมครั้งนี้นายใหญ่ของซัมซุง ลี แจยง กลับเดินทางไปญี่ปุ่น !

ลี แจยง เดินทางมายังญี่ปุ่นเพื่อเจรจากับบรรดาซัพพลายเออร์ เพราะซัมซุงมีสต็อกวัตถุดิบที่ญี่ปุ่นจะควบคุมการส่งออกอยู่เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น แต่นี่เป็นศึกระหว่างชาติ มีหรือที่บริษัทของญี่ปุ่นจะยอมยืนข้างซัมซุง ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นก็ตอกลิ่มว่า ให้ซัมซุงกลับไปคุยกลับรัฐบาลเกาหลีใต้เรื่องค่าชดเชยสมัยสงครามเสียก่อน

เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นลงดาบ บริษัทเกาหลีจึงต้องหาทางรอดโดยไปขอซื้อวัตถุดิบจากไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้รับจ้างผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ และมีวัตถุดิบที่สั่งจากญี่ปุ่นมาสำรองไว้....แต่บริษัทไต้หวันเป็นคู่แข่งโดยตรงกับเกาหลีใต้ มีหรือที่จะช่วยเหลือเกาหลี สู้อยู่บนภูดูเสือกัดกัน จะได้ประโยชน์มากกว่า

ญี่ปุ่นเตรียมดาบ 2 ดาบ3 ฟันแดนโสมไร้ปราณี

ญี่ปุ่นรู้ดีว่ามาตรการตัดเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจของแดนโสมได้ผล จึงได้ทีขี่แพะไล่ ขู่ว่าจะตัดเกาหลีใต้ออกจาก “บัญชีสิทธิพิเศษทางการค้า” ซึ่งจะทำให้การส่งออกเครื่องจักร และวัตถุดิบต่าง ๆ จากญี่ปุ่นไปยังเกาหลีใต้ ต้องใช้เวลาขออนุญาตจากรัฐบาลญี่ปุ่นนานถึง 90 วัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่บริษัทของเกาหลี จะต้องพักการผลิตนานถึงขนาดนั้น

ญี่ปุ่นยังขู่ว่า ถ้าเกาหลียังไม่ยอมศิโรราบ ญี่ปุ่นจะขยายการควบคุมวัตถุดิบอื่นๆ ซึ่งรวมถึงแบตเตอรีของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งบริษัทมัตสึชิตะ คือเบอร์หนึ่งของเทคโนโลยีนี้ และกล่องควบคุมความเร็วในรถยนต์ ก็เป็นเทคโนโลยีของบริษัทไอซิน ของญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน

หากญี่ปุ่นลบดาบซ้ำที่อุตสาหกรรมรถยนต์ ยักษ์ใหญ่อย่าง ฮุนได แดวู ก็ต้องเจ็บสาหัสไม่แพ้ซัมซุง

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีดาบ “ตัดเงินทุน” เพราะบริษัทเกาหลีมากถึง 1 ใน4 กู้เงินจากธนาคารของญี่ปุ่น เพียงแค่ธนาคารของญี่ปุ่นไม่ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ หรือไม่ปล่อยเงินกู้เพิ่มเติมให้กับธุรกิจของเกาหลี วันโลกาวินาศก็จะมาถึงอย่างแน่นอน

รัฐบาลเกาหลียังไปฟ้ององค์กรการค้าโลก หรือ WTO ว่าญี่ปุ่นกีดกันทางการค้า แต่ทูตญี่ปุ่นประจำWTO กลับโต้อย่างไม่ยี่หระว่า ญี่ปุ่นเพียงแต่ยกเว้นสิทธิพิเศษที่เคยให้กับเกาหลี และกลับสู่วิธีปฏิบัติปกติเท่านั้น

จากนั้น รัฐบาลเกาหลีก็ไปฟ้องสหรัฐ เพื่อหวังให้เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย แต่สหรัฐก็น้ำท่วมปาก ได้แต่แสดงความหวังว่าญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐทั้งคู่ จะคุยกันรู้เรื่อง



ซัมซุงย่ำรอยหัวเว่ย การเมืองทำบรรลัย 

เมื่อกูเกิลระงับการทำธุรกิจกับหัวเว่ย ทำรัฐบาลจีนสะเทือน เมื่อญี่ปุ่นไม่ส่งวัตถุดิบทางเทคโนโลยีให้เกาหลีใต้ ซัมซุงก็อาจต้องระงับการผลิต แต่เกาหลีอาการสาหัสยิ่งกว่า เพราะไม่ใช่แค่ซัมซุง แต่ยังรวมถึงบริษัทอื่น ๆ เกือบทั้งประเทศ เพราะญี่ปุ่นรู้ดีว่า บริษัทยักษ์ 10 ใหญ่ของเกาหลีใต้ ยึดเศรษฐกิจของแดนโสมมากกว่าร้อยละ 80 เพียงแค่ทำให้บริษัทแห่งเดียวมีปัญหา เศรษฐกิจของแดนโสมก็จะทรุดฮวบทันที

นอกจากนี้ การลงทุนด้านการวิจัยของเกาหลีใต้ เทียบไม่ได้กับจีนHuaweiเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใช้งบประมาณในการลงทุนสูงที่สุดในโลก เมื่อมีความเสี่ยงที่ระบบปฏิบัติการแอนดรอยส์ หัวเว่ยก็ประกาศว่ามีระบบปฏิบัติการ “หงเหมิง” ของตัวเอง แต่ Samsungอาจไม่มีทางออกสำรองเช่นนี้

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และ ญี่ปุ่น-เกาหลี ได้พิสูจน์ว่าทุกวันนี้ความขัดแย้งระหว่างประเทศอาจไม่จำเป็นต้องชำระแค้นกันด้วยอาวุธอีกแล้ว แต่ใช้การค้าและเทคโนโลยีที่มีเพื่อกดดันเศรษฐกิจของอีกฝ่าย เมื่อบริษัทใหญ่ ๆ เดือดร้อน รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน.

ต้นฉบับบทความจาก เพจ บูรพาไม่แพ้


กำลังโหลดความคิดเห็น