บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หรือด้วยฤทธิ์พิศวาส..รหัสปริศนาที่ถูกทิ้งไว้จึงมีมนต์มายาราวกับส่งสัญญาณขึ้นมาจากอเวจี
…คุณคงคิดว่าฉันใจร้าย แต่ก็อย่างที่บอกคือฉันไม่เข้าใจว่าอย่างไรจึงจะเรียกว่า “ใจร้าย” สิ่งที่คนทั่วไปมองว่าใจร้ายนั้นสำหรับฉันคือการแสดงความรักที่สุดยอด”
วินาทีนั้นเอง มีตัวอะไรดำ ๆ บินผ่านวูบเข้ามาในวงสว่างบนเพดานหลุมหลบภัยที่เกิดจากลำแสงทรงกรวยของไฟฉายส่องขึ้นไปจับ ขยับปีกพั่บ ๆ หล่นลงมาบนตักของยูมิโกะ ตามมาด้วยกรีดเสียงร้องชวนให้ขนลุกก้องกังวานไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมอับทึบนั้น
อากาศที่นิ่งอยู่ไหวตัวรุนแรง ยูมุโกะผลุดลุกขึ้นยืนตัวตรง ชี้นิ้วและกรีดเสียงสั่งกราดเกรี้ยวราวคนเสียสติ
“โชจิ โชจิซัง ฆ่ามัน ฆ่ามันเดี๋ยวนี้”
นักสืบอาเกจิหยิบไฟฉายส่องไปที่ตัวสัตว์ที่ถูกยูมิโกะสลัดจากตักตกลงไปบนพื้นห้อง พบว่ามันก็แต่ซากศพตั๊กแตนแห้ง ๆ ที่ติดอยู่กับรังค้างคาวบนเพดาน ทาเกฮิโกะหยิบกระดาษทิชชูออกมาจากกระเป๋า เอามันรองมือหยิบศพตั๊กแตนขึ้นมาห่อแล้วโยนไปให้พ้นตาคุณนายโฉมงามที่มุมห้อง
เหมือนกันไม่มีผิด ทาเกฮิโกะนึกถึงตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์โองาวาระใหม่ ๆ ยูมิโกะยืนส่องกล้องสองตาดูแมลงในสวนและพอเห็นตั๊กแตนนางก็แสดงความหวาดกลัวเช่นเดียวกับตอนนี้
เรื่องนี้นักสืบอาเกจิเคยได้ยินจากทาเกฮิโกะมาแล้วและก็ได้อ่านพบในไดอารี่ของยูมิโกะด้วย
“คุณยูมิโกะครัวตั๊กแตนขนาดนี้เลยรึ”
นักสืบเอกถามด้วยเสียงสงบราบคาบอย่างประหลาด คุณนายโฉมงามผู้อาจหาญขณะนี้หมดแรงที่จะโต้ตอบ ได้แต่ยืนตรงตัวสั่นอยู่อย่างนั้น
“กลัวแต่ตั๊กแตน แล้วแมงมุม ตะขาบ งู อะไรแบบนั้นไม่กลัวหรอกหรือครับ”
ยูมิโกะพยักหน้า
“ใช่ ตั๊กแตนอย่างเดียว”
ว่าแล้วกลับมานั่งห่อตัวอยู่ที่เดิม
“รู้ตัวไหมว่าทำไม”
ยูมิโกะไม่ตอบ
“เธอเห็นมันตอนที่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ หรือไม่ก็อ่านพบเรื่องราวของมันในหนังสือ แล้วค่อย ๆ รู้ขึ้นมาทีละน้อยว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกับเธอ และยิ่งรู้ก็ยิ่งเกลียดมันยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งความเกลียดกลายเป็นความกลัว เธอรู้ไหมว่า การเห็นสิ่งมีชีวิตที่มีพฤติกรรมทางเพศอย่างเดียวกันกับตนนั้น น่ากลัวกว่าทุกสิ่งที่ใคร ๆ ว่าน่ากลัวหลายเท่านัก”
ไม่มีคำตอบจากยูมิโกะ
“ถึงเธอจะไม่รู้สึก แต่สามัญสำนึกของเธอต้องรู้แน่ กรณีเช่นนี้ความกลัวยิ่งรุนแรงสาหัสกว่ามาก แมงมุมก็มีพฤติกรรมอย่างเดียวกัน แต่เธออาจไม่รู้ เลยไม่กลัวมัน”
นักสืบอาเกจิจ้องหน้ายูมิโกะเขม็ง และยูมิโกะก็จ้องตอบด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอีกเท่าตัวด้วยความกลัว
“เธอดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจที่ฉันพูด ความรู้ที่ไม่ว่าจะได้มาจากที่เห็นของจริงด้วยตาตนเอง หรือจากหนังสือก็ตาม ถูกเก็บไว้ในความมืดที่เร้นลับในก้นบึ้งของจิตใจเธอ อย่างที่ไม่อาจจะออกมาภายนอกได้ เพราะเธอเกลียดมันที่สุด และพอเห็นตั๊กแตนความลับนั้นก็จะปรากฏออกมาเป็นความกลัวราวกับปีศาจ ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ตั๊กแตนตัวเมียจะกินตัวผู้ที่อยู่บนหลังของมัน ซึ่งตัวผู้ก็ยอมให้กินโดยดี”
นักสืบอาเกจิพูดทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเม้มปาก อากาศภายในหลุมหลบภัยเคลื่อนไหวอีกเมื่อยูมิโกะยกมือทั้งสองขึ้นปิดหู สั่นหัวไปมาเหมือนเด็กที่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการ แล้วก็สั่นไปทั้งตัวเหมือนเจ้าเข้า

“กลัวเรื่องที่ฉันพูดมากเลยรึ ไม่อยากฟังใช่ไหม ที่ไม่อยากฟังก็เพราะเรื่องที่ฉันพูดเข้าไปแทงใจดำของเธอใช่ไหม แรงจูงใจให้ฆ่าในกรณีของเธอเป็นกามาตุรฆาตหรือการฆ่าด้วยกามารมณ์ชนิดหนึ่ง เธอมักเกิดความรู้สึกอยากบีบคอคู่รักให้ตายคามือไปตรงนั้น เหมือนตอนที่ฆ่านกกระจ้อยและแมวที่เธอพิศวาสมันมาก เมื่อสติปัญญาของเธอพัฒนาขึ้นตามอายุวัยแผนสังหารก็แยบยลขึ้นตามลำดับ รู้จักวางแผนที่จะไม่ให้ความสงสัยมาตกที่ตัวเธอ และก็ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายครั้ง ฆาตกรรมที่ฆ่าด้วยกามารมณ์ผสมผสานกับการใช้สติปัญญาวางแผนซับซ้อนมีอยู่ไม่น้อย แต่คนที่วางแผนประสมประสานอย่างพิสดารเหมือนเธอนั้นคงไม่มีในประวัติอาชญากรรมของชาติไหน ฉันไม่รู้จะเรียกสภาพจิตที่พิลึกพิลั่นอย่างนี้ของเธอว่าอะไรดี
เธอบอกว่าสำหรับเธอการฆ่าคือการแสดงความรักที่สุดยอด เพราะรักสุดยอดจึงต้องฆ่า การฆ่าคู่ร่วมเพศของตั๊กแตนและแมงมุมคงไม่ใช่ฆ่าเพราะรัก แต่ก็เป็นพฤติกรรมที่คล้ายกับฆ่าเพราะกามารมณ์ มีคำนิยามของความรักที่ดูดดื่มยิ่งนักว่า “รักแทบจะกลืนกิน” ใช่ไหม คงจะมีสักหนึ่งในหมื่นคนกระมังที่มีตัณหาแนวตั๊กแตนหรือแมงมุมซุกซ่อนอยู่ในจิตใจ และเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ตัณหาเติบโตทรงพลังราวยักษ์ใหญ่ เธอคือปีศาจตั๊กแตนดี ๆ นี่เอง
ฉันมองอะไรออกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือขนนกสีขาวซึ่งหมายถึงลูกธนูขนนกขาว ปีศาจร้ายในป่าลึกบนภูเขาอยากเชยชมสาวงามในหมู่บ้าน จึงเอาลูกศรขนนกขาวไปปักบนหลังคาบ้านที่มีลูกสาว ซึ่งพ่อก็จะต้องเอาลูกสาวใส่หีบเอาขึ้นไปวางไว้หน้าศาลเจ้าบนภูเขาแล้วกลับไป พอตกดึกปีศาจก็แกมาเปิดหีบและกินสาวงามนั้นเสีย ซึ่งเหมือนกับเธอ ผิดกันแต่เธอเป็นนางปีศาจโฉมงามที่ล่อผู้ชายหนุ่ม ๆ มาสนองตัณหาแล้วฆ่าทิ้ง ใครจะเชื่อว่ากุลสตรีที่อ่อนโยนเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ใจบุญไม่ฆ่าแม้แต่แมงตัวเล็ก ๆ จะเป็นฆาตกรที่ร้ายกาจ ขนาดผมเองยังตกใจไม่รู้กี่ตลบมาแล้ว
ฉันคิดว่าเธอคงจะไม่ฆ่าตัวตาย นั่นเป็นเรื่องที่ฉันกลัวที่สุด ฉันเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเธอด้วยความระมัดระวังมาตั้งแต่แรก ฆาตกรที่มีความเคารพนับถือตัวเอง และมีฐานะสูงส่งในสังคมมักจะเตรียมยาพิษติดตัวเอาไว้ใช้ในยามเข้าตาจน แต่แรกผมห่วงกังวลมากว่าคุณอาจซ่อนยาพิษติดตัวไว้ที่ไหนสักแห่ง แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าคุณไม่ได้เป็นคนที่มีนิสัยเช่นนั้น
ฉันสังเกตเห็นแล้วว่าเธอขาดสิ่งที่เรียกว่าความเคารพนับถือตัวเอง ขาดความนับถือในเกียรติภูมิ คุณทำอะไรแทบไม่เคยคิดถึงเกียรติยศอันสูงส่งของตระกูลโองาวาระเลยจริงไหม ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายก็เหมือนกันคุณลืมนึกถึงความบริสุทธิ์สะอาดของความรัก คุณเปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นโดยไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ความประพฤติของคุณทุกอย่างอยู่นอกกรอบศาสนาและศีลธรรมจรรยา ไม่ใช่ซิ คุณทำราวกับอยู่ในยุคก่อนที่จะมีศาสนา และศีลธรรมจรรยาเสียอีก เหมือนสัตว์ป่าที่กระหายแต่ตัณหาอย่างเดียว ไม่พยายามเข้าใจความรัก มีแต่สติปัญญาเท่านั้นที่ปราดเปรื่องขึ้นทุกทีอย่างน่าพิศวง ฉลาดจนน่าตกใจ เธอช่างเป็นคนที่มีนิสัยประหลาดพิสดารอย่างบอกไม่ถูก ศตวรรษหนึ่งอาจมีคนอย่างเธอแค่คนเดียวก็ได้ ฉันไม่เข้าใจเธอเลยจริง ๆ เพราะไม่เข้าใจถึงได้พยายามหาเหตุผลต่าง ๆ มารองรับคำวิเคราะห์ของฉัน เพราะเพิ่งจะเห็นได้แค่ผิวเผินเท่านั้น
เธอคงไม่ฆ่าตัวตายและสู้คดีในศาลอย่างไม่สะทกสะท้าน อาจถึงกับสนใจการขึ้นศาลก็ได้ ฉันเองแม้จะกำลังแจงความผิดของเธอ ประณามการกระทำของเธออยู่อย่างนี้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นศัตรูกับเธอเลยนะ คิดสงสัยแต่ว่าทำไมจึงมีนิสัยเช่นนี้ ฉันรู้ว่าเธอรักฉัน ฉันเห็นแววของสัตว์ป่าร่านสวาทอยู่ดวงตางามที่จ้องมองฉันอยู่ เธอคิดกับฉันเช่นนั้นใช่ไหม ฉันกลัวดวงตาคู่นี้ของเธอเสียจริง”
พลังเย้ายวนใจของปีศาจฆาตกรโฉมงาม ป่วนใจของนักสืบอาเกจิผู้เก่งกาจจนหวั่นไหว เหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมาขณะที่พูดไปรู้สึกว่าชักจะเรียงคำพูดไม่ถูก
“จริงอย่างที่คุณคิด ฉันรักคุณ”
นางพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเหมือนกับเป็นเรื่องชอบธรรม
“ถ้าอย่างนั้น ถ้าคุณมีปืนอยู่ในมือคุณอาจยิงผมตายไปเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ ผมรู้ว่าคุณเป็นคนแบบนี้ คนรู้ความลับของคุณมีผม กับ ทาเกฮิโกะ เท่านั้น ถ้าฆ่าเราสองคนเสียคุณก็ปลอดภัย คุณต้องการความปลอดภัยเหนือสิ่งอื่นใด ทาเกฮิโกะคงจะยินดีตายเพื่อคุณ แต่ผมยังไม่เสียสติ ถึงคุณกับทาเกฮิโกะสองจะร่วมมือกันก็เอาชนะผมไม่ได้ อีกทั้งผมก็ไม่ได้หลงใหลรูปโฉมของคุณจนจะยอมปล่อยคุณให้พ้นเงื้อมมือกฎหมายไปอย่างลับ ๆ ผมไม่มีนิสัยที่จะทำอะไรอย่างนั้นได้”
อาเกจิไม่ต้องแจงถึงขนาดนั้นคนฉลาดอย่างยูมิโกะย่อมรู้ตัวดีอยู่
“ฉันไม่คิดว่าจะฆ่าคุณได้ และไม่คิดหนีด้วย คำพูดทุกคำทุกคำของคุณเป็นความจริงทั้งหมด คุณพูดเหมือนกับเข้าไปนั่งอยู่ในใจของฉัน มองเข้าไปถึงส่วนลึกที่แม้แต่ฉันเองยังไม่รู้ ฉันไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว ถ้ามีโอกาสฉันอยากเล่าเรื่องราวของฉันอย่างละเอียดตั้งแต่สมัยเด็กให้คุณฟังคนเดียวแต่ไม่ใช่เวลานี้ สำหรับตอนนี้ฉันทำได้แค่ตามที่คุณสั่งเท่านั้น”
ทาเกฮิโกะนิ่งฟังคำโต้ตอบของคนสองคนด้วยความรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน ยูมิโกะผู้ตกเป็นเบี้ยล่างไม่แสดงความเป็นปรปักษ์ต่ออาเกจิ
นักสืบเอกแม้จะเป็นฝ่ายอยู่เหนือมือก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าดีใจที่เป็นคนชนะ รู้สึกลังเล เหมือนกับยังเสียดายที่จะจบเรื่องทั้งหมดนี้ลง นิสัยที่แปลกประหลาด ความงามและคำสารภาพการฆ่าด้วยกามารมณ์ ยังมีพลังพอที่จะตรึงเขาไว้ตรงนั้น แต่ในที่สุดก็ตัดใจได้
เขาก้าวยาว ๆ ออกไปจากทางออกหลุมหลบภัยโดยเร็ว แล้วผิวปากเสียงแหลม
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาพร้อมกับเงาคนตัวเล็ก ๆ
“โคบายาชิรึ”
“เซ็นเซ ใช่ไหม”
“ไปโทร.แจ้งผู้กองมิโนอุระทันทีเลยนะ ว่าจับคนร้ายได้แล้ว บอกตำบลที่อยู่สถานที่ตรงนี้ให้ชัดเจนทีเดียวนะ”
“ครับผม”
เงาคนตัวเล็กเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไกลออกไปในความมืดมิด
พอกลับเข้าไปในหลุมหลบภัย ก็เห็นยูมิโกะกับทาเกฮิโกะยังนั่งอยู่ในท่าเดิม ไม่ไหวติงเหมือนตุ๊กตา
“อีกไม่ถึงยี่สิบนาทีตำรวจก็จะมา ฉันคิดว่าจะแจ้งคุณโองาวาระ แต่ก็เปลี่ยนใจ ยูมิโกะเธออยากพบคุณโองาวาระไหม”
“ท่านต้องเสียใจมากแน่ ๆ คิดว่าคอยก่อนดีกว่าไหม แต่ฉันเคารพท่านนะคะ พอ ๆ กับเคารพคุณอาเกจิ และก็รักด้วย”
ท่าทางของยูมิโกะสงบนิ่งแทบจะมองไม่ออกว่าเป็นฆาตกรที่กำลังจะถูกตำรวจจับ ผู้หญิงคนนี้หรือผู้ร้ายใจโหดที่ฆ่าผู้ชายมาแล้วเจ็ดคน และกำลังจะฆ่าอีกสองคน คนหนึ่งคือนายโองาวาระสามีที่เธอบอกว่าเคารพรัก ผู้หญิงสาว สวย และเป็นผู้ดีสูงศักดิ์คนนี้น่ะหรือ
“ฉันไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจคนอย่างเธอ ฉันไม่เคยพบใครที่ไหนเหมือนเธอมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ”
นักสืบอาเกจิ โคโงโร สารภาพจากใจจริง
จากนั้นเขาก็เงียบไป มีเรื่องอยากถามอีกมากมายแต่ไม่มีใจที่จะถามในขณะนี้ ไม่มีใครพูดอะไรอยู่ราวห้านาที
“เวลาคอยใครนี่น่าเบื่อจริง ถ้ามีไพ่สักสำรับก็จะดีหรอก เวลาที่ต้องฆ่าเวลาแบบนี้ ต้องเล่นไพ่อย่างเดียวเลย”
ยูมิโกะบ่นเบาๆ ไม่ใช่ใส่จริตหรือเล่นละคร แต่ดูเหมือนพูดด้วยความรู้สึกจากใจจริงที่ไร้เดียงสา
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา
หรือด้วยฤทธิ์พิศวาส..รหัสปริศนาที่ถูกทิ้งไว้จึงมีมนต์มายาราวกับส่งสัญญาณขึ้นมาจากอเวจี
…คุณคงคิดว่าฉันใจร้าย แต่ก็อย่างที่บอกคือฉันไม่เข้าใจว่าอย่างไรจึงจะเรียกว่า “ใจร้าย” สิ่งที่คนทั่วไปมองว่าใจร้ายนั้นสำหรับฉันคือการแสดงความรักที่สุดยอด”
วินาทีนั้นเอง มีตัวอะไรดำ ๆ บินผ่านวูบเข้ามาในวงสว่างบนเพดานหลุมหลบภัยที่เกิดจากลำแสงทรงกรวยของไฟฉายส่องขึ้นไปจับ ขยับปีกพั่บ ๆ หล่นลงมาบนตักของยูมิโกะ ตามมาด้วยกรีดเสียงร้องชวนให้ขนลุกก้องกังวานไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมอับทึบนั้น
อากาศที่นิ่งอยู่ไหวตัวรุนแรง ยูมุโกะผลุดลุกขึ้นยืนตัวตรง ชี้นิ้วและกรีดเสียงสั่งกราดเกรี้ยวราวคนเสียสติ
“โชจิ โชจิซัง ฆ่ามัน ฆ่ามันเดี๋ยวนี้”
นักสืบอาเกจิหยิบไฟฉายส่องไปที่ตัวสัตว์ที่ถูกยูมิโกะสลัดจากตักตกลงไปบนพื้นห้อง พบว่ามันก็แต่ซากศพตั๊กแตนแห้ง ๆ ที่ติดอยู่กับรังค้างคาวบนเพดาน ทาเกฮิโกะหยิบกระดาษทิชชูออกมาจากกระเป๋า เอามันรองมือหยิบศพตั๊กแตนขึ้นมาห่อแล้วโยนไปให้พ้นตาคุณนายโฉมงามที่มุมห้อง
เหมือนกันไม่มีผิด ทาเกฮิโกะนึกถึงตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์โองาวาระใหม่ ๆ ยูมิโกะยืนส่องกล้องสองตาดูแมลงในสวนและพอเห็นตั๊กแตนนางก็แสดงความหวาดกลัวเช่นเดียวกับตอนนี้
เรื่องนี้นักสืบอาเกจิเคยได้ยินจากทาเกฮิโกะมาแล้วและก็ได้อ่านพบในไดอารี่ของยูมิโกะด้วย
“คุณยูมิโกะครัวตั๊กแตนขนาดนี้เลยรึ”
นักสืบเอกถามด้วยเสียงสงบราบคาบอย่างประหลาด คุณนายโฉมงามผู้อาจหาญขณะนี้หมดแรงที่จะโต้ตอบ ได้แต่ยืนตรงตัวสั่นอยู่อย่างนั้น
“กลัวแต่ตั๊กแตน แล้วแมงมุม ตะขาบ งู อะไรแบบนั้นไม่กลัวหรอกหรือครับ”
ยูมิโกะพยักหน้า
“ใช่ ตั๊กแตนอย่างเดียว”
ว่าแล้วกลับมานั่งห่อตัวอยู่ที่เดิม
“รู้ตัวไหมว่าทำไม”
ยูมิโกะไม่ตอบ
“เธอเห็นมันตอนที่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ หรือไม่ก็อ่านพบเรื่องราวของมันในหนังสือ แล้วค่อย ๆ รู้ขึ้นมาทีละน้อยว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกับเธอ และยิ่งรู้ก็ยิ่งเกลียดมันยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งความเกลียดกลายเป็นความกลัว เธอรู้ไหมว่า การเห็นสิ่งมีชีวิตที่มีพฤติกรรมทางเพศอย่างเดียวกันกับตนนั้น น่ากลัวกว่าทุกสิ่งที่ใคร ๆ ว่าน่ากลัวหลายเท่านัก”
ไม่มีคำตอบจากยูมิโกะ
“ถึงเธอจะไม่รู้สึก แต่สามัญสำนึกของเธอต้องรู้แน่ กรณีเช่นนี้ความกลัวยิ่งรุนแรงสาหัสกว่ามาก แมงมุมก็มีพฤติกรรมอย่างเดียวกัน แต่เธออาจไม่รู้ เลยไม่กลัวมัน”
นักสืบอาเกจิจ้องหน้ายูมิโกะเขม็ง และยูมิโกะก็จ้องตอบด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอีกเท่าตัวด้วยความกลัว
“เธอดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจที่ฉันพูด ความรู้ที่ไม่ว่าจะได้มาจากที่เห็นของจริงด้วยตาตนเอง หรือจากหนังสือก็ตาม ถูกเก็บไว้ในความมืดที่เร้นลับในก้นบึ้งของจิตใจเธอ อย่างที่ไม่อาจจะออกมาภายนอกได้ เพราะเธอเกลียดมันที่สุด และพอเห็นตั๊กแตนความลับนั้นก็จะปรากฏออกมาเป็นความกลัวราวกับปีศาจ ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ตั๊กแตนตัวเมียจะกินตัวผู้ที่อยู่บนหลังของมัน ซึ่งตัวผู้ก็ยอมให้กินโดยดี”
นักสืบอาเกจิพูดทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเม้มปาก อากาศภายในหลุมหลบภัยเคลื่อนไหวอีกเมื่อยูมิโกะยกมือทั้งสองขึ้นปิดหู สั่นหัวไปมาเหมือนเด็กที่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการ แล้วก็สั่นไปทั้งตัวเหมือนเจ้าเข้า
“กลัวเรื่องที่ฉันพูดมากเลยรึ ไม่อยากฟังใช่ไหม ที่ไม่อยากฟังก็เพราะเรื่องที่ฉันพูดเข้าไปแทงใจดำของเธอใช่ไหม แรงจูงใจให้ฆ่าในกรณีของเธอเป็นกามาตุรฆาตหรือการฆ่าด้วยกามารมณ์ชนิดหนึ่ง เธอมักเกิดความรู้สึกอยากบีบคอคู่รักให้ตายคามือไปตรงนั้น เหมือนตอนที่ฆ่านกกระจ้อยและแมวที่เธอพิศวาสมันมาก เมื่อสติปัญญาของเธอพัฒนาขึ้นตามอายุวัยแผนสังหารก็แยบยลขึ้นตามลำดับ รู้จักวางแผนที่จะไม่ให้ความสงสัยมาตกที่ตัวเธอ และก็ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายครั้ง ฆาตกรรมที่ฆ่าด้วยกามารมณ์ผสมผสานกับการใช้สติปัญญาวางแผนซับซ้อนมีอยู่ไม่น้อย แต่คนที่วางแผนประสมประสานอย่างพิสดารเหมือนเธอนั้นคงไม่มีในประวัติอาชญากรรมของชาติไหน ฉันไม่รู้จะเรียกสภาพจิตที่พิลึกพิลั่นอย่างนี้ของเธอว่าอะไรดี
เธอบอกว่าสำหรับเธอการฆ่าคือการแสดงความรักที่สุดยอด เพราะรักสุดยอดจึงต้องฆ่า การฆ่าคู่ร่วมเพศของตั๊กแตนและแมงมุมคงไม่ใช่ฆ่าเพราะรัก แต่ก็เป็นพฤติกรรมที่คล้ายกับฆ่าเพราะกามารมณ์ มีคำนิยามของความรักที่ดูดดื่มยิ่งนักว่า “รักแทบจะกลืนกิน” ใช่ไหม คงจะมีสักหนึ่งในหมื่นคนกระมังที่มีตัณหาแนวตั๊กแตนหรือแมงมุมซุกซ่อนอยู่ในจิตใจ และเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ตัณหาเติบโตทรงพลังราวยักษ์ใหญ่ เธอคือปีศาจตั๊กแตนดี ๆ นี่เอง
ฉันมองอะไรออกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือขนนกสีขาวซึ่งหมายถึงลูกธนูขนนกขาว ปีศาจร้ายในป่าลึกบนภูเขาอยากเชยชมสาวงามในหมู่บ้าน จึงเอาลูกศรขนนกขาวไปปักบนหลังคาบ้านที่มีลูกสาว ซึ่งพ่อก็จะต้องเอาลูกสาวใส่หีบเอาขึ้นไปวางไว้หน้าศาลเจ้าบนภูเขาแล้วกลับไป พอตกดึกปีศาจก็แกมาเปิดหีบและกินสาวงามนั้นเสีย ซึ่งเหมือนกับเธอ ผิดกันแต่เธอเป็นนางปีศาจโฉมงามที่ล่อผู้ชายหนุ่ม ๆ มาสนองตัณหาแล้วฆ่าทิ้ง ใครจะเชื่อว่ากุลสตรีที่อ่อนโยนเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ใจบุญไม่ฆ่าแม้แต่แมงตัวเล็ก ๆ จะเป็นฆาตกรที่ร้ายกาจ ขนาดผมเองยังตกใจไม่รู้กี่ตลบมาแล้ว
ฉันคิดว่าเธอคงจะไม่ฆ่าตัวตาย นั่นเป็นเรื่องที่ฉันกลัวที่สุด ฉันเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเธอด้วยความระมัดระวังมาตั้งแต่แรก ฆาตกรที่มีความเคารพนับถือตัวเอง และมีฐานะสูงส่งในสังคมมักจะเตรียมยาพิษติดตัวเอาไว้ใช้ในยามเข้าตาจน แต่แรกผมห่วงกังวลมากว่าคุณอาจซ่อนยาพิษติดตัวไว้ที่ไหนสักแห่ง แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าคุณไม่ได้เป็นคนที่มีนิสัยเช่นนั้น
ฉันสังเกตเห็นแล้วว่าเธอขาดสิ่งที่เรียกว่าความเคารพนับถือตัวเอง ขาดความนับถือในเกียรติภูมิ คุณทำอะไรแทบไม่เคยคิดถึงเกียรติยศอันสูงส่งของตระกูลโองาวาระเลยจริงไหม ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายก็เหมือนกันคุณลืมนึกถึงความบริสุทธิ์สะอาดของความรัก คุณเปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นโดยไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ความประพฤติของคุณทุกอย่างอยู่นอกกรอบศาสนาและศีลธรรมจรรยา ไม่ใช่ซิ คุณทำราวกับอยู่ในยุคก่อนที่จะมีศาสนา และศีลธรรมจรรยาเสียอีก เหมือนสัตว์ป่าที่กระหายแต่ตัณหาอย่างเดียว ไม่พยายามเข้าใจความรัก มีแต่สติปัญญาเท่านั้นที่ปราดเปรื่องขึ้นทุกทีอย่างน่าพิศวง ฉลาดจนน่าตกใจ เธอช่างเป็นคนที่มีนิสัยประหลาดพิสดารอย่างบอกไม่ถูก ศตวรรษหนึ่งอาจมีคนอย่างเธอแค่คนเดียวก็ได้ ฉันไม่เข้าใจเธอเลยจริง ๆ เพราะไม่เข้าใจถึงได้พยายามหาเหตุผลต่าง ๆ มารองรับคำวิเคราะห์ของฉัน เพราะเพิ่งจะเห็นได้แค่ผิวเผินเท่านั้น
เธอคงไม่ฆ่าตัวตายและสู้คดีในศาลอย่างไม่สะทกสะท้าน อาจถึงกับสนใจการขึ้นศาลก็ได้ ฉันเองแม้จะกำลังแจงความผิดของเธอ ประณามการกระทำของเธออยู่อย่างนี้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นศัตรูกับเธอเลยนะ คิดสงสัยแต่ว่าทำไมจึงมีนิสัยเช่นนี้ ฉันรู้ว่าเธอรักฉัน ฉันเห็นแววของสัตว์ป่าร่านสวาทอยู่ดวงตางามที่จ้องมองฉันอยู่ เธอคิดกับฉันเช่นนั้นใช่ไหม ฉันกลัวดวงตาคู่นี้ของเธอเสียจริง”
พลังเย้ายวนใจของปีศาจฆาตกรโฉมงาม ป่วนใจของนักสืบอาเกจิผู้เก่งกาจจนหวั่นไหว เหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมาขณะที่พูดไปรู้สึกว่าชักจะเรียงคำพูดไม่ถูก
“จริงอย่างที่คุณคิด ฉันรักคุณ”
นางพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเหมือนกับเป็นเรื่องชอบธรรม
“ถ้าอย่างนั้น ถ้าคุณมีปืนอยู่ในมือคุณอาจยิงผมตายไปเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ ผมรู้ว่าคุณเป็นคนแบบนี้ คนรู้ความลับของคุณมีผม กับ ทาเกฮิโกะ เท่านั้น ถ้าฆ่าเราสองคนเสียคุณก็ปลอดภัย คุณต้องการความปลอดภัยเหนือสิ่งอื่นใด ทาเกฮิโกะคงจะยินดีตายเพื่อคุณ แต่ผมยังไม่เสียสติ ถึงคุณกับทาเกฮิโกะสองจะร่วมมือกันก็เอาชนะผมไม่ได้ อีกทั้งผมก็ไม่ได้หลงใหลรูปโฉมของคุณจนจะยอมปล่อยคุณให้พ้นเงื้อมมือกฎหมายไปอย่างลับ ๆ ผมไม่มีนิสัยที่จะทำอะไรอย่างนั้นได้”
อาเกจิไม่ต้องแจงถึงขนาดนั้นคนฉลาดอย่างยูมิโกะย่อมรู้ตัวดีอยู่
“ฉันไม่คิดว่าจะฆ่าคุณได้ และไม่คิดหนีด้วย คำพูดทุกคำทุกคำของคุณเป็นความจริงทั้งหมด คุณพูดเหมือนกับเข้าไปนั่งอยู่ในใจของฉัน มองเข้าไปถึงส่วนลึกที่แม้แต่ฉันเองยังไม่รู้ ฉันไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว ถ้ามีโอกาสฉันอยากเล่าเรื่องราวของฉันอย่างละเอียดตั้งแต่สมัยเด็กให้คุณฟังคนเดียวแต่ไม่ใช่เวลานี้ สำหรับตอนนี้ฉันทำได้แค่ตามที่คุณสั่งเท่านั้น”
ทาเกฮิโกะนิ่งฟังคำโต้ตอบของคนสองคนด้วยความรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน ยูมิโกะผู้ตกเป็นเบี้ยล่างไม่แสดงความเป็นปรปักษ์ต่ออาเกจิ
นักสืบเอกแม้จะเป็นฝ่ายอยู่เหนือมือก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าดีใจที่เป็นคนชนะ รู้สึกลังเล เหมือนกับยังเสียดายที่จะจบเรื่องทั้งหมดนี้ลง นิสัยที่แปลกประหลาด ความงามและคำสารภาพการฆ่าด้วยกามารมณ์ ยังมีพลังพอที่จะตรึงเขาไว้ตรงนั้น แต่ในที่สุดก็ตัดใจได้
เขาก้าวยาว ๆ ออกไปจากทางออกหลุมหลบภัยโดยเร็ว แล้วผิวปากเสียงแหลม
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาพร้อมกับเงาคนตัวเล็ก ๆ
“โคบายาชิรึ”
“เซ็นเซ ใช่ไหม”
“ไปโทร.แจ้งผู้กองมิโนอุระทันทีเลยนะ ว่าจับคนร้ายได้แล้ว บอกตำบลที่อยู่สถานที่ตรงนี้ให้ชัดเจนทีเดียวนะ”
“ครับผม”
เงาคนตัวเล็กเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไกลออกไปในความมืดมิด
พอกลับเข้าไปในหลุมหลบภัย ก็เห็นยูมิโกะกับทาเกฮิโกะยังนั่งอยู่ในท่าเดิม ไม่ไหวติงเหมือนตุ๊กตา
“อีกไม่ถึงยี่สิบนาทีตำรวจก็จะมา ฉันคิดว่าจะแจ้งคุณโองาวาระ แต่ก็เปลี่ยนใจ ยูมิโกะเธออยากพบคุณโองาวาระไหม”
“ท่านต้องเสียใจมากแน่ ๆ คิดว่าคอยก่อนดีกว่าไหม แต่ฉันเคารพท่านนะคะ พอ ๆ กับเคารพคุณอาเกจิ และก็รักด้วย”
ท่าทางของยูมิโกะสงบนิ่งแทบจะมองไม่ออกว่าเป็นฆาตกรที่กำลังจะถูกตำรวจจับ ผู้หญิงคนนี้หรือผู้ร้ายใจโหดที่ฆ่าผู้ชายมาแล้วเจ็ดคน และกำลังจะฆ่าอีกสองคน คนหนึ่งคือนายโองาวาระสามีที่เธอบอกว่าเคารพรัก ผู้หญิงสาว สวย และเป็นผู้ดีสูงศักดิ์คนนี้น่ะหรือ
“ฉันไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจคนอย่างเธอ ฉันไม่เคยพบใครที่ไหนเหมือนเธอมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ”
นักสืบอาเกจิ โคโงโร สารภาพจากใจจริง
จากนั้นเขาก็เงียบไป มีเรื่องอยากถามอีกมากมายแต่ไม่มีใจที่จะถามในขณะนี้ ไม่มีใครพูดอะไรอยู่ราวห้านาที
“เวลาคอยใครนี่น่าเบื่อจริง ถ้ามีไพ่สักสำรับก็จะดีหรอก เวลาที่ต้องฆ่าเวลาแบบนี้ ต้องเล่นไพ่อย่างเดียวเลย”
ยูมิโกะบ่นเบาๆ ไม่ใช่ใส่จริตหรือเล่นละคร แต่ดูเหมือนพูดด้วยความรู้สึกจากใจจริงที่ไร้เดียงสา
จบบริบูรณ์