xs
xsm
sm
md
lg

รหัสรักจากอเวจี ตอนที่ 19 มายาอาถรรพ์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

บทประพันธ์ของ เอโดงาวะ รัมโป (1894-1965)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา

หรือด้วยฤทธิ์พิศวาส..รหัสปริศนาที่ถูกทิ้งไว้จึงมีมนต์มายาราวกับส่งสัญญาณขึ้นมาจากอเวจี

ลำแขนเปลือยเปล่าของยูมิโกะรัดอยู่รอบคอชายคนรักแน่นเขม็งจนลูกกระเดือกกดเข้าไปในเนื้อนิ่ม เคราคางที่เพิ่งโกนใหม่ ๆ ทิ่มแทงเนื้อนวลให้ระคายเคือง ใบหน้าของชายหนุ่มบวมเบ่งขึ้นเพราะเลือดคั่ง กลิ่นกายชายที่คุ้นเคยอบอวลอยู่ชิดใกล้ หน้าอกและท้องของยูมิโกะแนบสนิทอยู่กับมือทั้งสองที่ถูกมัดไขว้หลังเอาไว้

วินาทีนั้นเอง ยูมิโกะรู้สึกสัมผัสแปลกประหลาดเหมือนผ้ากำมะหยี่ อบอุ่นแผ่วเบาลูบไล้หลังเปลือยเปล่าของนาง และกลิ่นกายของใครอีกคนหนึ่งแทรกเข้ามา

จิตของยูมิโกะกำลังมัวเมาอยู่กับความหรรษาจนหมดใจนึกว่านั่นเป็นสัมผัสสนองตอบของทาเคฮิโกะ แต่ผ้ากำมะหยี่นิ่มเนียนและอบอุ่นผืนนั้นดูเหมือนจะเคลื่อนไหวตามอำเภอใจ

ลำแขนอบอุ่นตวัดรัดเข้าที่คอของยูมิโกะส่วนอีกข้างหนึ่งแข็งขืนง้างแขนของนางออกจากคอของทาเคฮิโกะด้วยกำลังแรง

ยูมิโกะตกใจแทบสิ้นสติเมื่อรู้สึกตัวว่ามีคน ๆ หนึ่งอยู่ข้างหลัง และร่างที่นุ่มนวลราวกำมะหยี่นั้นเบียดชิดสนิทแนบกับร่างของนางตั้งแต่ส่วนหลังลงไปจนถึงบั้นท้าย

แต่แรกคิดว่าจะดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ล้มเลิกความตั้งใจเพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ แขนแกร่งราวเหล็กกล้าแต่เนื้อผิวนุ่มนวลราวกำมะหยี่จัดการกับนางตามใจชอบราวทำกับเด็ก ๆ ตัวของยูมิโกะถูกดึงห่างออกมาจากทาเคฮิโกะโดยไม่รู้ตัว แล้วถูกกดให้นอนลงบนพื้นคอนกรีต

“นายคือใคร”

ยูมิโกะกระซิบถามอย่างคนสิ้นหวัง แวบหนึ่งคิดไปว่าอาจเป็นนายโองาวาระผู้สามี

“อายใช่ไหมที่จะให้ใคร ๆ เห็นในสภาพอย่างนั้น เสื้อผ้าของเธออยู่ตรงนี้ ปกปิดร่างกายเสียก่อนที่ฉันจะเปิดไฟฉาย”

ไม่ใช่ท่าน แต่เสียงอย่างนี้จำได้ว่าเคยได้ยินมาก่อน

“นายคือใคร”

ยูมิโกะถามอีกครั้ง ก่อนนั่งลงบนพื้นคอนกรีตแล้วสวมใส่เสื้อผ้าที่อีกฝ่ายโยนมาให้

ทันใดนั้นเองแสงจากไฟฉายก็สว่างขึ้นโดยลำแสงส่องขึ้นไปที่เพดานหลุมหลบภัย แสงนั้นดูสว่างจัดจ้าเกินไปสำหรับสายตาที่คุ้นกับความมืดมิดมานาน

แสงจากไฟฉายสะท้อนจากเพดานลงมาจับร่างดำทะมึนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าของชายแปลกหน้า ชายร่างสูงสง่าบุคลิกคล้ายมายากรสวมเสื้อนอกและกางเกงกำมะหยี่สีดำรัดรูป ถุงมือดำ รองเท้าดำ และสวมหน้ากากดำแนบเนื้อเจาะรูสามรูสำหรับตาและปาก

“รู้หรือเปล่านะว่าฉันคือคนขับรถที่เธอนั่งมา พอเธอลงฉันก็ขับไปจอดไว้ที่ตำบลข้าง ๆ ถอดชุดคนขับรถออก เปลี่ยนเป็นชุดนี้มาที่หลุมหลบภัย เมื่อตะกี้เธอไปตรวจดูที่ทางเข้าออกทั้งสองด้านว่ามีใครอยู่บ้างหรือเปล่าใช่ไหม ตอนนี้ฉันซ่อนตัวแนบติดอยู่กับผนังตรงมุมด้านนอกนั่น ฉันใส่ชุดดำปลอดและเป็นผู้เชี่ยวชาญกลยุทธนินจาอย่างหาตัวจับได้ยาก เธอจึงไม่มีทางสังเกตเห็น

ฉันได้ยินที่เธอพูดกันตั้งแต่ต้น ถึงจะมองอะไรไม่เห็นพราะมืดไปหมดแต่หูฉันได้ยินทั้งหมด ฉันลำบากใจมากและรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ ที่ต้องบอกเธอว่าฉันแอบได้ยิน เธอจะต้องอายแน่นอนและฉันก็อายเหมือนกัน แต่มันช่วยไม่ได้เพราะฉันจำเป็นต้องช่วยชีวิตคน ๆ หนึ่งเอาไว้ นี่เป็นส่วนที่ลำบากใจที่สุดในบรรดางานของนักสืบ”

เท่านี้ยูมิโกะก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือใคร ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอาเกจิ โคโงโร นางรู้สึกแปลก ๆ ที่ชายซึ่งคิดว่าเป็นนักสืบบนเก้าอี้นวมและอายุก็ตั้งห้าสิบปีแล้วอย่างนี้ อยู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาปลอมตัวและออกมาผจญภัยอย่างที่เห็น...ตกใจจริง ๆ สัมผัสที่รุนแรงของลำแขนที่แกร่งราวเหล็กกล้าแต่เนื้อผิวนุ่มนวลราวกำมะหยี่ยังเหลืออยู่ที่ลำคอและแขนของนาง นางเคยได้ยินมาเหมือนกันว่านักสืบอาเกจิผู้นี้เป็นนักผจญภัยที่มีฝีไม้ลายมือล้ำเลิศคนหนึ่ง แต่ไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นคนทำอะไรทำจริงอย่างเด็ดเดี่ยวเพียงนี้ นางคำนวณผิดไปถนัดใจ ไม่นึกว่าความเป็นเด็กซนชอบทำอะไรแผลง ๆ อย่างปลอมตัวเป็นคนขับรถจะยังเหลืออยู่ในคน ๆ นี้

ร่างสูงเพรียวในชุดกำมะหยี่สีดำดูยิ่งใหญ่มีสง่าราศรี นางประเมินเขาน้อยไปมากจนไม่น่าให้อภัยตนเอง รู้สึกอายที่พยายามตบตาเขาด้วยลูกไม้ตื้น ๆ ของผู้หญิงเบาปัญญา ยูมิโกะกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดซึม จ้องมองร่างสูงสง่าในชุดดำสนิทด้วยความประทับใจในสรีระอันงดงามของชายผู้สูงส่งเกินกว่าพละกำลัง และภูมิปัญญาจะเอื้อมถึง

“รู้แล้วใช่ไหมว่าฉันคือนักสืบอาเกจิ ฉันคิดมานานแล้วว่าอยากพูดคุยอย่างสบาย ๆ กับเธอสักครั้ง และในที่สุดก็ได้โอกาสแล้วในวันนี้ ตามปกติสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสำหรับการคุยอะไรกันยาว ๆ แต่ในกรณีของเราความมืดราวกับอยู่ในนรกเช่นนี้เหมาะมาก นายว่าไหมทาเคฮิโกะ อ้อ...ลืมไปว่าคงอึดอัดแย่แล้ว เดี๋ยวฉันแก้มัดให้”

นักสืบอาเกจิแก้เส้นลวดทองแดงออกจากข้อมือและช้อเท้าของทาเคฮิโกะที่นอนเปลือยกายกลิ้งอยู่กับพื้น แล้วโยนเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งเกลื่อนอยู่ไปให้ ระหว่างทำเช่นนั้นสายตาของเขาไม่ได้ละไปจากยูมิโกะแม้แต่วินาทีเดียว เพราะห่วงว่านางอาจฆ่าตัวตายก็เป็นได้ คิดว่านางอาจซ่อนยาพิษไว้ที่ไหนสักแห่ง แต่ยูมิโกะไม่ได้แสดงท่าทีเช่นนั้นเลย กลับดูสงบไม่มีท่าทางเกรงกลัวอะไรเลยด้วยซ้ำ

“ทำไมคุณรู้ว่าฉันจะออกมาเรียกแท็กซี่”

ยูมิโกะตัดสินใจได้แล้ว เตรียมตัวพร้อมรับสถานการณ์ที่คาดว่าจะเลวร้ายที่สุดซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ อากัปกิริยาจึงดูสงบไม่หวั่นไหว คิดว่าอย่างน้อยก็ควรพยายามยืดเวลาสนทนากับนักสืบเอกผู้นี้ให้นานเท่าที่จะทำได้ ความจริงแม้จะอยู่ในภาวะคับขันเช่นนี้นางก็ยังรู้สึกสนุกกับการที่มีโอกาสพูดคุยกับชายผู้ฉลาดล้ำคนนี้ด้วยซ้ำ หรือว่านางจะหลงรักนักสืบอาเกจิทรงเสน่ห์ผู้นี้เสียแล้ว

“ที่รู้ก็เพราะได้อ่านไดอารี่ของเธอน่ะซี เธอวางอุบายแนบเนียนมากหลอกล่อให้ทาเคฮิโกะขโมยไดอารี่เล่มนั้นเพราะอยากให้ฉันอ่าน แต่ขอบอกว่าเธอวางแผนผิดตั้งแต่ต้นที่จงใจให้ฉันเห็นข้อความในไดอารี เธอควรให้คนอื่นอ่านมากกว่า บางทีแผนของเธออาจสำเร็จก็ได้”

“รู้แล้ว ไม่ต้องสาธยายมาก ฉันมันหญิงด้อยปัญญาไม่ฉลาดไปกว่าลิงตัวหนึ่ง”

“เธอให้ฉันอ่านไดอารี่เล่มนั้น ฉันจึงรู้ว่าอีกไม่นานจะเกิดเหตุฆาตกรรมเหยื่อรายที่สี่และที่ห้า ก็เลยตกลงใจว่าจะเข้ามายุ่งด้วยหลังจากที่ไม่ได้ผจญภัยมานาน ฉันลอบเข้าไปในคฤหาสน์และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเธอกับนายโองาวาระทั้งวันทั้งคืน เรื่องแบบนี้ฉันถนัดมากมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม ก็ใช้ศาสตร์นินจา และเทคนิคการปลอมตัว ใช้วิธีอะไร ๆ เท่าที่จะคิดได้หลีกเลี่ยงหลอกล่อให้ลอดพ้นสายตาของพวกสาวใช้และคนในบ้าน และฉันก็ได้ล่วงรู้การเคลื่อนไหวของเธอกับท่านสามีอย่างละเอียดเลยทีเดียว

หลังเที่ยงวันนี้ เธอไปที่ห้องของทาเคฮิโกะนัดพบกันที่หน้าสถานีอิชิงายะ ตอนนั้นฉันปลอมตัวเป็นคนสวนเข้ามาขอทำงานกับตาเฒ่าคนทำสวนของเธอ และแอบฟังอยู่นอกหน้าต่างเลยได้ยินหมดทุกคำ

ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช้รถบ้านและก็ไม่เรียกรถเช่า จึงคิดว่าต้องจับรถแท็กซี่ที่แล่นผ่านมาซึ่งคนขับไม่รู้จักหน้าค่าตากัน ฉันจึงไปยืมรถแท็กซี่มาคันหนึ่ง ปลอมตัวเป็นคนขับแล้วซุ่มคอยอยู่ที่ถนนใหญ่ แถวนั้นมีรถแท็กซี่แล่นผ่านมา เรื่อย ๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะเรียกฉันไหม แต่ก็มั่นใจว่าต้องได้ตัวเธอมาขึ้นรถฉันแน่

มีการเล่นกลด้วยไพ่อยู่อย่างหนึ่งเรียกว่า “ฟอร์ซ” คนเล่นกลจะคว่ำไพ่ลง คลี่เป็นรูปพัดยื่นไปตรงหน้าคนดูแล้วบอกให้ชักใบที่ชอบออกไปหนึ่งใบ ความจริงนั่นเป็นมายากลที่บังคับให้คนดูคนนั้นชักไพ่ใบที่คนเล่นกลต้องการให้ชักเอาไป มายากลนี้ใช้ได้ในหลายกรณี และสามารถใช้อย่างได้เป็นอย่างดีในกรณีที่ต้องการให้เธอเรียกรถฉันทั้ง ๆ ที่มีแท็กซี่แล่นผ่านมาหลายคัน ไม่ใช่เรื่องยากแค่จัดรูปลักษณ์ภายนอกของรถ เสื้อผ้าและบุคลิกของคนขับ ตำแหน่งที่อยู่ของรถให้เข้าจังหวะกับจิตของคนที่จะเรียกรถเท่านั้น บางครั้งอาจต้องเคลื่อนที่อย่างฉับไวเข้าไปในจุดที่สะดุดตาโดยไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตได้ว่าตั้งใจทำอย่างนั้น วิธีนี้อาจไม่ได้ผลถ้าอีกฝ่ายระวังตัวเกินเหตุและฝืนใจเลือกรถที่ตนไม่ถูกใจที่สุด แต่เธอไม่ได้ระวังตัวถึงขนาดนั้นจึงหลงกลฉันโดยง่าย”

ไฟฉายที่วางตั้งอยู่บนพื้นฉายจับเพดานคอนกรีตสีเทาหม่น ทั้งสามอยู่นอกลำแสงรูปกรวยนั้นแต่แสงสลัวที่สะท้อนลงมาจับใบหน้าให้พอเห็นกัน นักสืบอาเกจิในชุดดำสนิทถอดหน้ากากออกแล้ว เผยให้เห็นใบหน้ายาวเรียวเข้มคมสมชายและผมดำแซมเทายุ่งเหยิง เขานั่งอยู่บนพื้นเหยียดขายาวเพรียวอยู่ครึ่ง ๆ ยูมิโกะใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วก็นั่งอยู่ตรงนั้น ส่วนทาเคฮิโกะใส่กางเกงและเสื้อตัวนอกนั่งยอง ๆ ทำหน้าไม่สบายใจอยู่ใกล้ ๆ นักสืบอาเกจิพูดต่อ

“ทาเคฮิโกะ เมื่อตะกี้นายเกือบถูกฆ่าตายอยู่แล้ว เธออาจคิดว่าถึงจะถูกฆ่าก็ไม่เป็นไรแต่ฉันไม่อาจปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้น ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงต้องถูกฆ่า อาจเป็นเพราะนายไปอ่านไดอารี่เล่มนั้นเข้าก็เป็นได้ เพราะดูจากภายนอกแล้วนั่นก็เป็นเหตุจูงใจที่สมเหตุสมผลอยู่ เพราะคุณนายยูมิโกะย่อมต้องรักษาความลับของนายโองาวาระท่านสามีของเธอ แต่นายไม่ใช่คนเดียวที่อ่านไดอารี่เล่มนั้น ฉันก็อ่านด้วย อย่างนี้ฆ่าเธอคนเดียวคงปิดความลับไม่มิดแน่

ยูมิโกะ พอเห็นไดอารี่เล่มนั้นฉันมองเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างทะลุปรุโปร่งเลยทีเดียว แน่นอน...ฉันสงสัยเธอมากมาตั้งแต่แรก จำวันที่ฉันไปที่คฤหาสน์ได้ไหม ฉันพูดถึงแต่ธุระของตัวเองและกลับไปโดยไม่ถามอะไรเลยสักคำ ตอนนั้นระหว่างสาธยายอะไร ๆ นั้นฉันลอบสังเกตสีหน้าของท่านสามีและของเธออย่างถี่ถ้วน และพอคิดขึ้นมาว่าคนใดคนหนึ่งน่าจะเป็นฆาตกร ฉันก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาทันทีต้องเป็นเธอมากกว่านายโองาวาระ

อีกจุดมุ่งหมายหนึ่งของการไปเยือนคฤหาสน์ครั้งนั้นก็คือ ต้องการกระตุ้นให้ฆาตกรรีบลงมือทำตามแผนชั่วร้ายขั้นต่อไป ที่ฉันอธิบายถึงการแก้ปริศนาที่ฆาตกรคิดว่าผูกเงื่อนปมไว้ซับซ้อนดีแล้วนั้นเป็นวิธีข่มขวัญคนร้ายให้รู้ไว้ว่าฉันรู้ทันหมดแล้ว ซึ่งก็ได้ผลอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด เธอต้องรีบเขียนไดอารี่อย่างเร่งด่วนพอทาเคฮิโกะเห็นเข้าก็ทำทีว่าเป็นเรื่องลึกลับซ่อนเร้น แต่จริง ๆ แล้วอยากให้ทาเคฮิโกะเห็นชัด ๆ

เธอเขียนไดอารี่ได้ดีมาก อ่านแล้วอดทึ่งกับสติปัญญาอันล้ำลึกของเธอไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงไม่ใช่นิยายที่แต่งขึ้นจากจินตนาการ เป็นเรื่องจริงทั้งหมด ผู้ชายสามคนถูกฆ่าจริง และฆาตกรใช้กลอุบายที่ผูกเป็นปริศนาซับซ้อนซ่อนเงื่อนจนไม่มีใครสงสัยจริง แผนนั้นมองเผิน ๆ ชวนให้คิดว่าถูกกลั่นกรองออกมาจากสมองของผู้ชาย ผู้หญิงไม่น่าจะคิดอะไรได้ขนาดนั้น ฉันเองก็เคยสงสัยนายโองาวาระเหมือนกัน จึงได้ขอไปพบที่คฤหาสน์วันนั้น และพอได้สังเกตอุปนิสัยใจคอของท่านผู้นั้นอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงรู้สึกว่าไม่ใช่

นายโองาวาระเป็นคนชอบอ่านนิยายสืบสวนสอบสวนมาก ทั้งยังเป็นนักค้นคว้าวิจัยประวัตศาสตร์อาชญากรรม และเป็นมายากรสมัครเล่นมือดีคนหนึ่งด้วย กลอุบายที่ใช้ในการฆาตกรรมชุดนี้ก็ดูเหมาะเจาะที่สุดกับการที่จะบ่งชี้ว่าเป็นฝีมือของคนคนนี้ แต่พอมาคิดดูดี ๆ แล้วมันไม่มีความเหมาะเจาะเอาเลย นายโองาวาระอาจชอบอ่านนิยายสืบสวนสอบสวน เป็นนักค้นคว้าวิจัยอาชญากรรม แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งจรรโลงใจ ซึ่งมองแล้วเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะนำมาปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน จากการที่ได้พูดคุยกันทำให้ฉันเข้าใจดีว่านายโองาวาระเป็นคนที่อยู่ในโลกของความเป็นจริงด้วยสติสัมปชัญญะที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งทำให้จำเป็นต้องมีสิ่งจรรโลงใจบ้างอย่างเช่นนิยายสืบสวนสอบสวนและประวัติศาสตร์อาชญากรรม

ตอนนั้น ฉันสังเกตเธออย่างใกล้ชิดด้วย และรู้สึกถึงความไม่ปกติอย่างไรชอบกล ในกิริยาท่าทางเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการใช้ถ้อยคำ การหัวเราะ การใช้มือใช้ไม้ คนที่เคยสัมผัสกับพวกที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมมามากอย่างผมจะไวกับสิ่งพวกนี้มาก นายโองาวาระไม่แสดงทีท่าว่ายำเกรงอะไรฉัน แต่เธอต่างหากที่กลัวและพยายามอำพรางความกลัวเอาไว้ด้วยกิริยาฉาบหน้าอย่างที่คิดว่าแนบเนียน ผู้หญิงส่วนใหญ่ถึงจะเล่นละครเก่ง แต่ความหวาดกลัวรุนแรงนั้นไม่ว่าจะซ่อนเอาไว้ลึกแค่ไหนก็ไม่รอดสายตาผมไปได้หรอก

ฉันอ่านไดอารี่ของเธอแล้วรู้สึกทึ่งมาก กลยุทธ์นั้นไม่ได้วางไว้อย่างละเอียดลึกซึ้งและมีเล่ห์เหลี่ยมแหลมคมเท่านั้น แต่ได้เน้นแรงจูงใจให้ฆ่าไปที่นายโองาวาระคนเดียวเต็ม ๆ และทุกครั้งที่เกิดเหตุก็จะวางกลยุทธ์อย่างแยบยล ทำให้หลักฐานที่อยู่ ณ เวลาที่เกิดเหตุฆาตกรรมของนายโองาวาระคลาดเคลื่อน ซึ่งนั่นจำเป็นต้องใช้ภูมิปัญญาต่อยอดสองชั้นเลยทีเดียวแต่เธอทำได้สำเร็จ ใครก็ตามที่ได้อ่านไดอารี่จะต้องสงสัยว่านายโองาวาระเป็นฆาตกรตัวจริง เพราะผู้ชายที่ถูกแย่งเมียอย่างเขามีแรงจูงใจให้ฆ่าพอยิ่งกว่าพอ ส่วนเธอนั้นไม่มีใครสงสัยอะไรทั้งนั้นเพราะดูแล้วไม่มีแรงจูงใจอะไรเลย

จากข้อความในไดอารี จุดเริ่มต้นของการสันนิษฐานเรื่องนายฮิเมดะ อยู่ตรงที่เธอกับนายโองาวาระยืนส่องกล้องสองตาแล้วท่านสามีของเธอทิ้งผ้าเช็ดหน้าสีขาวลงไปจากหน้าต่าง ถ้าเขาจงใจทิ้งลงไปจริงคำสันนิษฐานของเธอก็ถูกต้อง แต่ฉันคิดถึงความเป็นไปได้อีกกรณีหนึ่งคือ นายโองาวาระเช็ดเลนซ์เสร็จและพอจะเก็บผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋า เธอซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ยื่นนิ้วออกไปเขี่ยให้มันหลุดจากมือเขาตกลงไปจากหน้าต่าง...เป็นยังไง คิดว่านาย โองาวาระก็คงคิดว่าตนเองเป็นคนทำตก เพราะใครจะคิดว่าเธอจะจงใจยื่นนิ้วเข้ามาเขี่ยให้มันตกลงไปอย่างนั้น ไม่มีใครคาดถึงหรอก

ทีนี้ ถ้าคนที่ตั้งใจทิ้งผ้าเช็ดหน้าลงไปคือเธอ คำสันนิษฐานตัวคนร้ายก็จะกลับตาละปัด คือฆาตกรไม่ใช่นาย โองาวาระแต่คือเธอ ฉันจับประเด็นนั้นเป็นจุดเริ่มต้นอ่านไดอารีของเธออย่างละเอียดทุกตัวอักษร วางความคิดที่ว่านั้นของฉันทาบทับลงไปทีละขั้นตอน แล้วมันก็เข้าล็อกไปเรื่อย ๆ จนทำให้ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งว่าพฤติกรรมร้ายกาจทั้งหมดนั้นเป็นของเธอ

อุบายทิ้งตุ๊กตาหุ่นลองเสื้อลงมาจากหน้าผาอุโอมิซากินั่นเป็นของเธอไม่ใช่ของนายโองาวาระ ไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดที่เธอจะแนะให้นายมูราโคชิซึ่งเป็นศัตรูความรักของนายฮิเมดะเป็นคนทำ นายมูราโคชิที่หลงรักเธอจนหัวปักหัวปำขนาดนั้นคงจะดีใจจนบอกไม่ถูกเมื่อเธอไปปรึกษาเรื่องนายฮิเมดะและขอให้ร่วมมือกำจัดเสียให้พ้นทาง ฉันเชื่อว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีพลังอำนาจพอที่จะโน้มน้าวให้ผู้ชายทำตามที่ใจเธอต้องการ คุณคงเข้าใจที่ฉันพูด เมื่อครู่นี้นี้ทาเคฮิโกะก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ายินดีปรีดาขนาดไหน ขณะที่เธอกำลังรัดคอเขาจวนจะตายอยู่อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

คุณมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ ณ เวลาเกิดเหตุวันนั้น ว่าเธออยู่บ้านตลอดจนถึงเวลาที่ขึ้นไปส่องกล้องกับท่านสามีใช่ไหม นายทาเคฮิโกะขับรถกลับมาคนเดียวจากสนามกอล์ฟ จึงมีเวลาพอที่จะแวะผลักนายฮิเมดะตกหน้าผา อุโอมิซากิ ส่วนเธออยู่บ้านจึงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ใช่ไหม หลักฐานยืนยันการอยู่บ้านของเธอคือเปียโน ทาเคฮิโกะเป็นพยานว่าเขานั่งฟังอยู่ตลอด แต่ระหว่างช่วงเวลานั้นไม่มีใครเข้าไปในห้องเธอที่ชั้นสอง และประตูห้องก็คงล็อกกุญแจ ผมถามได้ความว่าที่บ้านพักตากอากาศเมืองอาตามิมีเครื่องบันทึกเสียงอยู่ด้วย และถ้าใช้เทปม้วนใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเปิดเพลงเดี่ยวเปียโนให้ฟังกันเกือบชั่วโมงโดยไม่มีใครเล่นจริง ๆ อยู่ในห้อง ฆาตกรรมชุดนี้ดูเหมือนจะมีการใช้ประโยชน์จากเครื่องบันทึกเสียงอย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว

เธอปลอมตัวใส่ชุดเสื้อกางเกงของท่านสามีที่เตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า ใส่เสื้อโค้ตสีเทาและสวมหมวกสีเดียวกัน ปีนหน้าต่างห้องเดินเลาะหลังคามาลงที่สวนหลังบ้านและเล็ดลอดออกทางประตูไม้ระแนงที่อยู่ลึกเข้าไปทางด้านหลัง เดินผ่านป่ามุ่งไปยังหน้าผาอุโอมิซากิ นายฮิเมดะมายืนคอยอยู่ใต้ต้นสนเดี่ยวตรงตามเวลาที่นัดไว้กับเธอ เธอคงจะเล้าโลมร่วมรักกับเขาอย่างสมใจเลยละมัง ฉันรู้ว่าเธอจะต้องตื่นเต้นระทึกใจกับฉากรักที่อาจหาญท้าทายฟ้าดินอย่างนั้นไม่น้อยเลย จริงไหม”

ยูมิโกะนิ่งฟังพร้อมกับจ้องจับไปที่ใบหน้าของนักสืบอาเกจิขณะพูดไม่วางตา และพยักหน้าตอบคำถามที่ควรแก่การอับอายนั้นอย่างไม่ลังเล


กำลังโหลดความคิดเห็น