บริษัท “ฟูจิ ซีร็อกซ์” ของญี่ปุ่นประกาศปิดโรงงานรีไซเคิลในประเทศไทย หลังจากรัฐบาลไทยและหลายประเทศประกาศห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์มาแปรรูปในประเทศ ท่ามกลางการเพิ่มความเข้มงวดด้านกฎระเบียบค้าขยะข้ามพรมแดน
บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ อีโค-แมนูแฟตเจอริ่ง ตัดสินใจปิดโรงงานในประเทศไทยในสิ้นเดือนนี้ หลังจากเผชิญกับการลดลงอย่างมากของขยะที่นำมารีไซเคิล ตั้งแต่รัฐบาลไทยสั่งห้ามนำเข้าขยะจากต่างประเทศมาแปรรูปในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561
โฆษกของทางบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า โรงงานในประเทศไทยดำเนินการตั้งปต่ปี 2547 เพื่อรีไซเคิลเครื่องถ่ายเอกสาร พรินเตอร์ และตลับหมึก โดยแยกวัสดุต่างๆ กว่า 90 ชนิด ทั้งพลาสติก ยาง และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ โดยสอดคล้องตามกฎหมายธุรกิจรีไซเคิลของประเทศไทย
โรงงานแห่งนี้ยังรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศต่าง ๆ เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยสามารถแปรรูปขยะอิเล็กทรอนิกส์รวมมากกว่า 60,000 ตัน เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้ถึงร้อยละ 99.8
ญี่ปุ่นได้ส่งออกขยะ พร้อมตั้งโรงงานในหลายประเทศเพื่อรีไซเคิล ทั้งในไทย จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน แต่ในขณะนี้หลายประเทศได้สั่งห้ามการนำเข้าขยะมาแปรรูปในประเทศตน และให้ส่งขยะกลับไปยังประเทศต้นทาง ทำให้บริษัทญี่ปุ่นต้องหาวิธีการจัดการกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะมีพิษ
บริษัท ฟูจิ ซีร็อกซ์ อีโค-แมนูแฟตเจอริ่ง ระบุว่าได้ทยอยให้พนักงานเข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด และจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมาย โดยคนงานที่เหลืออยู่ราว 50 คนจะสิ้นสุดการทำงานในเดือนกรกฎาคม.
